มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 56

“โฮก!”

ทันใดนั้น เสียงคำรามของสัตว์ก็สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งป่า ทำให้หลัวซิวหูอื้อ เลือดลมในตัวก็สะเทือนกันขึ้นมา

“แค่เสียงคำรามก็มีพลังขนาดนี้ อย่างน้อยก็เป็นอสูรระดับ3ขึ้นไป!”

หลัวซิวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย นี่คือเขาปาฉีที่มีอันตรายรอบด้าน กลิ่นคาวเลือดสามารถดึงดูดอสูรบริเวณใกล้เคียงเข้ามาได้ง่ายๆ

เขาไม่กล้าอยู่ต่อ ในขอบเขตของสัญญาณชีวิต มีกลิ่นอายของอสูรกายที่แข็งแกร่งปรากฏขึ้น เขารีบใช้วิชาท่าร่างออกไปจากที่นี่ทันที

ผ่านไปพักใหญ่ หลัวซิวก็มาโผล่ที่ข้างลำธารสายหนึ่ง ใช้มือช้อนน้ำขึ้นมาดื่ม และล้างหน้าด้วย

พอนึกถึง3คนนั้นที่ถูกตนเองฆ่าตาย ใบหน้าของหลัวซิวก็หน้าเคร่งขรึมขึ้นมา

“จางหลู่เหลียงส่งลูกศิษย์3คนมาฆ่าเรา แล้วถ้า3คนนั้นยังไม่กลับไปสักทีล่ะก็ เขาก็ต้องสงสัยแน่ๆ พอถึงตอนนั้นเราได้ไปในสำนักเซียวเหยาคงจะเจอปัญหาไม่น้อย”

สำหรับเรื่องของนายท่านของตระกูลจางนั้น เจ้าสำนักชิงหยุนก็เคยบอกกับหลัวซิวแล้ว ว่าเป็นยอดฝีมือพลังระดับแดนพรสวรรค์ขั้น9แค่นิ้วมือเดียวก็สามารถแสดงพลังแดนชี่ไห่แบบเขาออกมาได้ง่ายๆ

หลัวซิวรู้ดี ต่อให้ตนเองต้องทำลายลายเส้นชีวิตเพื่อต่อสู้ข้ามระดับ แต่ถ้าพลังมันมากกว่าตนเองมากเกินไป ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เพราะว่าจอมยุทธ์ที่ยิ่งแข็งแกร่ง ลายเส้นชีวิตก็จะแข็งแกร่งไปด้วยเหมือนกัน ทำลายได้ยาก

คิ้วขมวดแน่น หลัวซิวเคยคิดว่าจะไม่ไปเข้าร่วมสอบ แต่ถ้าไม่ได้มีฐานะเป็นลูกศิษย์ของสำนักเซียวเหยา เขาก็จะไม่มีตำแหน่งอะไรในเขตการปกครองหยุนหลง พอถึงตอนนั้นนายท่านตระกูลจางจะมาเล่นงานตนเองอีก ก็จะไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย

“รู้ดีว่ามันอันตราย แต่ก็ได้แค่มุ่งหน้าไปหามันเท่านั้น” พอหลัวซิวพิจารณาแล้ว ก็ตัดสินใจที่จะไปเข้าร่วมสอบ

เจ้าสำนักชิงหยุนบอกไว้ว่า ขอเพียงเขาได้เป็นศิษย์นอกสำนัก ต่อให้นายท่านตระกูลจางจะมีอำนาจ ก็ไม่กล้าทำอะไรเขา ถ้าหากว่าถูกคัดเลือกให้ถูกฝึกอย่างดี ตำแหน่งก็อาจจะอยู่เหนือนายท่านตระกูลจางนั่นได้

ส่วนพ่อแม่ของตนเอง เจ้าสำนักชิงหยุนก็รับปากไว้แล้ว ขอเพียงอยู่ในเมืองชิงหยุน ก็จะช่วยปกป้องดูแลให้ปลอดภัย เพื่อให้หลัวซิวไม่ต้องกังวลอะไร

“วิ๊ง!”

ในตอนนี้เอง หลัวซิวรู้สึกว่ากระบี่เงามืดด้านหลังสั่นๆ

“เกิดอะไรขึ้น?”

