สรุปเนื้อหา บทที่ 3204 สัมผัสโดนสิ่งต้องห้าม – มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม
บท บทที่ 3204 สัมผัสโดนสิ่งต้องห้าม ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ได้พบกับห่าฝนสีดำเป็นอันดับเรก ตามมาด้วยร่องรอยจิตสังหารที่ทรงมหิทธิฤทธิ์ไร้เทียมทานหลงเหลือเอาไว้
สิ่งที่พบเจอมาติดต่อกัน ทำให้หลัวซิวระมัดระวังยิ่งขึ้น
อย่างไม่รู้ตัว หลัวซิวได้เดินเข้าสู่หุบเขาแห่งหนึ่ง เขาไม่ได้ใส่ใจ เดินกลับไปยังทางเดิม จากนั้นก็เดินออกไป
ทว่าไม่นานสักเท่าไรนัก เขาก็พบว่าตนเองได้เดินมาถึงหุบเขาแห่งนี้อีกครั้ง......
“นี่มันอะไรกัน?”
หลัวซิวหรี่ตาลง เขาเชื่อว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นโดยไม่มีสาเหตุอย่างแน่นอน
“ค่ายกลหรือ?”
ขมวดคิ้วแน่น หลัวซิวคิดว่าไม่น่าจะใช่ค่ายกล เพราะระหว่างทางที่เดินมาเขาระวังตัวมาก ไม่ได้พบเห็นร่องรอยใด ๆ ของค่ายกลเลย
แน่นอน ก็อาจเป็นไปได้ว่าระดับของค่ายกลนั้นสูงเกินไป ทำให้เขามองไม่ออก
“หรือว่าห้วงเวลาได้รับผลกระทบจากพลังบางอย่างงั้นหรือ?”
หลัวซิวคิดว่ามีความเป็นไปได้สูง แต่ปมของปัญหาคือ เขาสัมผัสไม่ได้ถึงความผิดปกติของห้วงดารา
สามารถเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ของห้วงเวลาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ฝีมือเช่นนี้ช่างสูงส่งยิ่งนัก
ตามความเห็นของหลัวซิว ก็เป็นไปได้ว่าในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา พลังที่อยู่ในซากสนามรบแห่งนี้ได้สั่งสมมาตามวันตามเดือนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ดังนั้นจึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
อย่างไรเสียมันก็ผ่านมานานมาก เก่าแก่ยิ่งกว่ายุคบรรพกาลเสียอีก
“ในระบบของการฝึกยุทธ์ มีค่ายกลที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบของเกณฑ์ฟ้าดินได้ และเกิดเป็นพลังลี้ลับที่คาดเดาไม่ได้ขึ้นมา”
“สุดยอดมหาปรมาจารย์ค่ายกลผู้หนึ่ง ถึงขั้นสามารถปรับเปลี่ยนฟ้าดินได้ ใช้ค่ายกลบุกเบิกห้วงเวลาฟ้าดิน แม้แต่ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ไร้เทียมทานยังถูกผนึกสังหารได้!”
“บางทีข้าอาจลงมือจากด้านนี้ได้”
หลัวซิวยืนอยู่ที่เดิม วิชาไร้ลักษณ์อนุมานขึ้นมาในมอง วิถีแห่งค่ายกลที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้ง
เขาอนุมานความอัศจรรย์ของวิถีค่าย พลางหยิบวัตถุดิบต่าง ๆ ออกมาหลอมธงค่าย ในความเห็นของเขา ในเมื่อห้องเวลาได้รับผลกระทบทำให้เขาถูกขังอยู่ที่นี่ เช่นนั้นวิธีที่ดีที่สุด ย่อมคือการทำลายห้วงเวลาที่ถูกผนึก บุกเบิกเส้นทาง ออกไปสู่โลกภายนอก
แน่นอน หลัวซิวไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับการอาศัยพลังของค่ายกลเพื่อทำลายผนึก เขาแค่อาศัยวิถีค่าย มาอนุมานทิศทาง
หลังจากใช้เวลาไปเจ็ดแปดชั่วยาม หลัวซิวถึงหลอมธงค่ายได้เพียงพอ ธงค่ายทุกผืนต่างหลอมขึ้นโดยใช้วัตถุดิบเซียนระดับสี่ ทัดเทียมกับภัณฑ์เซียนผู้ชนะ
“พรึบพับ......”
ภายใต้การขับเคลื่อนของจิตเซียน ธงค่ายนับร้อยต่างได้กางออก ผืนธงปลิวสะบัด เหมือนดั่งเทพธิดาโปรยดอกไม้ ลอยหมุนอยู่รอบกายหลัวซิวอย่างรวดเร็ว
“โฮก!”
