มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 50

เห็นหลัวซิวที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกตนอย่างสงบอยู่นั้น ในใจของลู่เมิ่งเหยาก็บังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา

ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่า เรือนร่างของตนเอง จะมาถูกหนุ่มน้อยอายุเพียง14ปีเห็นเข้าทั้งหมด

ตอนแรกก็รับไม่ได้ แต่ตอนนี้ พอถูกเขาจ้องมองแบบนั้น กลับทำให้ใจเต้นแรงมากขึ้น เริ่มมีความรู้สึกอายๆ

“เดี๋ยวรออาการโรคชีพจรขาดธาตุไฟของฉันดีขึ้นแล้ว ก็จะกลับไปแล้วสินะ?” ลู่เมิ่งเหยาพูดคนเดียวขึ้นมา

ทั้งเมืองชิงหยุน มีเพียงเจ้าสำนักยุทธ์และผู้อาวุโสทั้ง5ที่รู้ตัวตนและที่มาที่ไปแท้จริงของเธอ

เธอเคยเจออัจฉริยะมาหลายคน ตัวเธอเองก็เป็นอัจฉริยะ ถ้าไม่ใช่เพราะโรคชีพจรขาดธาตุไฟมาทำให้อ่อนแอ เธอก็ได้เป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์นานแล้ว

แต่หลัวซิว ก็ยังทำให้เธอทึ่ง เวลาสั้นๆ เพียงครึ่งปี จากการกลั่นร่างขั้น2บรรลุมาถึงการกลั่นร่างขั้น9 แค่นี้ก็ยังไม่ถือว่าอัศจรรย์อะไรมาก เพราะว่าพวกคนเก่งในสำนักเซียวเหยา ก็สามารถทำได้

แต่สิ่งที่หลัวซิวทำได้นั้น มันไม่ใช่แค่เท่านี้ เขายังฝึกพลังหยางบริสุทธิ์ได้สำเร็จอีกด้วย!

พลังหยางบริสุทธิ์ พลังพรสวรรค์ เป็นสายเดียวกัน ตามตำนานว่ากันว่าเป็นคัมภีร์ลับเล่มเดียวกัน มีชื่อว่าพลังหยางบริสุทธิ์ มีระดับถึงวิชายุทธ์ระดับ8!

แต่ว่าวิชาแขนงนี้ฝึกสำเร็จยาก ต่อให้เป็นคนเก่งๆ ทั้งหลายในประเทศเทียนหวูก็ยังมีคนฝึกสำเร็จน้อยมาก แต่ถ้าฝึกสำเร็จขึ้นมา ผลการฝึกตนก็จะล้ำลึก เหนือกว่าใคร!

วิชายุทธ์แขนงนี้แบ่งเป็นสองขั้น หนึ่งเรียกว่าหยางบริสุทธ์ สองเรียกว่าพรสวรรค์ พลังหยางบริสุทธิ์เป็นพื้นฐาน สามารถฝึกตนจนถึงชี่ไห่ขั้น9 คนที่ฝึกพลังพรสวรรค์เท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าสู่แดนพรสวรรค์ได้

ถ้าสามารถเอาพรสวรรค์และหยางบริสุทธ์รวมเป็นหนึ่งได้ ก็จะหลายเป็นวิชายุทธ์ระดับ8อย่างเต็มตัว

ถึงแม้ระดับพวกนั้นยังห่างจากหลัวซิวในตอนนี้อีกไกล แต่อย่างน้อย เขาก็ยังมีโอกาสนั้น

อีกอย่างวิชายุทธ์ในตัวของกลัวซิวก็มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา วันข้างหน้าได้เข้าสำนักเซียวเหยา ก็อาจจะได้มีหน้ามีตามีตำแหน่งในนั้นเหมือนกัน

“ฟู่……”

หลิวซิวอ้าปากหายใจออกมา ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วเห็นลู่เมิ่งเหยากำลังจ้องมองตัวเองอยู่พอดี จ้องตากันพอดี

ลู่เมิ่งเหยาก็ตั้งสติได้ แล้วรีบหลบสายตา เหมือนว่ากลัวที่จะจ้องตากับหลัวซิว

ได้อยู่ด้วยกันหลายวันมานี้ แก้ผ้าเผชิญหน้ากันหลายครั้ง บอกตามตรง ในใจของหลัวซิวเองก็เกิดความคิดอะไรขึ้นมาเหมือนกัน

เพียงหลัวซิวไม่ใช่คนที่อธิบายอะไรเก่ง และไม่รู้ว่าลู่เมิ่งเหยาคิดอะไรกับตนเองหรือเปล่า เขาก็เลยได้แต่เก็บความคิดนั้นซ่อนไว้ในใจต่อไป

หลังจากผ่านเรื่องของหลิวหยู่ซินมาแล้ว บางครั้งหลัวซิวก็ตั้งใจที่จะออกห่างความคิดเรื่องความรู้สึกอะไรแบบนี้

“เมิ่งเหยา เดี๋ยวรอผมฝึกตนจนถึงแดนฝึกชี่ไห่ก่อน น่าจะอีกประมาณ2-3ครั้ง ก็จะสามารถรักษาอาการโรคชีพจรขาดธาตุไฟของคุณได้แล้วล่ะ” หลัวซิวพูดออกมา

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน มันไม่เหมือนตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด คำเรียกขาน จากอาจารย์ลู่ พี่ลู่ ตอนนี้ก็เรียกเธอว่าเมิ่งเหยาอย่างเดียวแล้ว เรียกกันสนิทสนมดีจริงเชียว

“นายจะบรรลุแดนฝึกชี่ไห่แล้วงั้นหรือ?”

ไม่รู้ว่าทำไม พอได้ยินว่าอีก2-3ครั้งก็จะรักษาโรคชีพจรขาดธาตุไฟได้แล้ว ในใจของลู่เมิ่งเหยาไม่เพียงไม่มีความสุข แต่กลับรู้สึก....ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเสียอีก?

“นี่ฉันเป็นอะไรไป? ถูกโรคชีพจรขาดธาตุไฟทรมานมาหลายปี ในเมื่อสามารถรักษาหายได้ ฉันก็ควรจะดีใจถึงจะถูกสิ”

เวลานี้ ใจของลู่เมิ่งเหยาก็สับสน “หรือว่าหลังจากที่รักษาหายแล้ว ก็จะไม่มีได้อยู่กับเขาไปแบบนี้ใช่ไหม?”

หลัวซิวไม่รู้ว่าในใจของเธอคิดอย่างไร แต่กลับเห็นเธอมีสีหน้ากลัดกลุ้ม

“เป็นอะไรไปเมิ่งเหยา ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” หลัวซิวลุกขึ้น แล้วเดินไปตรงหน้าเธอ แล้วจ้องมองไปยังลายเส้นชีวิต ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

ลายเส้นชีวิตสามารถมองเห็นอาการป่วยได้ แต่ไม่สามารถอ่านใจคนได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