กระแสพลังคลื่นวิญญาณกลุ่มนี้มิได้แข็งแกร่งนัก หลัวซิวใช้พลังวิญญาณแปลงเป็นมือใหญ่ข้างหนึ่ง คว้าตรงเข้าไปหาลำแสงสีแดงสดที่แทงเข้ามา
ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ยกเท้าข้างหนึ่งเตะออกไป โครงกระดูกที่ถูกตอกอยู่บนหน้าผาถูกเตะแตกกระจาย
โฮก! โฮก! โฮก!......
หลังจากลำแสงสีแดงถูกหลัวซิวจับเอาไว้ ห้วงความคิดวิญญาณที่เต็มไปด้วยเสียงร้องคำรามดังลอยมาไม่ขาดสาย
ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเซียน ตัวสำนึกพลังวิญญาณสามารถแปรผันเป็นสสาร ยังเรียกได้ว่าเป็นพลังวิญญาณมีรูปร่าง
มือใหญ่พลังวิญญาณ ก็เป็นเหมือนฝ่ามือที่แท้จริง เฉกเช่นกรงขัง กักขังลำแสงสีแดงสดนั่นเอาไว้
จับจ้องมองไป หลัวซิวพบว่า ลำแสงสีแดงสดสายนี้ เป็นเหมือนดั่งแก้วสีแดงเลือด ที่เต็มไปด้วยไอสังหารอันน่าทึ่งกับห้วงความคิดต่าง ๆ ที่ยุ่งเหยิง
“ฆ่า......”
“กลืนมันเสีย กินมันสิ!”
“......”
ไม่นานหลัวซิวก็ได้ขมวดคิ้ว เขาพบว่าแสงสีแดงเลือดเล็ก ๆ แผ่นนี้ เหมือนจะเป็นชิ้นส่วนของช่องจิตที่แตกกระจายดวงหนึ่ง ห้วงความคิดที่อยู่ด้านในนั้นยุ่งเหยิงมาก ไม่มีห้วงความคิดที่เป็นของตัวเองเลย
“เพล้ง!”
มือใหญ่พลังวิญญาณออกแรงเล็กน้อย บีบชิ้นส่วนช่องจิตนี้จนแตกสลาย ตัวสำนึกของหลัวซิวไขว่คว้า ก็ไม่ได้ข้ามูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ เลย ห้วงความคิดที่ยุ่งเหยิงในช่องจิต ไม่มีความทรงจำใด ๆ อยู่เลย
ด้านตัวสำนึกพลังวิญญาณ หลัวซิวแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาเซียนส่วนมากเสียอีก การโจมตีในเมื่อสักครู่กะทันหันเกินไป สำหรับเขาแล้วสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย แต่หากเป็นมนุษย์อมตะหรือเซียนดินคนหนึ่ง เป็นไปได้มากว่าวิญญาณดั้งเดิมจะได้รับการกระแทก หากถูกห้วงความคิดที่ยุ่งเหยิงพวกนั้นกัดกร่อนความทรงจำ ผลที่ตามมามันอันตรายอย่างยิ่ง
มนุษย์อมตะกับเซียนดินยังเป็นเช่นนั้นเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบรรดาประมุขเต๋ามกุฎเต๋าในโลกามนุษย์ โชคดีที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครบุกเข้าสู่ส่วนลึกของแดนบรรพกาล มิเช่นนั้นก็คงไม่รู้ว่าต้องมีคนตายไปมากมายแค่ไหน
“ครืน......”
ทันใดนั้น ทั่วทั้งท้องฟ้าเหนือซากสนามรบได้มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเหมือนดั่งสายฟ้าคำราม
จากนั้นห่าฝนราวกับหมึกดำ ก็ได้โหมกระหน่ำเทลงมา
แสงเซียนกระจายออกมาทั่วร่างของหลัวซิว กีดกันเม็ดฝนสีดำเอาไว้ด้านนอก ทั่วทั้งฟ้าดินในยามนี้ ล้วนถูกความดำไร้สิ้นสุดปกคลุม มืดครึ้มอย่างน่าสะพรึงกลัว
เงยหน้ามองไป บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยรอยร้าวเหมือนใยแมงมุม เหมือนได้มีวังวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น หยาดฝนสีดำตกเปาะแปะกระทบแสงเซียนสีทอง ราวกับกระบี่หมื่นเล่มกระทบกัน
“เป็นพลังที่ร้ายกาจยิ่งนัก”
หลัวซิวสัมผัสได้ว่า ในเม็ดฝนสีดำพวกนี้แฝงไว้ด้วยชี่ฉกรรจ์กับชี่มรณะอันเข้มข้น เม็ดฝนกระทบลงบนแสงเซียนที่อยู่บนร่างของเขา ประกอบไปด้วยแรงกระแทกที่รุนแรง
เขาไม่กล้าให้เม็ดฝนสีดำนั่นตกสู่ร่างของตนเอง เพราะสถานที่แห่งนี้แปลกประหลาดเกินไป มีความเป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้องกับความลับของยุคฮวงกู่
เรื่องในอดีตก่อนยุคฮวงกู่ แม้แต่มกุฎเซียนจักรพรรดิเซียนในยุคหลังต่างก็ไม่สามารถย้อนกลับไปสืบเสาะได้ ทั้งหมดนี้หลัวซิวต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง เพราะอย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับบรรดาผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในยุคบรรพกาล เขาอ่อนแอเหมือนดั่งมดตัวเล็ก ๆ
“ปัง! ปัง! ปัง!......”
เม็ดฝนสีดำกระแทกลงบนแสงเซียนสีทองบนร่างของหลัวซิว เสียงดังอู้อี้ไร้ที่เปรียบ
แม้จะอาศัยพลังอมตะสรรพวิถีล้วนว้าง ก็ไม่สามารถสลายชี่มรณะกับชี่ฉกรรจ์ที่แฝงอยู่ในหยาดฝนได้
หลัวซิววางมือทั้งสองข้างลงบนจุดตันเถียน มือวาดพลังตราประทับ วิชาตราประทับดวงหนึ่งถูกวาดขึ้นมา
“พรึบ!”
ทันใดนั้น แสงสีท้องที่อยู่บนร่างของเขาพลันแปรผัน ตรีภพมวลใหญ่โหมกระหน่ำออกมา ภาพไท่จี๋ลอยอยู่ในตรีภพ พลังคุ้มกันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ในตรีภพ ไร้ลักษณ์แปรผันสรรพสิ่ง เม็ดฝนสีดำตำลงมาไม่ขาดสาย เหมือนดังมีดวงดารามากมายกระแทกอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...