มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 168

สรุปบท บทที่ 168 ขายบริษัท: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

สรุปเนื้อหา บทที่ 168 ขายบริษัท – มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง โดย Anonymous

บท บทที่ 168 ขายบริษัท ของ มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Anonymous อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“พวกคุณพูดกันพอแล้วหรือยังครับ?”

เจียงมู่หลงกล่าวอย่างเย็นเยียบ “พูดพอแล้วก็หุบปากกันให้หมด! กลุ่มคนไร้ค่า มีสิทธิ์อะไรถึงมาตำหนิผม? ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พวกคุณเองก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อบริษัทเลย นอกเสียจากการกินบุญเก่าแล้ว จะทำอะไรได้อีก?”

“หรือจะบอกว่าผมไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูล พวกคุณที่เป็นกลุ่มตัวมอดเหมาะสมแล้วหรือ?”

เมื่อได้ยินเจียงมู่หลงเย้ยหยัน ลูกหลานตระกูลเจียงเหล่านั้นพลันบันดาลโทสะกันขึ้นมาทันที

“เจียงมู่หลง นายหมายความว่าอย่างไรวะ?”

“ตอนนี้เป็นตัวนายเองทำเรื่องได้ไม่ดีก็มาโทษพวกเราเสียแล้ว? นายรู้สึกว่านายมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำตระกูลหรือไง?”

“ใช่น่ะสิ ฉันดูแล้วไม่สู้ให้เจียงหว่านมาเป็นเสียจะดีกว่า อย่างน้อย ๆ เธอก็ดีกว่านายมาก ทั้งก็ไม่เหมือนนายแบบนี้ด้วย เดิมทีก็รับผิดชอบหน้าที่ไม่ได้เลย!”

“เจียงหว่าน อาศัยเธอผู้หญิงแพศยาคนนั้นคือเหมาะสม?” ได้ยินว่าจะให้เจียงหว่านเป็นผู้นำตระกูล เจียงมู่หลงบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก “ไม่มีตระกูลเจียง คู่สัญญาเหล่านั้นก็เรียกร้องที่จะยกเลิกสัญญาข้อตกลงกับตระกูลเจียงกันทั้งนั้น ตอนนี้ตัวเธอเองแม้กระทั่งตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด จะช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร พวกคุณยังคิดที่จะให้เธอมาช่วยพวกคุณอยู่อีกหรือ?”

“นี่...”

ลูกหลานแซ่เจียงเหล่านั้นได้ยินว่าเจียงหว่านเองก็มีสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็ชำเลืองมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี

หากสถานการณ์ของเจียงหว่านในตอนนี้เป็นอย่างที่เจียงมู่หลงกล่าวจริง ๆ เกรงว่าก็จะช่วยเหลือตระกูลเจียงได้ไม่เท่าไหร่นักเช่นกัน

“แต่สถานการณ์ตอนนี้ สรุปแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ? หากไม่เลือกที่จะเคลื่อนไหวอีก ช้าเร็วตระกูลเจียงจะต้องล้มละลายแน่”

“ใช่สิ เจียงมู่หลง นายรีบคิดหาวิธีเร็วเข้าเถอะ”

เป็นในตอนที่ห้องทำงานกำลังเอะอะโวยวายกันไม่หยุดนั้นเองเฝิงจงเหลียงก็มาถึงปากประตูห้องทำงานของเจียงมู่หลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยของสวีเจ๋อปิง สวีเจ๋อปิงเคยบอกกับเฝิงจงเหลียงมาก่อน ว่าพบมู่เซิ่งก็เหมือนกับพบตนเอง ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดประธานสวีจึงปฏิบัติต่อมู่เซิ่งอย่างนอบน้อมเช่นนั้น ทว่าคำของประธานสวีเฝิงจงเหลียงไม่กล้าฝ่าฝืน

ดังนั้นแล้ว หลังได้ยินคำสั่งการจากมู่เซิ่งเฝิงจงเหลียงจึงรีบมาที่ตระกูลเจียงในทันที

“ผู้จัดการเฝิง เชิญด้านในครับ”

หลังเลขาธิการเห็นเฝิงจงเหลียงแล้วจึงเชื้อเชิญเข้าเข้ามาด้านในทันที

และลูกหลานตระกูลเจียงที่กำลังมีปากเสียงกันในห้องทำงานอยู่ ทุกคนต่างก็ล้วนเงียบปากกันทั้งหมดเช่นเดียวกัน

“ผู้จัดการเฝิง คุณมาที่นี่ทำไมครับ?” เจียงมู่หลงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เปิดปากเอ่ยถาม

“เจียงมู่หลง ที่ผมมาที่นี่เพราะมีข่าวดีข่าวหนึ่งต้องการจะบอกคุณครับ”เฝิงจงเหลียงกล่าวอย่างราบเรียบ

“ข่าวดี?”

ได้ยินคำนี้แล้ว ร่างทั้งร่างของเจียงมู่หลงพลันสั่นสะท้านทันที

หรือจะบอกว่า...เฝิงจงเหลียงเห็นเขาน่าเวทนา ดังนั้นจึงนำโครงการเขตซีไห่คืนให้กับเขาอีกครั้ง?

นี่สามารถการแก้ไขสถานการณ์วิกฤตในตอนนี้ได้เลยเชียวนะ!

มีโครงการแล้ว เขาก็มีจะเงินทุนในการพลิกกระดานแล้ว จะมากลัวเจียงหว่านทำไมอีก?

