“เฮอ เฮอ อย่าเพิ่งรีบไปเลย”
ผู้เฒ่ายิ้มบาง ๆ “ในเมื่อเจ้าสามารถมาถึงที่แห่งนี้ได้ถือว่ามีลิขิตเกี่ยวพันกับตำหนักจื่อเซียว ข้ารอมาเนิ่นนานไม่จบสิ้นก็เพื่อที่จะได้พบเจ้าเท่านั้น”
“ข้าไม่อาจเข้าใจถึงความหมายของท่าน”
“เจ้าของตำหนักจื่อเซียวตายไปกลางมหาสงครามตั้งแต่สมัยโบราณ ตำหนักจื่อเซียวก็ได้รับความเสียหายด้วย ดังนั้นที่เจ้าเห็นว่าข้ามีแขนเพียงข้างเดียวนั้น ก็เพราะว่าข้าคือจิตภัณฑ์ ตำหนักจื่อเซียวเสียหาย ข้าจึงได้รับความเสียหายตามไปด้วย”
ผู้เฒ่าไม่รีบร้อน และเอ่ยต่อไปช้า ๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตำหนักจื่อเซียวก็คือนักยุทธ์ราชาเทพชิ้นหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์ พลังอำนาจนั้นแข็งแกร่งมากเสียจนไม่สามารถคาดเดาได้”
ระหว่างที่พูด ผู้เฒ่าก็ยกมือขึ้นโบก ปราณม่วงด้านหน้าสลายหายไป ปรากฏเป็นโต๊ะตัวหนึ่ง ด้านบนมีป้ายสลักตัวอักษรเป็นคำว่า ‘ดวงวิญญาณแห่งราชาเทพหงเฟย’
ราชาเทพหงเฟยมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นเจ้าของตำหนักจื่อเซียวแห่งนี้ในสมัยก่อน
“เพียงแค่เจ้ายินยอมที่จะเป็นผู้สืบทอดของนายท่าน เจ้าไม่เพียงแต่จะได้รับตำหนักจื่อเซียวแห่งนี้ ยังสามารถได้รับการถ่ายทอดจากราชาเทพผู้แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีข้าเป็นผู้ช่วย เส้นทางการฝึกตนของเจ้าในภายภาคหน้านั้นจะยิ่งราบรื่นยิ่งกว่าสิ่งใด” ผู้เฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังโยนเหยื่อล่อ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ หลัวซิวเพียงแค่คล้อยตามไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็กลับมาสงบนิ่งเช่นเดิม
มรดกจากราชาเทพย่อมเรียกได้ว่าเป็นทำให้โลกตะลึง แต่สำหรับผู้ที่ครอบครองวรยุทธ์วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพรวมถึงผังกฎดั้งเดิมอย่างหลัวซิวแล้ว กลับไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น
สิ่งเดียวที่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้ก็มีเพียงแค่ตำหนักจื่อเซียวเท่านั้น ถึงอย่างไรเขาก็ได้เห็นพลังอำนาจที่แข็งแกร่งของตำหนักจื่อเซียวแห่งนี้จากการฉายภาพของปราณม่วงด้วยตาตนเองแล้ว
“ข้าไม่คิดว่าบนโลกใบนี้จะมีสิ่งดี ๆ ที่ได้มาโดยไม่ต้องเสียอะไร หากข้าได้รับตำหนักจื่อเซียว จำเป็นต้องเสียสละสิ่งใด?” หลัวซิวถามเสียงขรึม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...