“เบ็ดตกปลากับมีดเอนกประสงค์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ผมวางไว้ให้ที่นี่นะ ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรหนักหนา ก็โทรศัพท์ให้ผมได้โดยตรงเลยนะครับ ขอให้ทุกคนเที่ยวกันให้สนุกครับ”
พูดจบ หลิ่วผู่คุนก็ขึ้นรถพาเที่ยวคันนี้นจากไป
สำหรับพวกลูกเศรษฐีตระกูลชั้นสองพวกนี้ ถึงแม้เขาจะไม่อยากไปใส่ใจมาก แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นในพื้นที่ของเขา เรื่องที่ต้องจัดการก็คงยุ่งยากเอาเรื่อง ฉะนั้นจึงสั่งไปในเรื่องที่ควรสั่งให้เรียบร้อยไว้ก่อน
หากยังจะเกิดอุบัติเหตุอะไรอีก นั่นก็เป็นปัญหาของพวกเขาเองแล้ว ถึงแม้ผู้ใหญ่จะต่อว่าเอาความขึ้นมาก็ไม่เกี่ยวกับตัวเขาแล้ว
“กิจกรรมเอาตัวรอดในป่านะ!”
ทุกคนส่งเสียงเฮขึ้นมาทีหนึ่ง ลูกเศรษฐีบางคนคว้าเบ็ดตกปลา มุ่งตรงไปยังริมหาด
และก็มีหลายคนหยิบเอามีดเอนกประสงค์ เตรียมเข้าป่าหาผลไม้ป่ามาแก้กระหาย
ส่วนเหล่าบรรดาสาว ๆ ก็นำเอาเก้าอี้พับ กางนั่ง ๆ นอน ๆ อาบแดด วางมาดแบบมาผ่อนคลายหาความสุขไม่ได้มาหาเรื่องลำบาก
เจียงหว่านคงไม่ได้อยากขี้เกียจอย่างพวกเขา เดินตามหลังมู่เซิ่ง เดินเข้าป่าไป
กิจกรรมเอาตัวรอดในป่าก็จัดเพื่อให้ฝึกฝนตัวเองกัน ฉะนั้นถึงแม้มู่เซิ่งสามารถจัดการแก้ปัญหาการหาของกินของทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ไม่ขวางห้าม พาเจียงหว่านเข้าไปหาผลไม้และของป่าที่กินได้ด้วยกัน
เจียงหว่านไม่ได้เก็บผลไม้อะไรเลย แต่ก็ได้พบเห็นรู้จักไม้ดอกแปลก ๆ ไม่น้อย
มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เจียงหว่านตื่นใจมากคือ ไม่ว่าเธอพบเห็นพรรณไม้แปลก ๆ มู่เซิ่งกลับสามารถพูดชื่อออกมาได้หมด และยังบอกได้ถึงคุณสมบัติเชิงลึก ทำให้เจียงหว่านอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง
คุณมู่เซิ่งคนนี้เป็นเอ็นไซโครพีเดียหรือไง ทำไมรู้ได้ไปหมดทุกอย่าง?
เธอยังไม่รู้เลยว่า มู่เซิ่งเคยใช้ชีวิตทหารในป่าดิบชื้นในเวลานั้น เขาก็ได้สัมผัสสิ่งต่าง ๆ พวกนี้มาก่อนหน้านั้นหมดแล้ว
เดินอ้อมไปทางป่าละเมาะข้างหน้า ทันทีนั้นก็เห็นกลุ่มของพวกไป๋เสี่ยวเสียนเดินมากันอย่างอึกทึกฮึกเหิม
“นี่มันเจียงหว่านนี่นา?”
มีลูกเศรษฐีคนหนึ่งได้สังเกตเห็นมู่เซิ่งกับเจียงหว่านสองคนในฉับพลัน
ไป๋เสี่ยวเสียนสะบัดเสียงฮึออกจมูก พูดว่า “มู่เซิ่ง แกยังใช่ผู้ชายหรือเปล่า?อยู่ที่บ้านเกาะเจียงหว่านกินก็แล้ว ตอนนี้มาหาทางเอาตัวรอดกันเองในป่า ก็ยังให้เจียงหว่านออกมาช่วยเก็บผลไม้อีก พวกเราที่เป็นผู้ชายมีคนอย่างแกแบบนี้ มันน่าละอายนัก!”
