มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 403

“ค่ายกลระดับเทพ?”

หลิวซิวได้ยินคำพูดประโยคนี้ บนใบหน้าปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ขมขื่น

อย่าว่าแต่ค่ายกลระดับเทพ ถึงเป็นค่ายกลระดับเจ็ดและแปด สำหรับเขามันแทบจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจัดการเองได้ ต้องยอมรับว่า นี่ถือเป็นข่าวร้ายมาก

“แล้วข่าวดีล่ะ?” หลัวซิวทำได้แต่ไปฝากความหวังไว้ที่อีกข่าว

“ทางที่ดีเจ้าไม่ควรคาดหวังมากเกินไป เพราะข่าวดีที่ข้าจะบอกเจ้าก็คือค่ายกลระดับเทพอันนี้ ไม่มีวิญญาณแห่งค่ายกล” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูด

ค่ายกลระดับเทพที่อยู่เหนือกว่าค่ายกลขั้นเก้า มีความเป็นไปได้ที่จะก่อตัวขึ้นกลายเป็นวิญญาณแห่งค่ายกล ความน่าจะเป็นนี้ไม่ได้สูงมาก จำเป็นต้องมีปัจจัยเฉพาะบางประการ ถึงสามารถก่อตัวขึ้นกลายเป็นวิญญาณแห่งค่ายกล

ทว่า ถึงไม่มีวิญญาณแห่งค่ายกล แต่ท้ายที่สุดค่ายกลระดับเทพก็ยังเป็นค่ายกลระดับเทพ อยู่ในดินแดนที่สูงส่ง ทำให้หลัวซิวทำได้แต่เงยหน้ามอง

“ถ้ารู้ว่าเป็นค่ายกลระดับเทพแต่แรก ข้าคงไม่เข้ามาแล้ว” หลัวซิวยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด ถึงเขามั่นใจในตนเองมากแค่ไหน ค่ายกลระดับเทพไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าใกล้ได้อย่างแน่นอน

“คนอย่างเจ้าก็รู้จักกลัวด้วยหรือ? แต่เจ้าก็ไม่ต้องกังวลมากไป ค่ายกลระดับเทพอันนี้ไม่ใช่ค่ายกลสังหาร แต่เป็นค่ายกลที่ใช้ดูดซับพลังงานของวิญญาณ ถือเป็นค่ายกลหนุนเสริมประเภทหนึ่ง”

จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดอย่างเชื่องช้า “แม้ข้าไม่สามารถถอดรูปแบบค่ายกลระดับเทพ แต่การสัมผัสถึงอักขระรูปแบบของค่ายกลไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำให้เจ้าหลีกเลี่ยงร่องรอยของค่ายกลและดึงดูดการโจมตีของวิญญาณได้”

ฟังมาถึงตรงนี้ ดวงตาของหลัวซิวลุกวาวเป็นประกาย แอบคิดในใจว่าโชคดีที่ในร่างกายของตนเองมีปรมาจารย์ค่ายกลยุคบรรพกาลอย่างจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำสิงสถิตอยู่ ไม่เช่นนั้น อาศัยพลังของเขาคนเดียว เมื่อไหร่ที่เผชิญหน้ากับการจู่โจมของวิญญาณที่แข็งแกร่ง ไม่แน่ชีวิตของเขาอาจจะจบลงที่นี่ก็เป็นได้

ร่องรอยของค่ายกลระดับเทพยากจะสัมผัสถึง แม้เป็นจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำที่เป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกลยุคบรรพกาลก็ตาม อย่างไรก็ตาม เขาเป็นเพียงวิญญาณ ต้องใช้ประสาทสัมผัสตัวสำนึกของหลัวซิวในการตรวจสอบ จึงจำเป็นต้องคาดเดาสักพัก ถึงจะสามารถกำหนดทิศทางและไปต่อได้

……

เมื่อเป็นแบบนี้ เมื่อเทียบกับตอนที่หลัวซิวใช้ปีกทิพย์ไร้มลทิน ความเร็วของเขาตกลงเกือบครึ่ง

นอกหุบเขาจิตนภา ภายในค่ายกลระดับหกสองชั้น ไป๋หลิงเซวียนยังคงอยู่ในสภาพหมดสติ สรรพคุณของยาเสวียนจือแผ่ซ่านไปทั่วร่างของนาง เนื่องจากการระเบิดของลูกแก้วอัสนีพันทำให้จุดตันเถียนได้รับความเสียหาย กำลังฟื้นฟูทีละนิด

ส่วนเหยียนเยว่เอ๋อร์นั่งขัดสมาธอยู่ด้านข้าง มีหินพลังจิตขั้นสูงที่หลัวซิวให้วางไว้ข้างกายมากมาย นำยากลั่นจิตอัคคีม่วงระดับหกออกจากแหวนเก็บของ ร่างกายถูกรายล้อมด้วยพลังจิต คลื่นพลังจิตแท้พลุ่งพล่าง

ด้านนอกของม่านพลังค่ายกลป้องกัน มีแสงสีเงินกระทบม่านพลังเป็นครั้งคราว ซึ่งเกิดจากกันลองโจมตีของวิญญาณระดับราชายุทธ์ที่เที่ยวเล่นอยู่นอกหุบเขา แต่กลับโดนต้านทานเอาไว้ด้านนอกทั้งหมด

ทันทีที่สัมผัสโดนค่ายกลคุ้มกัน ค่ายกลสังหารระดับหกก็ถูกกระตุ้นจนตื่นด้วยทันที แสงสีดำที่น่าสะพรึงกลัวราวกับลำแสงกระบี่กวาดต้อน ทำลายแสงสีเงินที่เกิดจากวิญญาณทั่วไปจนแตกสลายทันที

เวลาล่วงเลยไปทีละนิดโดยไม่รู้ตัว กลิ่นอายบนร่างกายของเหยียนเยว่เอ๋อร์ยิ่งอยู่ก็ยิ่งแข็งแรง ภายใต้การหนุนเสริมของหินพลังจิตขั้นสูงและการฝึกตนด้วยยา นางได้ทำการกลั่นเศษชิ้นส่วนผลึกวิญญาณที่ได้มาในหุบเขาจิตนภาก่อนหน้านี้ไปด้วย

ทันใดนั้น ร่างกายของนางสั่นสะเทือน มีเปลวไฟที่ร้อนแรงโหมกระหน่ำขึ้นบนร่างกาย มีภาพเงาของหงส์อัคคีปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ควบแน่นทีละนิด ก่อตัวขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเหมือนจริงราวกับมีชีวิต

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