หลังจากที่ซิงหลิงออกมา ก็มีอีกสองสามคนได้เข้าไปทะลวงด่าน คนพวกนี้เดิมทีก็ได้ทะลวงชั้นที่เป็นขีดจำกัดแล้ว ส่วนมากเมื่อเข้าไปแล้วไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็ถูกบีบให้ถูกส่งตัวออกมา ไม่สามารถทนต่อไปได้
ในนั้นมีอยู่หนึ่งคนที่สามารถทนมาได้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะทำลายพื้นที่สีทองได้
ในตอนนี้เอง ก็ได้มาถึงคราวของหลัวซิว
วินาที่เดินเข้าสู่ค่ายกลนั่นเอง หลัวซิวก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่สีทองของชั้นที่หนึ่งอีกครั้ง
ตามกฎของหอคอยฝึกตน มีเพียงใช้วิธีที่สองทะลวงผ่านด่านไป ถึงจะสามารถผ่านชั้นนั้น ๆ ไปได้โดยตรง
และก่อนหน้านี้หลัวซิวไม่สามารถทำลายพื้นที่สีทองในชั้นที่หนึ่งมาได้โดยตลอด ดังนั้นเมื่อถูกส่งตัวเข้ามา จึงได้ปรากฏตัวขึ้นในชั้นที่หนึ่ง
กระแสพลังอันดุร้ายเป็นเหมือนดั่งมีดดาบที่กรีดเนื้อหนังของเขาอยู่ไม่หยุด ทว่าหลัวซิวกลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด สายตามองไปยังด้านบนของพื้นที่สีทองในทันที
เมื่อตอนเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก อดทนได้ไม่นานนัก ผิวหนังก็ถูกกรีดจนเลือดอาบ และเมื่อเข้ามาในครั้งนี้ การโจมตีของกระแสพลังอันดุร้ายที่เทียบได้กับแดนมหายุทธ์ขั้นสาม สำหรับเขาแล้วไม่ได้ทำให้รู้สึกจั๊กจี้เลยสักนิด
“พัง!”
เท้าขวาของหลัวซิวเหยียบลงไปบนพื้น ปากก็เอ่ยออกมาหนึ่งคำ จากนั้นก็ต่อยออกมาหนึ่งหมัด กระแสพลังในรูปกระบี่สีดำสายหนึ่งได้ลอยออกมาจากหมัดของเขา
เงารูปกระบี่สีดำนี้ ไม่ได้มาจากพลังจิตแท้ แต่เกิดจากการรวบรวมของร่างเนื้ออสุรา เพราะพลังจิตแท้และตัวสำนึกใช้ได้ไม่เป็นผลในที่แห่งนี้
และหมัดกระบี่นี้ เป็นทักษะการต่อสู้ร่างเนื้อที่หลัวซิวได้ตระหนักรู้จากหอคอยร่างทองในระยะเวลาสามเดือนมานี้
กระบวนท่าที่แสดงออกมาโดยตัวสำนึกวิญญาณเป็นเคล็ดวิชาวิญญาณ
กระบวนท่าที่แสดงออกมาโดยร่างยุทธ์ร่างเนื้อนั้น คือทักษะการต่อสู้ร่างเนื้อ
ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาหรือทักษะการต่อสู้ ล้วนอยู่เหนือขอบเขตของวิชายุทธ์โดยทั่วไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...