ความเกลียดที่ฝังลึกอยู่ในใจสุด ๆ ไอ้คุณมู่เซิ่งคนนี้ มันเป็นคนที่ทำเอาความเป็นผู้ชายเสียหายสิ้น!
ฮ่า ๆ ๆ ......
บรรดาลูก ๆ ของห้า-หกตระกูล ต่างอดไม่ได้หัวเราะกันออกมา
สุดท้าย สายตาของเขากวาดมองไปที่ตะกร้าในมือมู่เซิ่ง ยิ่งรู้สึกสนุกกันเป็นการใหญ่
“มู่เซิ่ง นี่แกไปเลือกเก็บอะไรมานั่น?แต่ละอันขาด ๆ แหว่ง ๆ น่าเกลียด พวกเห็ดนั่นดูยังกับก้อนหิน กินได้หรือเปล่า?เลือกเป็นหรือเปล่านะ”
พูดจบแล้ว ไป๋เสี่ยวเสียนชูตะกร้าในมือขึ้นมา พูดอย่างเหยียด ๆ ไปว่า “แกไม่รู้จักมาดูของเคียงที่ผมเลือกเก็บมานี่ ทั้งน่าดูและกินอร่อย นี่ถึงจะเป็นของที่พวกเราควรจะกิน”
ในตะกร้าของไป๋เสี่ยวเสียน มีผักผลไม้หลากสี และยังมีเห็ดแทรกอยู่ไม่น้อย มู่เซิ่งมองแล้วก็ดูออก พวกนี้กินไม่ได้สักอย่าง
เจียงหว่านโกรธจนเตรียมจะตอบโต้ มู่เซิ่งกลับชิงพูดตัดหน้าก่อนว่า “กลัวแต่ว่าเห็ดพวกนี้ จะเหมือนกับคนบางประเภท ข้างนอกหุ้มทอง ข้างในมีแต่ของเสีย”
“คุยแม่ง.....” ไป๋เสี่ยวเสียนโกรธจนโพล่งออกมาด้วยใจอยากด่า แต่คิดกลับมาถึงฐานะของตนที่อยู่ต่อหน้าผู้กลุ่มคนพวกนี้ ขืนไปมีปากเสียงกันเศษขยะประเภทนี้รังแต่จะเป็นการด้อยค่าตัวเอง เขาสะบัดเสียงฮึออกจมูก ข่มความโกรธเกรี้ยวในใจไว้ “ไอ้เศษขยะอย่างแก ก็ได้แต่หาเศษหาเลยเอาเปรียบด้วยปากพูด”
มู่เซิ่งก็ขี้เกียจไปยุ่งกับเขา หันหลังกลับพาเจียงหว่านเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง
ไป๋เสี่ยวเสียนสะบัดเสียงฮึ พากันตามไปติด ๆ
มู่เซิ่งคิ้วย่นขึ้นมาเองด้วยจิตใต้สำนึก สีหน้ายังแสดงออกไม่แยแส แต่แท้ที่จริงรู้สึกรำคาญกับไอ้หมอนี่แล้วจริง ๆ
เดิมคิดว่าคงแค่พูดเยาะเย้ยสักไม่กี่คำแล้วก็ไปพ้น ๆ ได้ ไม่คิดว่าจะพาพรรคพวกตามติดมาข้างหลัง แล้วอย่างนี้จะให้เขากับเมียอยู่ในโลกสองคนของพวกเขาได้ยังไง?
เดินตามไปได้ประมาณสิบนาที ขณะที่มู่เซิ่งกำลังจะหันไปตะเพิดไล่ไป๋เสี่ยวเสียนให้ไสหัวไปไกล ๆ นั้น นาทีนั้นเอง กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังตัวเขา ส่งเสียงร้องกันอย่างแตกตื่น
“โอ้พระคุณ นั่นอะไรอ่ะ!”
“โอ้พระจ้า!หมี นั่นมันหมีนะ!”
“นี่มันหมีนะ หนีเร็ว!รีบหนีกลับไปที่แค้มป์กันเร็ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...