หลัวซิวตกใจเล็กน้อย แล้วก็ชักกระบี่ออก เห็นว่ารอยต่อที่ตัวกระบี่กับด้ามสลักไว้ว่า มืด เปล่งรัศมีสีดำออกมา ตัวกระบี่สั่นๆ ราวกับถูกเรียกขานให้กลับไปที่เดิมจากแดนไกล

“รับรู้ถึงเสียงเรียกงั้นหรือ?”

หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองไปที่ห่างไกล เขาสัมผัสได้ถึงที่มาที่ทำให้กระบี่เงามืดสั่นไหว มันมาจากทิศทางนี้

ตอนนั้นที่เขาซื้อกระบี่เงามืดมาจากร้านขายอาวุธ เจ้าของร้านบอกว่ากระบี่เล่มนี้เคยเป็นของนักล่าอสูรคนหนึ่ง ไปเจอมาจากโบราณสถานแห่งหนึ่ง

หลัวซิวคิดมาตลอดว่าเจ้าของร้านอาวุธแกล้งพูด เพื่อให้ของในร้านตัวเองมีราคาสูงขึ้น

แต่ว่ากระบี่เงามืดก็เป็นวัสดุพิเศษจริงๆ พลังเหมือนกับอาวุธชั้นล่าง แต่ต่อให้อาวุธขั้นสูงมาฟันใส่ ก็ไม่มีทางทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ให้มันได้เลย

“หรือว่ากระบี่เล่มนี้จะมีที่มาจริงๆ? แล้วการเรียกขานนี้มันคืออะไรกันแน่?” หลัวซิวชักแปลกใจ และสงสัยขึ้นมา

เก็บกระบี่เข้าฝัก หลัวซิวเดินต่อ เข้าไปในเขาปาฉีตามเสียงเรียกของกระบี่เงามืด

ในขณะเดียวกัน ก็มีหนุ่มน้อยผิวดำคนหนึ่งเดินอยู่ในป่าเหมือนกัน กระบี่ที่แบกด้านหลังก็สั่นๆ

“กระบี่สว่างสั่นไหว หรือว่าจะรับรู้ได้ว่ากระบี่มืดอยู่แถวนี้?” หนุ่มน้อยคนนี้ตาเป็นประกาย แล้วก็รีบเดินต่อไป เดินไปยังทิศทางที่กระบี่สั่นไหว

“พลังของกระบี่คู่มืดสว่าง เทียบเท่าของชั้นล่าง ระดับจอมยุทธ์พรสวรรค์ อย่างน้อยก็ต้องใช้ของชั้นกลาง คนที่ถือกระบี่มืดคงจะมีพลังไม่แข็งแกร่งมากนัก เราน่าจะแย่งชิงมาได้อยู่!”

หนุ่มน้อยคนนี้ผิวดำเป็นเงา รูปร่างกำยำ ท่าทางบึกบึน ท่าเดินเหมือนพยัคฆ์ อารมณ์ดุร้าย

ในป่าทึบของเขาปาฉี มีเงาคนสองคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เดินมุดเข้าป่า

พอระยะห่างใกล้เข้าเรื่อยๆ กระบี่ยุทธ์ที่แผ่นหลังของทั้งสองคน ก็สั่นมากขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ

หลัวซิวก็ได้ใช้ประสาทสัมผัสสิ่งมีชีวิต สัมผัสการเคลื่อนไหวรอบๆ โดยตลอด ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่ามีพลังของจอมยุทธ์คนหนึ่งโผล่ขึ้นมา ในสายตาก็ปรากฏคนคนหนึ่งขึ้นมา และกำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“เขานี่เอง!”

สายตาจับจ้องไป หลัวซิวเห็นว่าฝั่งตรงข้ามแบกกระบี่ไว้ที่หลังหนึ่งเล่ม การตอบสนองของกระบี่เงามืด ก็เกิดจากกระบี่เล่มนั้นที่ส่งมา

“โครม!”

