ผลการฝึกตนเพิ่มเป็น4เท่า แสดงว่าหลัวซิวฝึกตน1วัน เท่ากับคนอื่นที่ใช้เวลาฝึก4วัน และอุปกรณ์ค่ายผนึกปราณขั้น1ที่เขาใช้อยู่ มันแค่เพิ่มผลการฝึกตนเป็นสองเท่าเอง
อุปกรณ์ค่ายผนึกปราณขั้น2นี้ จะมีค่ามากกว่ายาผนึกปราณระดับ2มาก ราคาใกล้เคียงกับหินพลังจิตสองพันก้อน!
รางวัลของแชมป์ ช่างทำให้คนอิจฉาจริงๆ !
แค่ยาผนึกปราณกับอุปกรณ์ค่ายกล ก็มีราคาสามพันหินพลังจิตแล้ว การที่ได้เลือกเรียนวิชายุทธ์ระดับ4 ยิ่งหาค่าเปรียบไม่ได้เลย
“ขอบคุณเจ้าสำนักที่ให้ครับ!” หลัวซิวโค้งตัวคำนับทำความเคารพ
เจ้าสำนักยุทธ์ก็ยิ้มๆ “ไม่ต้องมาขอบคุณหรอก นี่คือสิ่งที่เอ็งสมควรได้ สำหรับอัจฉริยะ ทางสำนักยุทธ์ไม่หวงทรัพยากรที่จะใช้ชุบเลี้ยงหรอก”
พอสิ้นเสียง เจ้าสำนักยุทธ์ก็หันไปมองผู้อาวุโสจวงหนานเทียนด้านล่าง
“เอาเข้ามา!”
จวงหนานเทียนลุกขึ้น แล้วพูดเสียงดัง
ที่หน้าประตูตำหนัก หลัวซิวได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา แล้วก็หันไปมอง ก็เห็นองครักษ์เกราะเขียวควบคุมตัวชายวัยกลางคนสวมชุดผ้าแพรคนหนึ่งเข้ามา
ชายวัยกลางคนสวมชุดผ้าแพรคนนี้สีหน้าอิดโรย พอเห็นหลัวซิวที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง สายตาก็เป็นประกาย
“หลัวซิว คนนี้ก็คือจางช่าวฉง หัวหน้าตระกูลจางในเมืองชิงหยุน”
จวงหนานเทียนค่อยๆ พูดว่า “ในการต่อสู้ เอ็งได้ทำลายเส้นชีพจรของจางห่าย จางช่าวฉงคนน็เคียดแค้น เคยจ้างทีมนักล่าอสูรที่มีเฉินหู่เป็นผู้มา มาตามฆ่าเอ็ง สำนักยุทธ์ได้รวบรวมหลักฐานไว้หมดแล้ว ก็เลยจับตัวมันมา”
“ที่แท้ก็คือตระกูลจาง!” หลัวซิวก็เข้าใจอะไรขึ้นมาได้ จริงๆ แล้วตั้งแต่แรก ก็สงสัยตระกูลจางที่สุด แต่ไม่มีหลักฐาน
“ที่ตระกูลจางมีที่ยืนในเมืองชิงหยุน ก็ใช่ว่าจะไม่มีเบื้องหลัง นายท่านของตระกูลจางคือจอมยุทธ์พรสวรรค์ขั้น9 จัดการเรื่องราวภายนอกสำนักให้กับสำนักเซียวเหยา ไม่นานมานี้ นายท่านของตระกูลจางส่งข่าวมา ว่าช่วยรักษาชีวิตจางช่าวฉงไว้หน่อย”
จวงหนานเทียนก็พูดเสริมไป ทำให้หลัวซิวขมวดคิ้ว
“ตามกฎแล้ว คนที่คิดจะฆ่านักเรียนของสำนักยุทธ์มีโทษถึงตาย แต่มีนายท่านคนนั้นของตระกูลจางอยู่ เรื่องนี้ก็เลยพิเศษหน่อย ที่บอกแบบนี้ เอ็งเข้าใจไหม?” จวงหนานเทียนพูดจบ ก็ถามหลัวซิว
หลัวซิวหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้าพูดว่า “ผมทราบครับ ผู้อาวุโสหมายความว่า ตระกูลจางมีนายท่านเป็นเบื้องหลัง จะฆ่าไม่ได้ ใช่ไหมครับ?”
“เอ็งพูดถูก แต่ก็ไม่ถูก!” จวงหนานเทียนยิ้มเบาๆ “ถึงแม้นายท่านของตระกูลจางจะเป็นคนดูแลนอกสำนัก แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องภายในของสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุนได้ ขอเพียงเอ็งบอกมาคำเดียว ก็จะสามารถตัดสินความเป็นตายของจางช่าวฉงคนนี้ได้!”
พอได้ยินดังนั้น จางช่าวฉงก็สีหน้าเปลี่ยน แต่ตอนอยู่ต่อหน้าเจ้าสำนักยุทธ์และผู้อาวุโสทั้งหลาย เขากลับไม่กล้าพูดอะไร
ในตอนนั้นเอง เจ้าสำนักยุทธ์ก็พูดนิ่งๆ ขึ้นว่า “หลัวซิว นี่มันเป็นทางเลือกของเอ็ง ด้วยอัจฉริยะอย่างเอ็ง จะต้องเข้าไปในสำนักเซียวเหยาแน่ ศิษย์ทุกคนจะต้องเริ่มจากนอกสำนักทั้งนั้น และนายท่านของตระกูลจางคนนี้ ก็เป็นคนดูแลนอกสำนัก......”
เจ้าสำนักยุทธ์ไม่ได้บอกชัดเจน แต่หลัวซิวก็พอจะฟังความหมายออก
“ถ้าผมฆ่าจางช่าวฉง ก็จะเป็นการไปหาเรื่องกับนายท่านของตระกูลจางที่ดูแลเรื่องนอกสำนักคนนั้น แต่ถ้าผมไม่ฆ่า........”
หลัวซิวขมวดคิ้ว สำหรับเขาแล้ว ต่อให้ตนเองไม่ฆ่าจางช่าวฉง นายท่านตระกูลจางคนนั้นก็คงจะไม่จำบุญคุณของตนเองครั้งนี้หรอก
ยิ่งกว่านั้น จะขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดในโลกยุทธ์ ถ้ายังมัวกลัวนั่นกลัวนี่ ก็คงจะมีผลกระทบต่อจิตใจที่มีต่อโลกยุทธ์
สำหรับคนที่อยากจะให้ตนเองตายนั้น หลัวซิวคิดว่า จางช่าวฉงสมควรตาย!
ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจว่า เจ้าสำนักยุทธ์ให้เขามาเลือก จริงๆ แล้วก็เหมือนเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง ถ้าเขากลัวนายท่านตระกูลจาง ก็จะทำให้ทางระดับสูงของสำนักยุทธ์กลัวอำนาจไป พูดน่าฟังหน่อยก็คือ คนฉลาดก็อยู่ให้เป็น พูดให้น่าเกลียดหน่อยก็คือ ขี้ขลาด อ่อนแอ!
ตอนที่หลัวซิวกำลังครุ่นคิดข้อดีข้อเสียทั้งหลายนั้น ผู้อาวุโสจวงหนานเทียนก็พูดขึ้นมาว่า “ยังมีอีกเรื่อง หลายวันก่อนหน้านี้ ตระกูลจางส่งคนไปที่หมู่บ้านผานฉือ แล้วจับตัวพ่อแม่และพี่สาวของเอ็งไว้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...