จุดที่แสงดาวได้รวมตัวกัน หลัวซิวไม่กล้าเข้าใกล้ ความรู้สึกหวาดหวั่นที่มาจากส่วนลึกของวิญญาณ ทำให้เขารู้ว่าสิ่งห้องห้ามเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแตะต้องได้
ทันใดนั้น แสงดาวไร้สิ้นสุดพลันหายไป ทั่วทั้งสนามรบฮวงกู่เข้าสู่ความมืดทันที
ในวินาทีนี้เหมือนว่าไม่มีสรรพวิชาใด ๆ ดำรงอยู่เลย แม้แต่ห้วงเวลายังได้หยุดลงตาม ติดอยู่ในนิรันดร์
ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกอึดอัดเกรงกลัวไร้ขอบเขตได้ลุกลามขึ้นมาในใจของหลัวซิว เขาเหมือนได้เห็นเรื่องราวที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก แม้กระทั่งหายใจยังยากลำบาก
เขามองไม่เห็นทุกอย่างที่อยู่รอบกาย ไม่ว่าจะใช้สายตา หรือใช้ตัวสำนึกไปสืบเสาะก็ตาม มีเพียงความมืดสนิท ไม่มีอย่างอื่นเลย
“ตึง!”
โดยมองไม่เห็น เหมือนมีเสียงอุดอู้ดังลอยมา หลัวซิวรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวทันที เหมือนมีมือขนาดใหญ่จับหัวใจเอาไว้ เตรียมที่จะขยี้!
สัญชาตญาณของร่างกายสั่งให้เขาถอยหลังทันที รอยเลือดปรากฏขึ้นที่มุมปาก ร่างของเขาถึงกับแตกร้าว เหมือนดั่งเครื่องลายครามที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ภายในใจของหลัวซิวรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก นับตั้งแต่เขาได้ก้าวเข้าวิถียุทธ์ เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับเหตุการณ์เช่นนี้
เนื่องจากทั้งหมดนี้ อยู่เหนือความรู้ความเข้าใจของเขา แม้ว่าการตระหนักรู้เกณฑ์ธรรมเวชของเขาจะบรรลุขอบเขตสามเกณฑ์สูงศักดิ์ใหญ่แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ยังคงทำให้เขาเหมือนตกเข้าสู่หมอกแห่งความโกลาหล ในสมองมีเพียงความว่างเปล่า ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
มนุษย์มักรู้สึกหวาดกลัว ต่อการดำรงอยู่ที่ตนไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน หลัวซิวก็มีความรู้สึกเช่นนั้นอยู่ในตอนนี้
นิมิตเช่นนี้ไม่รู้เกิดขึ้นนานแค่ไหน ความมืดค่อย ๆ ถดถอยไป ทั่วทั้งสนามรบฮวงกู่ยังคงแผ่ซ่านไปด้วยชี่มรณะกับชี่ฉกรรจ์ แสงมืดสลัว
ส่วนบนยอดเขาที่ห่างออกไป ยังคงรวบรวมไว้ด้วยแสงดาวไร้สิ้นสุด เหมือนว่ากำลังบ่มเพาะอะไรบางอย่าง
ในแสงดาว มีดวงดารามากมายลอยขึ้นลง ทุกอย่างเหมือนไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อสักครู่เลย มีเพียงรอยเลือดที่มุมปากของเขา ทำให้หลัวซิวเข้าใจว่า เมื่อสักครู่ได้เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นจริง ๆ
“เกือบทำให้ข้าคิดว่าตัวเองเกิดภาพลวงตาขึ้นเสียแล้ว”
หลัวซิวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เผชิญหน้ากับพลังลึกลับในเมื่อสักครู่ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นดั่งเม็ดทราย
อย่างว่าแต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงเซียนชั้นฟ้าเลย ต่อให้ในอนาคตเขากลายเป็นเซียนสูงสุด เขาก็ไม่คิดว่าสิ่งต้องห้ามในที่แห่งนี้เป็นสิ่งที่เขาสามารถแตะต้องได้
“มันน่ากลัวยิ่งนัก......”
นี่คือความรู้สึกเพียงอย่างเดียวในก้นบึ้งหัวใจของหลัวซิว
เข้าไปกล้าเดินหน้าต่อไป ยอดเขาที่มีแสงดาวผนึกรวมอยู่ เขาไม่คิดจะเดินเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว
เมื่อได้หนีห่างออกมาเรื่อย ๆ ความรู้สึกกระวนกระวายถึงขีดสุดในส่วนลึกของหัวใจก็ได้ค่อย ๆ หายไปตาม หลัวซิวหันกลับไปมองอีกครั้ง จุดที่แสงดาวรวมกันอยู่ เป็นเหมือนดั่งวังวนรูปกรวย ยอดเขาที่สูงทะลุเมฆ เป็นดั่งเช่นนิ้วมือนิ้วหนึ่ง
นิ้วมือนิ้วหนึ่ง แสงดาวไร้สิ้นสุดผนึกรวมที่ปลายนิ้ว ผสานดาราทวยเทพ......