“ผู้จัดการเฝิง ขอบคุณนะครับ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกคุณจะยอมนำโครงการซีไห่คืนให้พวกเรา ในครั้งนี้ พวกเรารับประกันการดำเนินการอย่างจริงจังครับ จะไม่ให้ปรากฏช่องโหว่ใด ๆ ออกมาได้อย่างเด็ดขาด” เจียงมู่หลงตบทรวงอกกล่าวรับประกัน

“ใช่ครับ ผู้จัดการเฝิง พวกเราจะปฏิบัติกันอย่างจริงจังแน่นอน”

ลูกหลานแซ่เจียงเหล่านั้นกล่าวสมทบกันขึ้นมา

มีโครงการแล้ว พวกเขาเองก็จะสามารถอยู่เป็นตัวมอดในบริษัทได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นที่จำต้องวิตกปัญหาตกงานแล้ว

“นำโครงการคืนให้คุณ? คุณคิดมากเกินไปแล้วกระมัง?”เฝิงจงเหลียงสบตามองเจียงมู่หลงไปหนึ่งหนอย่างไม่สบอารมณ์ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “โครงการนี้พวกเราเสนอราคาออกไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งนานแล้วครับ ตอนนี้มีตระกูลร่ำรวยชั้นหนึ่งไม่น้อยต่างก็แย่งชิงราคากัน มีอย่างที่ไหนที่จะมีส่วนของพวกคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ตอนนี้ปัญหาของพวกคุณคือเงินทุนไม่เพียงพอ แม้จะให้พวกคุณไป พวกคุณจะทำได้หรือครับ?”

เจียงมู่หลงขมวดคิ้ว “ผู้จัดการเฝิง ถ้าอย่างนั้นคุณพูดว่ามีข่าวดี ข่าวนี่คือ...”

หากไม่ได้เป็นเพราะว่าคืนโครงการให้พวกเขา เช่นนั้นมีข่าวดีอะไรที่คุ้มค่าที่จะให้เฝิงจงเหลียงวิ่งมาหาด้วยตนเองกัน?

“เจียงมู่หลง ญาติพี่น้องเหล่านี้ของคุณเตรียมจะขายหุ้นแล้ว คุณละครับ? ยังคิดเหลือหุ้นเล็กน้อยเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมืออยู่อีกหรือ? ผมดู ๆ แล้วอย่างไรเสียก็นำตำแหน่งประธานบริษัทส่งออกมาเถอะครับ มันดีกว่าเมื่อเทียบกับถูกธนาคารประกาศว่าล้มละลาย แล้วยังติดหนี้ก้อนใหญ่กว่าอีกกระมัง?”เฝิงจงเหลียงกล่าวอย่างเย็นชา หยิบกระดาษสัญญาข้อตกลงแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า

“เซ็นชื่อเถอะ”

“ถูกต้องแล้ว เจียงมู่หลง นายรีบ ๆ เซ็นชื่อเถอะ!”

“เจียงมู่หลง แม้นายจะเซ็นชื่อไป แต่ก็ยังเป็นผู้นำตระกูลเจียงอยู่ เพียงแค่บริษัทไม่ใช่ของนายแล้วก็เท่านั้นเอง นี่ยังมีอะไรมากเกินไปอีกกัน?”

“อ๊ะ ๆ ไม่แน่ว่าเถ้าแก่เขาอาจจะเป็นตระกูลร่ำรวยแห่งเมืองเยียนจิงก็ได้นะ สามารถทำงานเป็นผู้จัดการใหญ่แบบนี้ได้ สถานะของพวกเขาจะต้องสุดยอดกว่าตระกูลร่ำรวยชั้นหนึ่งเหล่านั้นแน่”

กระทั่งเจียงไห่เชาเองก็ส่ายศีรษะถอดถอนใจเช่นเดียวกัน สถานการณ์พรรค์นี้ ณ ตอนนี้ นอกจากขายบริษัทแล้ว พวกเขาก็ไม่มีตัวเลือกที่สอง “ลูกชาย เซ็นชื่อเถอะ”

เจียงมู่หลงสูดลมหายใจลึก ๆ หนึ่งหน

ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้กันนะ พึ่งจะได้เป็นผู้จัดการใหญ่บริษัทได้ไม่ถึงสิบวันกลับต้องขายบริษัทของตนเองออกไปเสียแล้ว

ทว่าหากไม่เซ็นละก็

บริษัทก็จะมีการล้มละลายเป็นจุดจบด้วยเช่นเดียวกัน!

ครุ่นคิดอยู่นาน เจียงมู่หลงผ่อนลมหายใจยาว ๆ ออกมาหนึ่งหน หลังเขาหลับตาลง สถานที่ขายบริษัท ออกแรงเขียนชื่อของตนลงไปแล้ว

“ผู้จัดการเฝิง เซ็นเสร็จแล้วครับ ผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของบริษัทจะเข้ามาเมื่อไหร่หรือ?”

หลังเห็นเจียงมู่หลงเซ็นชื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลูกหลานตระกูลเจียงเหล่านั้นพลันเปิดปากกันขึ้นมา เอ่ยถามอย่างอดใจรอไม่ไหว

พวกเรายังคิดกันอยู่เลยว่าควรจะประจบผู้จัดการใหญ่อย่างไร เพื่อให้ชีวิตของตนเองหลังจากนี้สามารถมีรสชาติเพิ่มมากขึ้นอีกสักหน่อย

“ผู้จัดการใหญ่คนใหม่? อีกสองสามวันเขาก็น่าจะกลับมาแล้วกระมังครับ”

เฝิงจงเหลียงยกยิ้มราบเรียบหนึ่งหน ผู้จัดการใหญ่คนใหม่? หวังว่าหลังจากพวกคุณได้เจอแล้วจะไม่ตกใจล้มพับลงไปก็แล้วกันนะครับ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง