มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 141

มู่เซิ่งไม่อยากสนใจจ้าวหลิน ผู้หญิงคนนี้ปากร้าย คุยกับเธอ มีแต่จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ทิ้งจ้าวหลินนั่งโกรธอยู่ในห้องโถงคนเดียว เขาย้ายเตาทองแดงเข้าไปในห้องเก็บของ

หลังจากล็อกประตูเรียบร้อย เขาก็เข้าไปอีกห้องอย่างเงียบๆ

ห้องที่กั้นไว้นี้ ในตอนที่เขาตกแต่งคฤหาส ให้คนงานทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ต้องกดกลไกพิเศษเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้ มู่เซิ่งเข้าไปในห้อง จากนั้นก็วางเตาทองแดง วัสดุยา และหินหยาบตี้หวังลู่ไว้บนพื้น

จากนั้น ก็หยิบหนังสือโบราณเล่มหนึ่งออกมานั่งขัดตะหมาดหน้าเตาทองแดง

หนังสือโบราณเล่มนี้ เป็นของที่ระลึกชิ้นเดียวที่แม่ของเขาทิ้งไว้ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต และยังเป็นสิ่งเดียวที่เขานำออกมาจากตระกูลมู่ หนังสือโบราณครอบคลุมเนื้อหาหลากหลาย ตั้งแต่ทักษะทางการแพทย์ไปจนถึงโบราณวัตถุ มู่เซิ่งก็พึ่งสิ่งนี้ เขาถึงได้มีความสามารถเช่นทุกวันนี้

“หมอ ต้องใช้ยาในการรักษา”

“ยา ไม่ใช่ที่พึ่งสุดท้าย”

มู่เซิ่งจ้องมองตัวหนังสือที่ลี้ลับมหัศจรรย์ในหนังสือโบราณ เขาหายใจเข้าลึกๆ

ข้างบนเขียนไว้อย่างชัดเจน หมอต้องใช้ยารักษาเป็นประจำ และจุดสุดยอดของการใช้ยา คือการกลั่นให้เป็นยาอายุวัฒนะ แต่โดยปกติแล้ว โรคที่มู่เซิ่งเคยเห็นเป็นโรคที่ไม่หนัก ไม่จำเป็นต้องใช้ยาอายุวัฒนะ ตอนนี้พ่อของเขาป่วยหนัก เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มลงมือกลั่นยาอายุวัฒนะ

ในหนังสือกล่าวว่า การกลั่นยาอายุวัฒนะ ดีที่สุดคือเตายาเก้าหน เขาไม่เข้าใจของสิ่งนี้ จึงหาเตาทองแดงเล็กๆธรรมดา วางไว้บนเตาแม่เหล็กไฟฟ้า

จากนั้น เขาทำตามที่หนังสือบอกไว้ เขาใส่วัสดุยาที่อู๋หยู่เหวินเตรียมไว้ให้เขา ใส่เข้าไปในเตากลั่นยาทีละนิดๆ

กลั่นยาเม็ดฟื้นฟูจำเป็นต้องใช้เวลาสองชั่วโมง มู่เซิ่งก็ไม่ได้รีบร้อน เฝ้าอยู่ข้างๆเตาทองแดงอย่างเงียบๆ วัสดุยาเหล่านี้เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มา และได้มาเพียงส่วนเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมให้เกิดปัญหาขึ้นเด็ดขาด

จ้องมองปำลางพลิกดูหนังสือโบราณ

ต้องบอกว่า เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ละเอียดและแยบยลมาก แม้ว่ามู่เซิ่งจะอ่านนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่ย้อนกลับมาอ่านอีกก็ค้นพบสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ

เขาหมกมุ่นอยู่ในนั้น และชั่วพริบตาก็ผ่านไปสองชั่วโมง

มู่เซิ่งรีบเก็บหนังสือโบราณ ปิดเตาแม่เหล็กไฟฟ้า และเปิดเตากลั่นยา

ในเตาทองแดง มียาอายุวัฒนะสีเขียวเข้มปรากฏขึ้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายเลือดที่เข้มข้น ทำให้ดาบกระหายเลือดในมือของเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย มู่เซิ่งแทบรอไม่ไหวที่จะเก็บยาอายุวัฒนะขึ้นมา และใส่ลงในขวดอย่างระมัดระวัง

จากนั้นก็เก็บกากยาจากเตาทองแดงเข้าตู้ให้เรียบร้อย

เมื่อเขาเดินออกจากห้องโถง ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว จ้าวหลินนั่งอยู่ที่โต๊ะ และพูดอย่างหงุดหงิด “มู่เซิ่ง คุณทำอะไรอยู่ในห้องเก็บของกันแน่? เข้าไปทีก็เป็นเวลาหลายชั่วโมง คุณคงไม่ใช่เลี้ยงเมียน้อยไว้ข้างในนะ?”

ต้องขอบอกว่า วงจรสมองของจ้าวหลินนั้นแปลกประหลาด คำพูดที่พูดออกมาทำให้มู่เซิ่งรู้สึกมึนงง แต่เขาไม่สนใจ ก่อนหน้านี้จ้าวหลินพูดข้างหูเขาทุกวัน จนเขาชินชาแล้ว

ที่โต๊ะอาหาร มู่เซิ่งพูดกับเจียงหว่าน บอกว่าเขาจะไปจากเจียงหนานหลายวัน เจียงหว่านพยักหน้า จู่ๆมู่เซิ่งก็จะไปจากเจียงหนาน เธออดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ไม่มีอะไร แค่จัดการเรื่องส่วนตัวของฉันนิดหน่อย” มู่เซิ่งพูด

“งั้นก็ดี” เจียงหว่านพยักหน้า ได้ยินมู่เซิ่งพูดถึงเรื่องส่วนตัว เธอก็ไม่ได้ถามอะไรอีก และพูดต่อว่า “แต่อย่าลืมอีกไม่กี่วันก็จะฝังศพคุณปู่แล้ว นายห้ามลืมและต้องกลับมาให้ได้นะ”

“ฉันรู้แล้ว”

มู่เซิ่งพยักหน้า

อันที่จริงหลังจากที่ท่านเจียงสามเสียชีวิตไปได้สองวัน ห้องโถงโรงไว้ทุกข์ก็ได้จัดตั้งขึ้นแล้ว และมีตระกูลระดับชนชั้นกลางจำนวนมากที่มาเยี่ยมท่านเจียงสาม แม้ว่าการเสียชีวิตของท่านเจียงสามจะเกิดขึ้นกะทันหัน แต่คนแก่ชราแล้ว เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นมันก็เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะนี่เป็นเรื่องของตระกูลเจียง พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะไปยุ่งเกี่ยว

มู่เซิ่งเคยไปงานศพของท่านเจียงสาม แต่ว่าพอไปถึงสถานที่ เขาก็ถูกเจียงมู่หลงไล่ออกจากคฤหาสน์ และเจียงมู่หลงได้บอกเขาว่า เขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะสวมใส่ชุดไว้ทุกข์! เขาไม่ใช่คนสกุลเจียง และไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลเจียง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง