หลี่เสวียนหยางสีหน้าหมองหม่นถึงขั้นสุด ตอนนี้เขากับซุนเชียนซางถูกผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ขวางเอาไว้ ส่วนหลัวซิวพอกคิดจะหนีกลับไม่มีใครขวางเขาเอาไว้ได้
ที่พึ่งสำคัญที่สุดของเขาก็คือค่ายพิทักษ์เขาของสำนัก แต่ตอนนี้ค่ายกลได้เสื่อมมนตร์ไปแล้ว
“จนถึงตอนนี้คนของตำหนักจื่อยังไม่มาเลย ดูรูปการณ์แล้วมีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจารย์ตำหนักจื่อจะสิ้นชีพไปแล้ว”
ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์อย่างหลี่เสวียนหยางที่มีอายุขัยมาถึงสองพันแปดร้อยปีไม่เคยรู้สึกทุกข์ใจเช่นนี้มาก่อน
ศึกใหญ่ของผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ทั้งสี่ ทำให้ที่ตั้งของสำนักเสวียนหยางพังทลาย พระราชวังใหญ่โตย่อยยับ ภูเขาระเบิดเป็นจุน ฝุ่นลอยตลบอบอวล ควันลอยโขมง พลังอันน่าหวาดหวั่นได้ก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไปทั่ว
ผู้ที่รวมตัวกันอยู่บนเขาเสวียนหยางเป็นนักยุทธ์ที่มาจากหลายกองกำลัง ทุกคนต่างตกใจจนหนีกระจัดกระจาย ไม่มีใครกล้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อไปเพราะกลัวว่าจะพลอยได้รับอันตรายไปด้วย
“มันนี่เอง ฝีมือของมันแข็งแกร่งขนาดนั้น ยังจะต้องเชิญมกุฎยุทธ์มาอีกตั้งสองคนด้วยรึ”
ในกลุ่มคนที่กำลังหนีตาย เย่เจียเอ๋อร์มองไปยังเรือรบสัมริดเขียวที่ลอยเคลื่อนตัวออกไปยังขอบฟ้าอย่างรวดเร็วพลางรู้สึกแค้นใจ
เมื่อนึกย้อนกลับไปในช่วงเริ่มแรก เธอกับหลัวซิวยังคงอยู่ในแดนพรสวรรค์เหมือนกัน เวลาหมุนเวียนเคลื่อนผ่าน ตอนนี้เธอมีอายุได้ 20 ปี การที่เธอบรรลุแดนฝึกจิตขั้น 8 ได้นั้นก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่ยากจะหาตัวจับได้แล้ว
แต่หลัวซิวกลับมีพลังแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับอาจารย์จักรพรรดิยุทธ์ได้
เมื่อเทียบกันแล้ว พรสวรรค์ที่เธอมีแทบจะเทียบอะไรกับเขาไม่ได้เลย
อีกทางฝั่งหนึ่ง ชิวลั่วสุ่ยที่หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่หลบภัยของอาจารย์สำนักสุ่ยเยว่จงก็ยังคงมีความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
หนุ่มน้อยผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี กลับต่อสู้กับจักรพรรดิยุทธ์ได้ การบรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์มันง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ตลอดชีวิตของหลี่เสวียนหยางได้ทำให้มีคนจากกองกำลังต่างๆ มารวมตัวกันอยู่บนเขาเสวียนหยางเล็กๆ แห่งนี้ และในบรรดาคนพวกนี้ยังเคยพบเจอหลัวซิวมาก่อนและบางคนถึงขั้นรู้จักเขาเสียด้วยซ้ำ
สามารถพยากรณ์ได้เลยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนี้แล้ว หลัวซิวรวมทั้งชื่อของเขาจะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง
......
“ฮ่าๆ เพื่อนยาก ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว”
เมื่อผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมาแล้วเกือบครึ่งชั่วยาม หนิงเหอโจวคาดเดาว่าหลัวซิวน่าจะหลบหนีออกจากเขาเสวียนหยางไปไกลและไปถึงที่หมายอันปลอดภัยแล้ว
อีกไม่นานนัก ค่ายกลพิทักษ์เขาระดับ 7 บนเขาเสวียนหยางแห่งนี้จะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้น หากเขากับมู่จื่อซิวคิดอยากจะหนีก็คงหนีไม่พ้น
มู่จื่อซิวเองก็ตระหนักถึงประเด็นนี้ได้เช่นกัน และยังแอบคะเนเวลาอยู่ในใจตลอดอีกด้วย
คนทั้งสองปล่อยคู่ต่อสู้ในเวลาพร้อมๆ กัน เกิดลำแสงหมุนวนขึ้นก่อนที่พวกเขาจะบินขึ้นไปยังขอบฟ้า
“บัดซบ!”
หลี่เสวียนหยางโมโหมากแต่เขาก็ไม่ได้ตามไป เพราะเขารู้ตัวดีว่าพลังของอีกฝ่ายแม้จะเทียบเท่ากับตนก็จริง แต่อายุขัยของเขาเหลือไม่มากนัก หากต้องต่อสู้กันจริงๆ ขึ้นมา สุดท้ายแล้วฝ่ายที่ต้องสิ้นชีพคงจะเป็นตนเองมากกว่า
“ศิษย์พี่หลี่ช่วยอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ให้ผมฟังได้หรือไม่” สีหน้าของซุนเชียนซางขุ่นมัว
มุมปากของเขาปรากฏรอยเลือดซึม เสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดวิ่น พลังจิตแท้ของเขาสูญเสียไปจนแทบหมดสิ้น
แม้ว่าการฝึกตนของเขากับมู่จื่อซิวจะเท่ากัน แต่พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากและไม่ด้อยไปกว่าหนิงเหอโจวเลยแม้แต่น้อย หากอีกฝ่ายไม่หนีไปเสียก่อนและยังต่อสู้กันต่อไป เขาคงจะรับมือต่อไม่ไหวแน่
“หากสิ่งที่ฉันคาดการณ์เอาไว้นั้นไม่ผิด มกุฎยุทธ์สองคนนี้จะต้องถูกเชิญมาจากองค์กรนักล่ายุทธ์ด้วยภารกิจรางวัลนำจับแน่” หลี่เสวียนหยางอธิบายเสียงเครียด เขาไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้มาก่อนเลย เพราะการที่จะเชิญผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ออกมาได้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายอย่างยิ่ง
ตามข้อมูลที่เขารู้ ในองค์กรนักล่ายุทธ์การจะประกาศภารกิจรางวัลนำจับนั้นมีการจำกัดอำนาจอยู่ การเชิญระดับมกุฎยุทธ์มารับภารกิจได้นั้นหมายความว่าอย่างน้อยๆ หลัวซิวจะต้องมีอำนาจถึงขั้นดินแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...