หลังจากจบการแข่งขันรอบสอง คนที่ได้เข้ารอบ ก็เหลือเพียง70กว่าคน
พอเข้าสู้รอบที่สาม ครั้งนี้หลัวซิวขึ้นเวทีเร็ว คู่ต่อสู้ของเขานั้น เป็นหนุ่มน้อยที่สวมชุดประลองสีกรมท่า แบกทวนสีดำ ใบหน้าเย่อหยิ่ง
“เหอะๆ ไอ้หลัวซิวซวยแล้ว ถึงได้เจอกับหลินเจี๋ย!”
ด้านล่างเวที ข้างๆ ตัวของหลิวหยู่ซิน ก็มีสวีเฟยที่คอยทำหน้าที่เป็นคนปกป้องผู้หญิงทั้งวัน พูดหัวเราะสะใจอยู่ข้างๆ
หลิวหยู่ซินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาก็เผยความรังเกียจต่อสวีเฟยที่อยู่ข้างๆ คนนี้ “อย่างน้อยหลัวซิวก็ยังกล้าที่จะลงแข่งขันประลองยุทธ์ แถมยังเอาชนะได้ตั้ง2รอบ ถึงแม้จะแพ้ให้กับหลินเจี๋ย ก็ไม่ถือว่าขายหน้า”
“มันก็แค่ดวงดี ที่ก่อนหน้านี้เจอกับคนอ่อนแอเท่านั้นเอง” สวีเฟยพูดหน้าแหย เขาฟังออก ว่าหลิวหยู่ซินกำลังประชดตนเองที่ไม่กล้าแม้แต่จะลงแข่งขัน
แต่ว่าพอคิดดูแล้วว่า ไม่ช้าก็เร็วผู้หญิงคนนี้ก็จะต้องเป็นของตนเอง เขาก็เลยอดกลั้นไว้ แล้วก็คิดในใจ รอวันที่มึงแต่งงานเข้ามาในตระกูลสวี พอถึงตอนนั้นกูจะทำอะไรกับมึงก็ได้!
“หลินเจี๋ยงั้นหรือ?”
หอชมการแข่งขันบนห้องใต้หลังคา จวงหนานเทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้ว่าสองเดือนก่อนหลัวซิวก็ได้ถึงระดับการกลั่นร่างขั้น8แล้ว เพราะว่าฝึกพลังหยางบริสุทธิ์สำเร็จ สามารถเทียบได้กับการกลั่นร่างขั้น9
แต่หลินเจี๋ยคนนี้ก็ไม่ธรรมดา เป็นการกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูงสุด มีชื่ออยู่ในลำดับที่5!
ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะที่ฝึกพลังหยางบริสุทธิ์สำเร็จเป็นคนที่4ในรอบ800ปีมานี้ จวงหนานเทียนก็ยังให้กำลังหลัวซิว เดิมทีนั้นยังคิดไว้ว่าหลังจากการประลองยุทธ์นี้แล้ว จะรับไว้เป็นลูกศิษย์ แต่ถ้าหลัวซิวไม่สามารถได้ผลงานลำดับดีๆ ในการประลองยุทธ์ครั้งนี้ล่ะก็ ถ้าเขารับไว้เป็นศิษย์ ก็จะทำให้คนอื่นๆ เอาไปนินทากันได้
“ผู้อาวุโสจวงอย่าเพิ่งรีบร้อนไป หลัวซิวคนนี้ ไม่ได้อ่อนเหมือนที่เห็น” เจ้าสำนักยุทธ์ยิ้มเบาๆ แล้วก็หยิบถ้วยชาขึ้นมายิ้มพูด
ด้านหลังของเจ้าสำนักยุทธ์และผู้อาวุโสทั้งหลายนั้น เหล่าอาจารย์ที่สอนในสำนักยุทธ์ล้วนยืนอยู่ แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้นั่งพร้อมกับผู้อาวุโสทั้งหลาย นั่นก็คือ ลู่เมิ่งเหยา คณุสาวสายที่มีฉายาว่าน้ำแข็งไฟทวีคูณ
“ฉันเห็นด้วยกับเจ้าสำนัก หลัวซิวน่าจะชนะ” ลู่เมิ่งเหยากล่าว
จวงหนานเทียนเผยสีหน้าแปลกใจ แล้วก็ยิ้มเบาๆ สายตาก็เผยความสนใจ แล้วก็มองไปยังหลัวซิวบนเวที แล้วพูดในใจว่า “หรือว่าบนตัวเด็กนั่น จะมีความลับอะไรที่เรามองไม่เห็น?”
บนเวทีประลองยุทธ์ หลัวซิวกับหลินเจี๋ยยืนประชันหน้ากัน
“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก ถ้าไม่อยากบาดเจ็บ ก็ลงไปเองเถอะ” หลินเจี๋ยยืนอยู่อย่างเย่อหยิ่ง แล้วมองหลัวซิวนิ่งๆ พร้อมเผยสีหน้าไม่สนใจ
หลัวซิวส่ายหัวเงียบๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนโตมาในสังคมชาวบ้าน แล้วมักจะถูกลูกคนรวยรังแกบ่อยๆ เขาเกลียดพวกที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง เย่อหยิ่ง และไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
พอเห็นหลัวซิวส่ายหัว หลินเจี๋ยก็ขมวดคิ้ว สายตาก็เพ่งเล็ง “ดูเหมือนว่าเอ็งจะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียแล้ว!”
ขณะที่พูด เขาก็พุ่งตัวออกไป รอบตัวเผยเป็นรังสีบางๆ กำลังภายในยังไม่ได้ขับเคลื่อนเต็มที่ก็มีออร่าออกมาแล้ว ปกติแล้วจะมีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังระดับการกลั่นร่างขั้น9ชั้นยอดเท่านั้น ถึงจะมีได้
“สำหรับเศษสวะอย่างเอ็ง ไม่ต้องใช้ทวนหรอก รับกระบวนท่าแล้วกันหมัดถล่มเขา!”
หลินเจี๋ยบุกเข้ามาใกล้ตัวหลัวซิว หมัดมุ่งมายังหน้าอกของเขา ออร่ากำลังภายในขับเคลื่อน เสียงจากการออกหมัดดังไปมา
เผชิญหน้ากับหมัดอันรุนแรง หลัวซิวกลับนิ่งๆ ถอยหลังไปนิ่งๆ ครึ่งก้าว หมัดของหลินเจี๋ยห่างจากหน้าอกของเขาไม่ถึงครึ่งนิ้ว
หลินเจี๋ยก็อึ้ง แต่หมัดที่ซัดออกไปมันเบาแรงพอดี ทำให้หลัวซิวหลบได้พอดี
โชคช่วยงั้นหรือ? หรือว่าหมอนี่จะรู้ว่าหมัดของเราจะหมดแรงในจังหวะนี้ ก็เลยโจมตีไม่ถูกตัว?
หลินเจี๋ยสามารถขึ้นชื่ออยู่ในตำแหน่งที่7 ก็ไม่ใช่คนโง่ ในใจก็คิดได้ว่าหลัวซิวคนนี้ คงจะไม่ธรรมดาเหมือนที่ตนเองคิด
“หมัดเงาซ้ำ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...