จากนั้นไม่นาน ปู้เฟยก็เดินออกจากพื้นที่หมอกปกคลุม แล้วเข้าสู่หุบเขา จนหาปากถ้ำเจอ
ถ้ำนี้ มีด้านในสูง10กว่าเมตร ลมพัดหวนอยู่ในถ้ำ ราวกับเสียงร้องโหยหวนของผีสาง เพียงแค่ยื่นอยู่ที่ปากถ้ำ ปู้เฟยก็สามารถรับรู้ได้ว่าในถ้ำนี้มีพลังน่ากลัวครองพื้นที่อยู่
“จากบันทึกที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ ทางเข้าของขุมรัพย์นี้ จะมีอสูรกายระดับ5เฝ้าอยู่!”
ปู้เฟยพลิกฝ่ามือ แล้วหยิบป้ายหยกออกมาจากสนับข้อมือเก็บของ จากนั้นเขาก็กัดนิ้วตนเอง เอาเลือดหยดบนป้ายหยกนั้น ป้ายหยกนั้นก็เปล่งแสง แล้วดูดซึมเลือดเข้าไปในพริบตา
“โฮก!”
เสียงคำรามที่ทำให้คนหวาดกลัว ดังออกมาจากด้านในถ้ำ เสียงสะท้อนไปไกลกว่าสิบลี้ ทำให้หมอกควันในหุบเขาหมุนวนไปหมด
“นี่มันตัวอะไร?”
หลัวซิวที่กำลังเดินอยู่ในกลุ่มหมอกควัน ก็ได้ยินเสียงคำราม เลือดลมในตัวก็สั่นสะเทือน เจ็บๆ ที่หู แค่เสียงคำรามเท่านั้น ก็ทำให้ใจสับสนวุ่นวายได้
ที่ปากถ้ำในหุบเขาลึก ปู้เฟยสัมผัสได้ถึงพลังที่น่ากลัวกำลังพุ่งเข้ามา อสูรเสือสองหัวตัวดำสนิทปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
อสูรกายตัวนี้สูง700เมตร ตัวยาว10กว่าเมตร ใหญ่ตาราวกับเป็นภูเขาย่อมๆ ลำตัวปกคลุมไปด้วยไอสังหาร จนแทบจะทำให้คนหยุดหายใจ
“ท่าเสือสองหัวเขมือบลึก!”
ปู้เฟยรู้สึกว่าตนเองหยุดหายใจไป หัวใจเต้นแรงขึ้นมาก
นี่เป็นอสูรกายที่มีพลังเทียบเท่าราชายุทธ์ได้เลย เป็นอสูรสัญญาของราชายุทธ์ปู้เฉิน บรรพบุรุษของตระกูลปู้ ตอนที่ราชายุทธ์ปู้เฉินยังมีชีวิตอยู่ ก็ทิ้งอสูรกายตัวนี้ไว้เฝ้าสมบัติ ในขณะเดียวกันก็ทิ้งของแทนสัญลักษณ์ไว้ให้ลูกหลานตนเองด้วย
และป้ายหยกในมือของปู้เฟย ก็คือสัญลักษณ์นั้น!
ดวงตาสีแดงทั้งสี่บนสองหัวของอสูรกายจับจ้องมาที่ป้ายหยกในมือของปู้เฟย พลังรอบตัวของท่าเสือสองหัวเขมือบลึกก็เริ่มเก็บเข้าไป แล้วส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา พลังอาฆาตในดวงตาสีเลือด ก็อ่อนโยนลงมามาก
กลิ่นไปเลือดในป้ายหยก ทำให้มันมั่นใจได้ว่า มนุษย์ตรงหน้านี้ ก็คือลูกหลายรุ่นหลังของอดีตเจ้านายมัน
พอเห็นว่าท่าเสือสองหัวเขมือบลึกไม่ทำร้ายตนเอง ปู้เฟยก็หายใจเข้าอย่างลึก แล้วก็ตั้งสติได้
เขาจับป้ายหยกในมือแน่น นิ้วชี้ไปยังพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม แล้วพูดอย่างมีความอาฆาตว่า “มีคนจะมาแย่งชิงขุมทรัพย์ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ เจ้าไปฆ่ามันเสีย!แล้วเอาของในตัวมันหลับมา”
อสูรกายระดับ5ก็ฉลาดมาก ถึงแม้จะพูดภาษาคนไม่ได้ แต่ฟังรู้เรื่องว่าปู้เฟยหมายความว่าอะไร
“โฮก!”
ท่าเสือสองหัวเขมือบลึกเงยหน้าคำรามออกไป ตัวยักษ์ใหญ่ของมันก็พุ่งออกไป เร็วดั่งสายฟ้าสีดำ บุกเข้าไปยังพื้นที่หมอกควัน
มีพลังของประสาทสัมผัสสิ่งมีชีวิต หลัวซิวรับรู้ถึงพลังชีวิตของปู้เฟยแล้ว แค่อีกไม่นาน ก็จะสามารถเดินออกไปจากพื้นที่นี้ได้แล้ว
ทันใดนั้น พลังชีวิตที่ใหญ่โตมโหฬารก็ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของเขา แถมยังบุกมาถึงตำแหน่งของเขาอย่างรวดเร็วอีกด้วย
“ไม่ได้การแล้ว!”
หลัวซิวได้ยินเสียงคำรามที่น่ากลัวนั้น ภายใต้หมอกควันที่อึมครึม ก็มองเห็นเงาดำใหญ่ๆ บุกเข้ามาอย่างน่ากลัว
พลังที่น่ากลัวเกือบทำให้หลัวซิวหยุดหายใจ ภายใต้ความเป็นความตาย วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพในจุดตันเถียนก็หมุนเร็วขึ้นมา ปราณเป็นตาย2ระดับไหลเวียนไปทั่วร่าง
“ฟิ้ว!”
ใช้วิชาท่ากลไกวิเศษ ร่างกายของเขากลายเป็นเงา แล้วหายไปจากตำแหน่งเดิม
“โครม!”
เงาดำใหญ่ๆ มาทับตำแหน่งเดิมของหลัวซิว หินกรวดกระเด็นไปทั่ว ดวงตาสีแดงทั้ง4ก็เปล่งแสงสีแดงของอสูรการออกมา ภายในหมอกที่หนาแน่น เผยให้เห็นเหมือนตะเกียงไฟสีแดง
อสูรกายที่น่ากลัวตัวนี้ มันน่ากลัวมาก ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ที่เก่งที่สุดที่หลัวซิวเคยเจอ เช่นเจ้าสำนักยุทธ์ของเมืองชิงหยุน เมื่อเทียบกับเสือดำตัวนี้แล้วล่ะก็ เจ้าสำนักยุทธ์เป็นเหมือนเด็กเลย
“วิ่ง!”
หลัวซิวไม่จำเป็นต้องช้าอะไร วิชาท่าร่างถูกเขาใช้ออกมาอย่างสุดขีดจำกัด ภายใต้สภานการณ์เป็นตายแบบนี้ สัญชาตญาณทุกอย่างก็ถูกเอาออกมาใช้จนหมด
แต่ต่อให้หลัวซิวจะเร็วแค่ไหน ต่อหน้าท่าเสือสองหัวเขมือบลึก ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...