จากนั้น ลู่เจิ้งเย๋ไม่ได้ใส่ใจสายตาของคนอื่น ๆ เลย เดินเข้ามาใกล้ ๆ หลัวซิวด้วยความเคารพนอบน้อม และคุกเข่าลงหนึ่งข้าง “ข้าน้อยลู่เจิ้งเย๋ คารวะท่านเจ้าสำนัก!”
“เจ้า......เจ้าสำนัก?”
ปรมาจารย์ยุทธ์แดนฝึกจิตที่ติดตามลู่เจิ้งเย๋มา ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด
......
นับจากที่หลัวซิวจากไป ตำหนักวัฏสงสารก็ได้ว่างมาเป็นเวลานาน
ตอนที่จากไปในตอนนั้น หลัวซิวก็ได้มอบเรื่องทุกอย่างในสำนักไท่เสวียน มีเกาเหลียนหง และสวีจิงเหนียนเป็นคนดูแลรับผิดชอบ
วันนี้ ในตำหนักวัฏสงสาร บรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อย
หลัวซิวนั่งอยู่บนตำแหน่งของเจ้าสำนัก ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ แต่กลับมีความน่าเกรงขามที่มองไม่เห็น ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
“ผู้คุมกฎสวี ท่านมีอะไรจะพูดหรือ?” เงียบอยู่สักพัก หลัววิวก็ได้มองไปยังสวีจิงเหนียน
“เจ้าสำนัก!” สวีจิงเหนียนคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวด้วยความเสียอกเสียใจ: “หนิงซวน อายุยังน้อยไม่รู้จักความได้ล่วงเกินท่านไป โทษสมควรตายจริง ๆ แต่ขอเจ้าสำนักโปรดเห็นแก่ที่ตระกูลสวีของเราได้อุทิศตนให้กับสำนักไท่เสวียน โปรดเมตตาสักครั้ง!”
สีหน้าท่าทางของหลัวซิวไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด และหันไปยังเกาเหลียนหง “ผุ้คุมกฎเกา ท่านมีความเห็นอย่างไร?”
เกาเหลียนหงลุกยืนขึ้น “เรียนท่านเจ้าสำนัก ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งไท่เสวียน ตระกูลสวีมีความดีความชอบ แต่ด้วยเหตุนี้ตระกูลสวีก็ได้รับการคุ้มครองจากไท่เสวียน กลายเป็นตระกูลของราชวงศ์ ที่มีสถานะไม่ธรรมดาในประเทศเทียนหวูในปัจจุบัน”
“จากการตรวจสอบของข้า ในช่วงหลายปีมานี้คนตระกูลสวีเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่ อาศัยว่าผู้คุมกฎสวีเป็นคนแรก ๆ ที่ติดตามเจ้าสำนัก ได้ทำเรื่องผิดกฎสำนักอยู่หลายอย่าง”
แม้ว่าเกาเหลียนหงและสวีจิงเหนียนจะเป็นผู้คุมกฎเหมือนกัน แต่เดิมทีเกาเหลียนหงก็เป็นทายาทของสายนภาเสวียนอยู่แล้ว สิ่งแรกที่ต้องจงรักภักดีก็คือสำนักไท่เสวียน
และก็เพราะเหตุนี้ หลัวซิวจึงได้มอบอำนาจส่วนใหญ่ของผู้คุมกฎ ไว้ในมือของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...