ได้พบกับห่าฝนสีดำเป็นอันดับเรก ตามมาด้วยร่องรอยจิตสังหารที่ทรงมหิทธิฤทธิ์ไร้เทียมทานหลงเหลือเอาไว้
สิ่งที่พบเจอมาติดต่อกัน ทำให้หลัวซิวระมัดระวังยิ่งขึ้น
อย่างไม่รู้ตัว หลัวซิวได้เดินเข้าสู่หุบเขาแห่งหนึ่ง เขาไม่ได้ใส่ใจ เดินกลับไปยังทางเดิม จากนั้นก็เดินออกไป
ทว่าไม่นานสักเท่าไรนัก เขาก็พบว่าตนเองได้เดินมาถึงหุบเขาแห่งนี้อีกครั้ง......
“นี่มันอะไรกัน?”
หลัวซิวหรี่ตาลง เขาเชื่อว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นโดยไม่มีสาเหตุอย่างแน่นอน
“ค่ายกลหรือ?”
ขมวดคิ้วแน่น หลัวซิวคิดว่าไม่น่าจะใช่ค่ายกล เพราะระหว่างทางที่เดินมาเขาระวังตัวมาก ไม่ได้พบเห็นร่องรอยใด ๆ ของค่ายกลเลย
แน่นอน ก็อาจเป็นไปได้ว่าระดับของค่ายกลนั้นสูงเกินไป ทำให้เขามองไม่ออก
“หรือว่าห้วงเวลาได้รับผลกระทบจากพลังบางอย่างงั้นหรือ?”
หลัวซิวคิดว่ามีความเป็นไปได้สูง แต่ปมของปัญหาคือ เขาสัมผัสไม่ได้ถึงความผิดปกติของห้วงดารา
สามารถเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ของห้วงเวลาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ฝีมือเช่นนี้ช่างสูงส่งยิ่งนัก
ตามความเห็นของหลัวซิว ก็เป็นไปได้ว่าในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา พลังที่อยู่ในซากสนามรบแห่งนี้ได้สั่งสมมาตามวันตามเดือนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ดังนั้นจึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
อย่างไรเสียมันก็ผ่านมานานมาก เก่าแก่ยิ่งกว่ายุคบรรพกาลเสียอีก
“ในระบบของการฝึกยุทธ์ มีค่ายกลที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบของเกณฑ์ฟ้าดินได้ และเกิดเป็นพลังลี้ลับที่คาดเดาไม่ได้ขึ้นมา”
“สุดยอดมหาปรมาจารย์ค่ายกลผู้หนึ่ง ถึงขั้นสามารถปรับเปลี่ยนฟ้าดินได้ ใช้ค่ายกลบุกเบิกห้วงเวลาฟ้าดิน แม้แต่ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไร้เทียมทานยังถูกผนึกสังหารได้!”
“บางทีข้าอาจลงมือจากด้านนี้ได้”
หลัวซิวยืนอยู่ที่เดิม วิชาไร้ลักษณ์อนุมานขึ้นมาในมอง วิถีแห่งค่ายกลที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้ง
เขาอนุมานความอัศจรรย์ของวิถีค่าย พลางหยิบวัตถุดิบต่าง ๆ ออกมาหลอมธงค่าย ในความเห็นของเขา ในเมื่อห้องเวลาได้รับผลกระทบทำให้เขาถูกขังอยู่ที่นี่ เช่นนั้นวิธีที่ดีที่สุด ย่อมคือการทำลายห้วงเวลาที่ถูกผนึก บุกเบิกเส้นทาง ออกไปสู่โลกภายนอก
แน่นอน หลัวซิวไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับการอาศัยพลังของค่ายกลเพื่อทำลายผนึก เขาแค่อาศัยวิถีค่าย มาอนุมานทิศทาง
หลังจากใช้เวลาไปเจ็ดแปดชั่วยาม หลัวซิวถึงหลอมธงค่ายได้เพียงพอ ธงค่ายทุกผืนต่างหลอมขึ้นโดยใช้วัตถุดิบเซียนระดับสี่ ทัดเทียมกับภัณฑ์เซียนผู้ชนะ
“พรึบพับ......”
ภายใต้การขับเคลื่อนของจิตเซียน ธงค่ายนับร้อยต่างได้กางออก ผืนธงปลิวสะบัด เหมือนดั่งเทพธิดาโปรยดอกไม้ ลอยหมุนอยู่รอบกายหลัวซิวอย่างรวดเร็ว
“โฮก!”
ทันใดนั้น เงาสีดำปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน คำรามพลางกระโจนเข้าหาหลัวซิว พลังอำนาจน่าหวาดกลัว
หลัวซิวยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน สีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เหมือนว่าได้คาดการเอาไว้แต่แรกแล้ว
เขาก้าวออกไปด้านหน้า แสงเซียนสีทองลอยขึ้นรอบกาย กลายเป็นเปลวเพลิง เหมือนดั่งเซียนนักรบทองคำได้ประทับลงมา
“ตึง!”
เขาอาศัยเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ปลุกเสกเบิกเนตร วิชาตราประทับถูกซัดออกไป จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เงาดำถูกจู่โจมลอยขวางออกไป
จนกระทั่งถึงตอนนี้ หลัวซิวพึ่งมองเป็นรูปลักษณ์ของเงาดำได้ชัดเจน เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายกับภูตมรณะ ร่างเหมือนมนุษย์ มีเกล็ดสีดำบนผิวหนัง มีดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่ง มีปีกหักอยู่ข้างซ้าย
กระแสความตายอันเย็นยะเยือกรายล้อมอยู่บนร่างของมัน ของเหลวสีดำไหลออกมาจากปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคมอยู่ไม่ขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...