ชั้น 2 ของหอเสวียนดำ หลัวซิวใส่วิชายุทธ์ระดับ 8 จำนวนสิบกว่าประเภทที่ตนเองได้รับลงไป ซึ่งมีวรยุทธ์ระดับ 8 ขั้นสุดยอดอย่างวิชาพลังมังกรแท้และพลังก่อรวมวิญญาณรวมอยู่ในนั้นด้วย
จากนั้นก็เดินต่อขึ้นไปยังชั้น 3 ของหอเสวียนดำ หลัวซิวใส่วรยุทธ์ระดับ 9 วิชาฝึกปราณสีม่วงลงไป รวมไปถึงทักษะยุทธ์ระดับ 9 ดาวจักรพรรดิจรัสม่วง นิ้วดาบเทียนกัง และวิชาภูตผีเซินหลัว
นอกจากนี้ยังมีวิชายุทธ์ระดับ 8 และ 9 ที่จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำมอบให้ จึงถูกหลัวซิวนำมาวางไว้ในหอเสวียนดำด้วย
“วิชายุทธ์ระดับ 7 ขอเพียงแค่เป็นศิษย์ของสำนักไท่เสวียนเรา ก็สามารถเลือกฝึกได้ทั้งหมด ส่วนวิชายุทธ์ระดับ 8 ต้องอยู่ในแดนฝึกจิตขึ้นไปจึงจะเลือกฝึกได้ ส่วนวิชายุทธ์ระดับ 9 จะต้องมีผลการฝึกตนอยู่ในระดับราชายุทธ์ขึ้นไปจึงจะสามารถฝึกได้ อีกทั้งพวกเขาจะต้องภักดีขอสำนักและผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้วจึงจะสามารถฝึกได้”
ส่วนวิชายิ่งเลิศที่หลัวซิวครอบครองอยู่อีกหลายวิชา นอกจากเหยียนเยว่เอ๋อร์แล้ว ตอนนี้เขาก็ยังไม่คิดที่จะถ่ายทอดให้คนอื่น การพัฒนาของสำนัก ไม่ควรจะเร่งรีบเพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่ต้องผ่านกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป
หลังจากนั้นก็ยังมีหอนักยุทธ์ หอกลั่นยา หอหลอมอาวุธ หอค่ายกล และของที่เป็นมรดกตกทอด หลัวซิวไม่ขาดอะไร เขาขาดเพียงแค่ผู้มีพรสวรรค์ที่จะมาจงรักภักดีต่อสำนักเท่านั้น
รวมไปถึงหอเสวียนดำด้วย ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่สำคัญ หลัวซิวจึงแยกกันตั้งค่ายกล
เช่นนี้ การสร้างสำนักไท่เสวียนขึ้นใหม่ จึงจะถือว่ามีต้นแบบที่เรียบง่าย
หลัวซิวคาดการณ์ว่า การสร้างสำนักเขาขึ้นมาใหม่ คงจะต้องใช้เวลาอีกประมาณครึ่งเดือนถึงจะเสร็จสมบูรณ์
ในระหว่างนี้ เขาเข้าไปในแดนปริศนา เพื่อเตรียมที่จะใช้เวลาในช่วงนี้ ยกระดับความแข็งแกร่งของตนเอง
เพราะเขารู้ดีว่า ทันทีที่ตนเองเปิดสำนัก จะกลายเป็นเป้าหมายของการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าแดนปริศนาคีตโลกาจะสามารถดึงดูดความโลภของผู้คนได้หรือไม่ หากการฝึกตนของตนเองนั้นก็ไม่แข็งแกร่งพอ แต่ไม่สามารถกำราบศิษย์ในสำนักได้ แล้วจะโน้มน้าวใจประชาชนได้อย่างไร ?
ชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปหลายวันอย่างรวดเร็ว หลัวซิวเตรียมข่าวสารเรื่องการเปิดสำนัก และเผยแพร่ออกไปภายในประเทศเทียนหวู
วันนี้ ด้านนอกของค่ายกลคุ้มเขา จู่ ๆ ก็มีเปลวไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะเลเพลิงกำลังพลุ่งพล่านอย่างไร้ขอบเขต ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าเหนือแนวค่ายกลคุ้มเขา
ภายในค่ายกล ท่าทางของสวีจิงเหนียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย มีอสุรกายขนาดใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นกิเลนอัคคีปรากฏร่างขึ้นท่ามกลางทะเลเพลิง
และบนหัวของกิเลนอัคคีตัวนี้ มีชายสวมใส่ชุดคลุมยาวสีแดงเพลิงยืนอยู่
“ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย !”
เมื่อรู้สึกได้ถึงรัศมีอันทรงพลังที่แผ่ซ่านไปทั่วตัวของอีกฝ่าย สีหน้าของสวีจิงเหนียนก็เคร่งเครียดขึ้นทันที
“ไอ้สัตว์เดรัจฉานหลัวซิวอยู่ที่ไหน รีบแสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้ !”
ชายสวมชุดคลุมยาวสีแดงเหยียบอยู่บนกิเลนอัคคี มองดูแนวค่ายกลคุ้มเขาที่อยู่ด้านล่าง และตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
เขาผู้นี้มีนามว่า สีชูทง เป็นศิษย์โดยตรงของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ผู้หนึ่งในโลกแสงดาวอาณาจักรตะวันตก อาจารย์ของเขากับอาจารย์ตำหนักจื่อเป็นเพื่อนเก่ากัน
ครั้งนี้ที่สีชูทงเดินทางมายังอาณาจักรใต้ประเทศเทียนหวู ก็เพื่อนำจดหมายมามอบให้กับอาจารย์ตำหนักจื่อตามคำสั่งของอาจารย์ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากลับได้ยินข่าวว่าตำหนักจื่อถูกคนทำลาย อาจารย์ตำหนักจื่อเองก็ถูกคนฆ่าตายด้วยเช่นกัน และคนที่ลงมือทำเรื่องเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีเสียด้วยซ้ำ
จากที่เขาสอบถามได้ความมาว่า ที่อีกฝ่ายสามารถทำลายตำหนักจื่อได้ เพราะเชิญมกุฎยุทธ์มาสองท่าน และในตอนนั้นมกุฎยุทธ์ทั้งสองท่านนั้นได้จากไปแล้ว สีชูทงจึงกล้าบุกมาที่นี่
“ได้ยินอาจารย์พูดว่า ตำหนักจื่อแห่งนี้ครอบครองแดนปริศนาคีตโลกา เป็นสถานที่ฝึกตนอันล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง ถ้าอย่างนั้นในเมื่ออาจารย์ตำหนักจื่อตายไปแล้ว ตำหนักจื่อเองก็ถูกทำลาย เช่นนั้นแดนปริศนานี้ก็ควรจะกลับมาเป็นของอาจารย์ข้าถึงจะถูก !” สีชูทงหรี่ตาทั้งสองข้างลง แววตาเปล่งประกายออกมา
สีชูทงสามารถฝึกตนจนบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ จึงถือว่าไม่ธรรมดา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...