เมื่อเห็นสายตาประหลาดใจของมู่เซิ่ง ฉินหลินที่อยู่ข้างๆก็ยิ่งได้ใจมากขึ้น
“รู้ถึงความเก่งกาจของปู่ฉันแล้วใช่ไหม หมอเทวดาอันดับหนึ่งแห่งเยียนจิง ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรอกนะ!”
“นั่นสิ เมื่อกี้ยังอวดเบ่งไม่เกรงกลัวมครอยู่เลย ตอนนี้เห็นฝีมือของอาจารย์ฉันแล้ว คงตกใจจนขี้หดตดหายแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“ถ้ารู้จักกลัว ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก?ไม่แน่อาจารย์ฉันอาจจะเห็นความจริงใจของแก แล้วสั่งสอนแกแค่ไม่กี่กระบวนท่าก็ได้”
ลูกศิษย์หลายคนพากันได้ใจ วิชาการใช้ยาของฉินโสว่หราน เป็นที่เลื่องลือมานาน พวกเขาใช้วิธีมากมาย กว่าจะมาเป็นลูกศิษย์ของฉินโสว่หรานได้ มู่เซิ่งจะมาเทียบเคียงเปรียบกับเขาได้อย่างไร?
มู่เซิ่งมองด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่ได้พูดอะไร มุมปากของเขาแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย
ฉินโสว่หรานมีความสามารถเป็นเรื่องจริง แต่กลับทำทุกอย่างไม่ถูกต้องทั้งหมดเสียทีเดียว
แพทย์คนหนึ่ง ต้องกล้าหาญและระมัดระวัง มือต้องนิ่งพอ ด้านการจัดยาของฉินโสว่หราน คว้าจับอย่างแม่นยำ แต่วิธีการกลั่นยาของเขา ยาต้องใช้วิชาขั้นสูง ในด้านของเลือดลม
จะต้องเป็นคนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เลือดลมต้องแข็งแรงพอ การกลั่นยาด้วยคนเช่นนี้ ถึงจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของยาได้เต็มที่ แม้แต่ยาบางชนิดยังต้องใช้พลังจากเลือดลมเป็นจำนวนมาก จะต้องใช้ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ ถึงจะสามารถกลั่นยาออกมาได้
แต่ทว่า ฉินโสว่หรานเป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีอายุเลยห้าสิบไปแล้ว ดังนั้นพลังด้านเลือดลม จึงมีไม่เพียงพอ และแม้จะใช้วิชายาห้าประสานในการกลั่นยา มันก็เห็นผลแค่70%เท่านั้น ในอดีตมู่เซิ่งเก่งกาจกว่าเขาอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่ได้รับ《ตำราทองตำนานเสวียน》เล่มที่สองมา
เมื่อเห็นมู่เซิ่งแอบส่ายหัวไปมา ฉินโสว่หรานอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกมา ทำการคว้ายาในตู้ออกมาสองอย่าง
มาต้มในหม้อต้มยา ทั่วทั้งวอร์ดในตอนนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรเตะจมูก
หลังจากกินยาสองเม็ดลงไป ทุกคนก็มองไปที่ใบหน้าของชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยคนนี้อย่างใจจดใจจ่อ ราวกับอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง จากสีหน้าของเขา
ฉากนี้ดึงดูดความสนใจของผู้ป่วยคนอื่นๆเข้ามา มองดูอย่างเพลิดเพลิน การรักษาของฉินโสว่หราน ไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้บ่อยๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฉินโสว่หรานก็ลุกขึ้นยืน แล้วยกแก้วน้ำวางไว้ตรงหน้าของผู้ป่วยคนนั้น แล้วพูดว่า“ดื่มลงไป แล้วค่อยไปเข้าห้องน้ำ แล้วอาการจะหายไป”
“แต่ว่า ผมยังไม่อยากเข้าห้องน้ำนิครับ?”ผู้ป่วยสีหน้ามึนงง
หลังจากนั้น วินาทีต่อมา
จู่ๆเขาก็รู้สึกบริเวณท้องน้อยพลุ่งพล่านขึ้นมา เขาคงรีบดื่มน้ำลงไป แล้วกุมท้องวิ่งเหยาะๆไปประตู เพื่อเข้าห้องน้ำทันที
ผ่านไปห้านาทีเต็มๆ เขาถึงค่อยๆจับไปที่กำแพง เดินออกมาด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“คุณปู่ครับ ชงชาเรียบร้อยแล้วครับ”ฉินหลินเดินยกน้ำชาร้อนๆมา
ฉินโสว่หรานรับน้ำชาร้อนๆมา เป่าคลายร้อน แล้วพูดกับชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยที่เดินเข้ามาจากประตู“ตอนนี้ร่างกายของคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“หมอนรองเอวของผะ ผม……”
เดิมทีชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยคนนี้ยังคงหมกมุ่นอยู่กับอาการท้องเสีย หลังจากฉินโสว่หรานพูดขึ้น จู่ๆเขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา พึ่งพบว่า เมื่อสักครู่ที่เขาวิ่งไปที่ประตู ไม่รู้สึกเจ็บตรงบริเวณเอวแล้ว
“ผมหายแล้วครับ อาการเจ็บตรงหมอนรองเอวของผมที่เป็นมานานหลายปี หายแล้วครับ !”
ผู้ป่วยยิ้มหัวเราะด้วยความดีใจ แล้วบิดซ้ายบิดขวาดู แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่ฉินโสว่หรานอย่างแปลกใจ แล้วกล่าวว่า“หมอเทวดาฉินครับ อัศจรรย์จริงๆ ผมไปตรวจดูที่โรงพยาบาลมาเป็นสิบที่แล้ว รักษามาก็หลายสิบครั้ง ยังสู้การรักษาเพียงครั้งเดียวของคุณไม่ได้เลย!”
ผู้ป่วยแบบนี้ ส่วนใหญ่ป่วยหนักมาก และหมอที่คลินิกส่วนใหญ่จะใช้สมุนไพรตงหัวค่อยๆรักษาเขา เพราะยิ่งเวลานานมากเท่าไร ก็จะได้เงินมากขึ้นเท่านั้น
แต่ว่าครั้งนี้ เพื่อที่ฉินโสว่หรานจะแสดงความสามารถต่อหน้าของมู่เซิ่ง จะไม่ปิดบังต่อไป เขาใช้ฝีมือ นำวิชาทางการแพทย์ขั้นสูงท่าไม้ตายของเขาออกมาใช้ ดังนั้นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยผู้นี้ ถึงมีวินาทีดีใจที่สุขภาพร่างกายกลับมาแข็งแรง
“อืม แต่ว่าหมอแพทย์แผนตงหัว ยังคงเน้นไปที่การบำรุงร่างกาย ผมจะให้ใบสั่งยากับคุณสองใบ คุณกินไปหนึ่งอาทิตย์ ก็จะหายขาดทันที”ฉินโสว่หรานกล่าวอย่างเรียบเฉย“ต่อไปให้หมั่นออกกำลังกาย อย่านั่งนาน ไม่อย่างนั้นครั้งหน้ามาที่นี่ ผมก็รักษาคุณให้หายอีกไม่ได้แล้ว”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณครับหมอเทวดาฉิน จากนี้ไปผมจะดูแลสุขภาพให้ดีเลยครับ!”ชายคนนั้นพูดขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง แล้วรับใบสั่งยามา แล้วเดินจากไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...