หลัวซิวไม่นึกเลยว่าเพียงเพราะตัวเองอยากมาสืบเสาะความลับของแดนบรรพกาลเพราะความอยากรู้อยากเห็น กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้ไปสัมผัสเจ้ากับสิ่งต้องห้ามโดยบังเอิญ
อะไรคือสิ่งต้องห้าม? สิ่งต้องห้ามก็คือการดำรงอยู่ที่ไม่สามารถพูดถึงได้ และในโลกเซียน สิ่งต้องห้ามจากยุคบรรพกาลมาจนถึงปัจจุบัน ก็คือจักรพรรดิเซียน!
เรื่องราวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเซียน ล้วนถูกมองเป็นสิ่งต้องห้าม!
ในเมื่อภายในใจของหลัวซิวเรียกที่นี่ว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เช่นนั้นก็หมายความว่า เขาสงสัยว่าความลับของที่นี่ จะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเซียน!
ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลฟ้าดินใด การดำรงอยู่ระดับจักรพรรดิเซียนล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะไปแตะต้องได้
ยกเว้นมกุฎเซียนคลุมโลกาที่สามารถต่อต้านจักรพรรดิเซียนได้ ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ในโลกยุทธ์หากใครกล้าไปแตะต้องสิ่งต้องห้ามของจักรพรรดิเซียน โดยทั่วไปความตายเท่านั้นคือจุดจบ
ห่างไกลออกมาอีกระยะหนึ่ง หลัวซิวหันกลับไปมองอีกครั้ง ภายในใจยิ่งหวาดผวาเข้าไปใหญ่ เพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าเหนือยอดเขาที่เป็นเหมือนดั่งนิ้วมือนั่น แสงดาวไร้สิ้นสุดที่ผนึกรวมกัน เขาเหมือนได้มองเห็นเงาร่างของคน!
หลัวซิวเรียบเก็บสายตากลับคืนมาทันที การดำรงอยู่ของสิ่งต้องห้ามไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถแตะต้องได้ เขาเพิ่มความเร็วขึ้นทันที ต้องการออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็ว
ถึงขนาดที่ว่าเขาวางแผนว่าหลังจากที่ออกไปแล้ว จะใช้ผลการฝึกตนสูงสุดที่ตนสามารถแสดงออกมาได้ปิดผนึกทางเข้าแดนบรรพกาลเอาไว้
ซีโร่วกับต้วนคงและคนอื่น ๆ ต่างกลายเซียนสำเร็จแล้ว ถ้าเกิดพวกเขาบุกเข้ามาที่นี่เพราะความสงสัยเหมือนกัน มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตเอาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีการดำรงอยู่ดั่งสิ่งต้องห้ามในแดนบรรพกาล แต่ก็ได้ผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว สิ่งต้องห้ามนั้นก็ไม่เคยออกไปจากที่นี่เลยแม้แต่ครึ่งก้าว
ด้วยเหตุนี้หลัวซิวจึงเดาว่า จักต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่ในนั้นแน่นอน บางทีอาจเป็นเวลานานในอนาคต สิ่งต้องห้ามนั้นก็จะไม่ไปจากแดนบรรพกาล
สิ่งที่ขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็นเช่นนี้ หลัวซิวเองก็ไม่มีความมั่นใจอะไรนัก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เขาได้แต่ฝากความหวังไว้กลับเวลาในอนาคต เขาสามารถยกระดับฝีมือผลการฝึกตนได้โดยเร็วที่สุด เพียงพอที่จะปกป้องญาติสนิทมิตรสหายข้างกายตนเองได้
ทันใดนั้น หลัวซิวพบว่าทิศทางที่ตนเองเดินไป บิดเบนไปจากตอนมา เขาได้เข้าสู่พื้นที่ที่พื้นดินเต็มไปด้วยสีแดงโลหิต
สถานที่ที่เขาเดินผ่านในตอนเข้ามานั้น ไม่ได้ผ่านที่นี่
ทั่วทั้งสนามรบฮวงกู่แม้แต่หญ้าก็ยังไม่มีเลย พื้นดินกับท้องฟ้ามีสีเทาอมน้ำตาล เต็มไปด้วยกลิ่นความตาย
ทว่านี่เป็นสถานที่ที่มีดินเป็นสีแดงเลือด มีต้นไม้เขียวขจี แถมยังมีลำธารซึ่งมีน้ำไหล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...