ตอนที่ทั้งสองคนห่างกัน10กว่าเมตรนั้น บนตัวของหนุ่มน้อยผิวดำเงาคนนั้น ก็เผยพลังสีเหลืองคล้ำออกมา แล้วก็ฉีกต้นไม้ต้นใหญ่ๆ จนแยกออกเป็นเสี่ยง แล้วก็ทุ่มมายังตัวหลัวซิว

ต้นไม้นั้นมันใหญ่มาก พุ่งเกิดเป็นเสียงลม ยิ่งใหญ่รุนแรง ดูเหมือนว่าพลังของฝั่งตรงข้ามจะน่ากลัว

“ฟุบ!”

กระบี่เงามืดด้านหลังออกจากฝัก เห็นเป็นเศษไม้กระจัดกระจาย หลัวซิวก็ร่อนลงพื้น ฟันเอาต้นไม้ที่พุ่งมาแหลกสลายกลางอากาศ

กระบี่เงามืดในมือของเขาก็สั่นแรง เหมือนจะไม่ฟังคำสั่ง ทำให้กลัวซิวต้องขมวดคิ้วขึ้นมา

ห่างออกไป5-6เมตร หนุ่มน้อยผิวดำเงาคนนั้น มีสายตาตั้งมั่น จ้องมองมาที่กระบี่เงามืดในมือของเขา

“เห้ย เอากระบี่ในมือมึงมาให้กู” หนุ่มน้อยคนนั้นจ้องมองหลัวซิว แล้วพูดเสียงแข็ง

“ทำไมต้องให้มึง?” หลัวซิวเก็บกระบี่เข้าฝัก เนื่องจากมันสั่นแรงมาก จะทำให้ตนเองเสียแรงในการควบคุมไปได้

หนุ่มน้อยหน้าดำคนนั้นก็ลงมือทันที กระบี่สองเล่มรับรู้ถึงกันได้อย่างรุนแรง จะต้องมีอะไรแน่ๆ หลัวซิวไม่มีทางให้กระบี่ไปเด็ดขาด

“มึงไม่กลัวกูฆ่ามึงหรือไง?” หนุ่มน้อยจ้องมองหลัวซิว น้ำเสียงเย็นชา

“มึงก็ลองดูสิ” หลัวซิวไม่กลัว จากพลังชีวิต สัมผัสได้ว่าพลังของฝั่งตรงข้ามพอๆ กับวัยรุ่นชุดขาวที่จะมาฆ่าตนเองก่อนหน้านี้

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นกูก็ต้องลงมือแล้วล่ะ”

หนุ่มน้อยหน้าดำยิ้มตาหยี กำสองหมัดแน่น กระดูกนิ้วถูกเขากำแน่นจนได้ยินเสียงดังแกร๊บ

“ตุบ!”

หนุ่มน้อยหน้าดำคนนั้นก้าวเท้าออกมา พื้นก็สั่นสะเทือน ราวกับพยัคฆ์ร้ายจะกระโจนออกมา แล้วมาโผล่ที่ตรงหน้าของหลัวซิว บนกำปั้นมีปราณแท้รวมอยู่ เปล่งเป็นแสงสีเหลืองคล้ำ ลมส่งมารุนแรงเกินจะเทียบ

หลัวซิวสายตานิ่ง แล้วก็รีบร่ายหมัดเสือมังกรทันที กำปั้นเปล่งไฟสีดำออกมา แล้วต่อยออกไป

เขารู้ดี เมื่อเผชิญกับยอดฝีมือระดับวิชาชี่ไห่ขั้น7แบบนี้ จะต้องเต็มที่ถึงจะสู้ไหว

“โครม!”

สองกำปั้นที่มีปราณแท้รวมอยู่ปะทะเข้าหากัน พลังที่ไร้ลักษณ์แตกออก ทำให้อากาศกระจายออกเป็นคลื่น จนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า พวกใบไม้พบพื้นป่าก็ถูกลมพันกระจายออกไปจนหมด เห็นได้ว่ากำปั้นของทั้งสองคนมันรุนแรงแค่ไหน

“ตุบๆๆ !” หลัวซิวถอยหลังไป3ก้าวติดต่อกัน กลับกัน หนุ่มน้อยหน้าดำฝั่งตรงข้ามกลับมั่นคงนิ่งเฉย ไม่ขยับอะไรเลย

“พลังธาตไฟสีดำ นี่มึงสามารถควบคุมพลังธาตุได้หรือนี่!” หนุ่มน้อยหน้าดำเผยสายตาตกใจเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