มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 58

ถ้าหากว่าสามารถฝึกจนถึงระดับนี้ได้ ก็เพียงพอที่จะเอาไว้คุยกับกองกำลังที่มีอำนาจยิ่งใหญ่อย่างสำนักเซียวเหยาได้

“ขุมทรัพย์นั้นเป็นของบรรพบุรุษกูทิ้งไว้ให้ ถ้าจะเปิดมันออก จะต้องใช้กระบี่คู่มืดสว่าง ในมือกูมีแต่กระบี่สว่าง กระบี่มืดอยู่ที่มึง กูสามารถพามึงไปด้วยได้” หนุ่มน้อยหน้าดำกล่าว

เขาคงจะไม่มีทางบอกตำแหน่งของขุมทรัพย์ได้ตอนนี้

“บรรพบุรุษของมึงเป็นราชายุทธ์คนไหน” หลัวซิวถาม

“ราชายุทธ์ปู้เฉิน!และเป็นนักหลอมกระบี่ระดับ5ด้วย ส่วนกูก็คือคนเชื้อสายรุ่นหลังของปู้เฉิน ชื่อว่า ปู้เฟย”

“แล้วทำไมกูต้องเชื่อมึง?” หลัวซิวจ้องมองปู้เฟย “ในเมื่อเป็นขุมทรัพย์ที่บรรพบุรุษมึงทิ้งไว้ แล้วมึงจะยอมแบ่งกับกูงั้นหรือ?”

พอสัมผัสได้ว่าหลัวซิวไม่เชื่อตนเอง ปู้เฟยก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมา “จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่มึง ถ้าไม่ใช่เพราะกระบี่มืดอยู่ในมือมึง และกูก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้มึง กูจะบอกมึงงั้นหรือ?”

หลัวซิพิจารณาว่าที่ปู้เฟยพูดมาก็ค่อนข้างน่าเชื่อถือ ขุมทรัพย์ที่ราชายุทธ์คนหนึ่งทิ้งไว้ น่าดึงดูดพอสมควร ต่อให้เป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่อย่างสำนักเซียวเหยาก็ยังสนใจ แล้วจะนับประสาอะไรกับหลัวซิวที่เป็นจอมยุทธ์ระดับวิชาชี่ไห่ขั้น1?

แต่ว่าเขารู้ดี ว่าในโลกนี้มีเรื่องอะไรที่ได้มาฟรีๆ ที่ปู้เฟยบอกเรื่องนี้กับเขา คงจะต้องมีจุดประสงค์

“เดินทางไปยังขุมทรัพย์ ใช้เวลานานแค่ไหน?” หลัวซิวถาม เขาไม่อยากพลาดเวลาการเข้าร่วมสอบเข้าสำนักเซียวเหยา

“1เดือนก็เพียงพอแล้ว” ปู้เฟยกล่าว

“ได้ กูจะไปกับมึง หวังว่ามึงอย่าเล่นแง่ก็แล้วกัน ไม่งั้นกูฆ่ามึงแน่ คิดไปแล้วมึงก็คงไม่น่าเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นหรอก ใช่ไหมล่ะ?” สุดท้ายหลัวซิวก็ตัดสินใจ พอถึงตอนนั้นก็ระวังมากกว่าเดิมหน่อย ถ้าเจออะไรผิดปกติก็รีบถอยออกมา

ตามที่ปู้เฟยพูดมา ขุมทรัพย์ที่ราชายุทธ์ปู้เฉินทิ้งไว้ อยู่ในส่วนลึกของเขาปาฉี

เดิมทีตระกูลปู้เป็นตระกูลที่ฝึกยุทธ์ระดับต้นๆ ในเขตการปกครองหยุนหลง แต่ตั้งแต่ที่บรรพบุรุษราชายุทธ์ปู้เฉินสิ้นไปเมื่อ700กว่าปีก่อน กระบี่คู่มืดสว่างได้หายไปหนึ่งเล่ม ตระกูลปู้ก็เลยตกต่ำ ค่อยๆ กลายเป็นตระกูลปกติทั่วไป มาถึงรุ่นของปู้เฟย ตระกูลปู้ก็เหลือเขาเพียงคนเดียว

ในส่วนลึกของเขาปาฉี สามารถพบเจออสูรกายระดับ2ได้ง่ายๆ มีอสูรกายระดับ2ขั้นสูงบ้าง พลังเทียบเท่าวิชาชี่ไห่ขั้น9

“หยุด!”

ตอนที่2คนเดินไปในป่านั้น หลัวซิวก็หยุดฝีเท้าลง ขมวดคิ้ว

“เป็นอะไร?” ปู้เฟยถาม

“ถ้ายังเดินไปอีกล่ะก็ ห่างจากพวกเราอีก700กว่าเมตร จะอสูรกายระดับ3 พลังเทียบเท่าจอมยุทธ์พรสวรรค์”

หลัวซิวพูดเสียงขรึม จากนั้นก็มองด้านขวา “พวกเราอ้อมไปทางนี้”

“เอ็งรู้ได้ไงว่ามีอสูรกายระดับ3?” ปู้เฟยสงสัย

“โฮก!”

ในตอนนี้เอง เสียงคำรามอันน่าหลัวก็ดังมาจากด้านหน้า รังสีอำมหิตเต็มไปทั่วป่า ทำให้ปู้เฟยสีหน้าเปลี่ยน สีหน้าอึ้งๆ

แค่พลังที่ส่งออกมานี้ ปู้เฟยก็มั่นใจได้ว่า อสูรกายที่ส่งเสียงคำรามน่ากลัวแบบนี้ จะต้องเป็นสิ่งที่น่ากลัวแน่ๆ ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์แดนชี่ไห่จะต้านทานได้

พอเห็นว่าหลัวซิวได้เดินไปทางขวาแล้ว สายตาของปู้เฟยก็เป็นประกาย และยิ่งรู้สึกว่าหนุ่มน้อยชุดดำคนนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ

สองคนเดินกันมาสักระยะ ก็ไม่ได้เงียบกันไปเสียทั้งหมด เขาเองก็ลองเชิงถามที่มาของหลัวซิว รู้ว่าเขาเป็นนักเรียนของสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุน ชื่อว่า หลัวซิว

ในการรับรู้ของหลัวซืว มีพลังของอสูรกายที่แข็งแกร่ง เก่งกว่าผู้อาวุโสระดับจอมยุทธ์พรสวรรค์ในสำนักยุทธ์เยอะกว่ามาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