ทันใดนั้น เงาสีดำปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน คำรามพลางกระโจนเข้าหาหลัวซิว พลังอำนาจน่าหวาดกลัว
หลัวซิวยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน สีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เหมือนว่าได้คาดการเอาไว้แต่แรกแล้ว
เขาก้าวออกไปด้านหน้า แสงเซียนสีทองลอยขึ้นรอบกาย กลายเป็นเปลวเพลิง เหมือนดั่งเซียนนักรบทองคำได้ประทับลงมา
“ตึง!”
เขาอาศัยเวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ปลุกเสกเบิกเนตร วิชาตราประทับถูกซัดออกไป จากนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เงาดำถูกจู่โจมลอยขวางออกไป
จนกระทั่งถึงตอนนี้ หลัวซิวพึ่งมองเป็นรูปลักษณ์ของเงาดำได้ชัดเจน เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายกับภูตมรณะ ร่างเหมือนมนุษย์ มีเกล็ดสีดำบนผิวหนัง มีดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่ง มีปีกหักอยู่ข้างซ้าย
กระแสความตายอันเย็นยะเยือกรายล้อมอยู่บนร่างของมัน ของเหลวสีดำไหลออกมาจากปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคมอยู่ไม่ขาด
มือขวาหักเซียน มือซ้ายสยบเซียน ภัณฑ์จักรพรรดิทั้งสองคำราม ทำให้ห้วงเวลาที่อยู่โดยรอบแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนกระจกไปในพริบตา
วินาทีที่ผนึกห้วงเวลาถูกทำลง หลัวซิวก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สุด วินาทีที่เขาได้พุ่งออกมา ผนึกห้วงเวลาที่แตกสลายก็กลับคืนสภาพเดิมทันที
ในขณะเดียวกัน เขาพบว่า พลังแปลกประหลาดบางอย่างได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับห้วงเวลา ส่งผลกระทบต่อพื้นที่แห่งหนึ่ง
ส่วนเขาได้หลุดเข้าไปในพื้นที่แห่งนั้นโดยไม่ตั้งใจ และถูกขังอยู่ด้านใน
หลัวซิวขยับออกห่าง เขาพบว่าหลังจากเข้าพื้นที่ซากสนามรบแห่งนี้ก็เจอแต่อุปสรรค เหมือนว่านี่จะไม่ใช่ลางที่ดี
เขาระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม ผ่านไปอีกหลายวัน เขายังคงเดินไม่ถึงจุดสิ้นสุดของสนามรบแห่งนี้
เขารู้สึกว่า ขอบเขตของซากสนามรบแห่งนี้ ใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้ ความกว้างขวางของมันนั้น อาจเหนือกว่าขอบเขตของอาณาจักรดาราแห่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ
อาณาจักรดาราแห่งหนึ่งนั้นกว้างใหญ่เพียงใด? มันแทบจะไม่สามารถจินตนาการได้เลย ต่อให้เป็นร่างหมื่นจั้งบรรลุธรรมลักษณ์ฟ้าดิน ก็เป็นเหมือนดั่งหยดน้ำในมหาสมุทร
ทันใดนั้น หลัวซิวก็มองเห็นภูเขาลูกหนึ่ง เหมือนดั่งมีแสงดาวไร้สิ้นสุดของฟ้าดินผนึกรวมกันอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขา
แสงดาวเฉกเช่นกาแล็กซี ร่วงหล่นเหมือนดั่งน้ำตก เหมือนดั่งมีนิมิตไร้สิ้นสุดลอยขึ้นลง เหมือนกำลังบ่มเพาะจักรวาลฟ้าดินแห่งหนึ่ง
กระแสพลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดขีดซัดโหมกระหน่ำ ทำให้หลัวซิวหยุดฝีเท้าที่จะเดินไปข้างหน้าลงทันที
วินาทีที่เข้าได้เห็นนิมิตเช่นนี้ ก็รู้ทันทีว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จักต้องเป็นฝีมือมนุษย์อย่างแน่นอน!
ในแสงดาวที่รวมตัวกันอยู่บนยอดเขา เหมือนว่าเขาได้มองเห็นดาราดวงแล้วดวงเล่า ดาราเหล่านั้นถูกกลั่นแปรมีขนาดเท่ากำปั้น ผสานไว้ด้วยพลังอันน่าทึ่งถึงขีดสุด
“มันคืออะไรกันแน่......”
หลัวซิวมีความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เขารู้สึกว่าเหมือนตนเองได้สัมผัสโดนสิ่งต้องห้ามบางอย่าง และสิ่งต้องห้ามนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาในตอนนี้จะสัมผัสได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
ทำไมอ่านต่อไม่ได้...
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...