มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 453

แต่ในเวลานี้เอง นางก็มองเห็นหลัวซิวพอดี นัยน์ตาคู่สวยนั้นเป็นประกายขึ้นมา

“เฮียหลัว!” นางตะโกนสียงดัง และโบกมือมาทางหลัวซิว

เหยียนซีโรว่ที่สวมผ้าคลุมหน้าอยู่ แต่นัยน์ตานั้นเจิดจ้าดั่งน้ำในฤดูใบไม้ร่วง แต่ลึกล้ำดั่งอัญมณีสีดำ ทำให้เมื่อชายหนุ่มชุดขาวมองเข้าไปก็พลันตกอยู่ในภวังค์ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหลงใหล ในใจคิดว่า “หญิงผู้นี้ถึงจะสวมผ้าคลุมหน้าอยู่ แต่ท่านชายอย่างข้าที่ผ่านหญิงสาวมานับไม่ถ้วนนั้น สามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นของดี จะพลาดไม่ได้”

ในเวลาเดียวกัน เขาเหลือบมองคนอื่นๆ ในสำนักไป๋ซิงกู่แบบผ่าน ๆ พลางยิ้มเยาะในใจ “คนพวกนี้น่าจะมากับนาง มีเพียงแค่ราชายุทธ์ขั้นปฐมภูมิสองคน ต้องไม่ใช่กองกำลังใหญ่อะไรเป็นแน่”

ระหว่างที่คิดนั้น ชายหนุ่มชุดขาวมองไปทางเหยียนซีโรว่ พูดพร้อมรอยยิ้ม “สำหรับงานประมูลยาร้อยปีนี้ ข้าถือได้ว่าคุ้นเคยดีทีเดียว ไม่รู้ว่าข้าจะได้รับเกียรติเพื่อนำทางแม่หญิงหรือไม่? พวกเราตระกูลหยูที่เทือกเขาเหิงหยุนแห่งนี้ ผู้คนมักจะเกรงใจข้าอยู่ไม่น้อย”

“หยูมู่เหลียงคนนี้ อุตส่าห์มาถึงที่นี่เพื่อหลีสาวอีกแล้วหรือ”

“ได้ยินมาว่าเทือกเขาเหิงหยุน นักล่าพรหมจรรย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในย่านนี้คือซือถูสง เช่นเดียวกันกับหยูมู่เหลียง ซือถูสงมีความสัมพันธ์ของตระกูลหยู ถึงได้ไม่ถูกข้าตายไปเสียก่อน”

“หากไม่มีตระกูลหยูคอยให้ท้าย จากการกระทำของไอ้แก่ชั่วซือถูสงแล้ว มันมากพอที่จะตายได้เป็นหมื่น ๆ ครั้ง!”

มีคนจำนวนมากที่อยู่รอบ ๆ ที่สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่นี่ ก็เริ่มพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

คนของสำนักไป๋ซิงกู่ได้ยินชื่อซือถูสง สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปในทันที ไม่คิดว่าเพิ่งจะกำจัดเจ้าซือถูสงได้ไม่นาน ก็ยังมาเจอกับพวกสันดานเดียวกันจากศิษย์ตระกูลหยูอีกคน

แม้ว่าผลการฝึกตนของตระกูลหยูศิษย์คนนี้จะไม่เท่าซือถูสง แต่ดูแล้วน่าจะมีฐานะที่ดีกว่า ไม่ใช่คนที่สำนักไป๋ซิงกู่จะสามารถหาเรื่องได้เลย

เหยียนซีโรว่ก็ได้ยินแล้วว่าชายหนุ่มชุดขาวคนนี้เกี่ยวพันกันอย่างมากกับซือถูสง แววตาของนางก็แฝงไปด้วยความรังเกียจในทันที

“รบกวนหลบด้วย ข้าไม่รู้จักเจ้า”

นางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นก็เตรียมพุ่งตัวไปทางหลัวซิว

หยูมู่เหลียงชะงักไปเล็กน้อย ชัดเจนว่าเขาคาดไม่ถึง ในเทือกเขาเหิงหยุนใภใต้อำนาจชื่อเสียงของเขา ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าตระกูลหยู

ในขณะที่เขาชะงักไปชั่วครู่ ก็เห็นเหยียนซีโรว่เดินไปตรงหน้าของหลัวซิวในทันที

หยูมู่เหลียงเลิกคิ้ว “นี่เจ้าอาจารย์หลัวมิใช่หรือ? โชคดีที่ได้เจอ โชคดีจริง ๆ ...”

หยูมู่เหลียงพูดออกมาเสียงดัง คนที่อยู่รอบข้างทั้งหลายนั้นต่างได้ยินกันอย่างชัดเจน

หลัวซิวขมวดคิ้ว ตอนนี้เขารู้ความแตกต่างระหว่างเจ้าสำนักกับเจ้าอาจารย์แล้ว เขารู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่าอีกฝ่ายไปไม่ทักทายเป็นมารยาท แต่กำลังถากถางเขาอยู่

กลุ่มคนหลายคนที่มากับหลัวซิว เมื่อเห็นหยูมู่เหลียงเดินมาทางนี้ ล้วนแสดงอาการเกรงกลัว ค่อย ๆ หลบทางให้ และยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่อยากจะทำให้ตระกูลหยูขุ่นเคือง เพียงแค่เพราะคนที่เพิ่งรู้จักหรอก

สำหรับการกระทำของคนเหล่านี้ หลัวซิวไม่ได้เห็นด้วยเสียเท่าไร แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจนั่นก็คือ หลินจื่อเฟิงกลับยังยืนอยู่ด้านข้างเขาเช่นเดิม และไม่มีทีท่าว่าจะขยับหนีไปแม้แต่น้อย

“ข้าหลินจื่อเฟิงเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน แต่กลับศิษย์พี่หลัวที่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบแล้ว จะเอาตัวรอดโดยไม่สนท่านได้อย่างไร?” หลินจื่อเฟิงพูดพร้อมเสียงหัวเราะ “ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างข้าและหยูมู่เหลียง ก็มีความแค้นส่วนตัวอยู่บ้าง”

“หลินจื่อเฟิง ตัวเองเป็นเพียงแค่นักยุทธ์อิสระ ไม่มีกองกำลังหนุนหลัง ครั้งก่อนก็ทำเรื่องดีดีของท่านชายอย่างข้าพังไม่เป็นท่า โชคดีที่ยังรอดตายมาได้ ครั้งนี้ยังกล้าเผชิญหน้ากับข้าอีกหรือ?” หยูมู่เหลียงได้ยินคำพูดของเขา ก็เผยสีหน้าเย้ยหยันอย่างชัดเจน

“ดูเองเถอะว่าข้ากล้าหรือไม่กล้า?”

หลินจื่อเฟิงหัวเราะเสียงเย็น และลงมือจู่โจมในทันที ร่างนั้นขยับเล็กน้อย ยกมือขึ้นชก และกระแทกเข้าที่ใบหน้าของหยูมู่เหลียง

หมัดของหลินจื่อเฟิงนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่กำปั้นนั้นราวกับหอกรบ ด้วยรังสีที่น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนั้นทำให้หมัดนั้นรุนแรงอย่างมาก

“นักยุทธ์กลั่นร่าง!” หลัวซิวรี่ตาลง เห็นถึงระดับที่บรรลุถึงร่างเนื้อของหลินจื่อเฟิง มันได้บรรลุถึงร่างยุทธ์ระดับราชาช่วงปลาย อาศัยเพียงร่างเนื้อที่แข็งแกร่ง ก็เทียบเท่าราชายุทธ์ขั้น7แล้ว

หยูมู่เหลียงนั้นมีผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น5 แต่การเผชิญหน้าในระยะใกล้กับการโจมตีระยะประชิดของนักยุทธ์กลั่นร่าง มันสายเกินไปที่จะตอบสนองในตอนที่ไม่ทันระวังตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