“พวกคุณพูดกันพอแล้วหรือยังครับ?”
เจียงมู่หลงกล่าวอย่างเย็นเยียบ “พูดพอแล้วก็หุบปากกันให้หมด! กลุ่มคนไร้ค่า มีสิทธิ์อะไรถึงมาตำหนิผม? ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พวกคุณเองก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อบริษัทเลย นอกเสียจากการกินบุญเก่าแล้ว จะทำอะไรได้อีก?”
“หรือจะบอกว่าผมไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูล พวกคุณที่เป็นกลุ่มตัวมอดเหมาะสมแล้วหรือ?”
เมื่อได้ยินเจียงมู่หลงเย้ยหยัน ลูกหลานตระกูลเจียงเหล่านั้นพลันบันดาลโทสะกันขึ้นมาทันที
“เจียงมู่หลง นายหมายความว่าอย่างไรวะ?”
“ตอนนี้เป็นตัวนายเองทำเรื่องได้ไม่ดีก็มาโทษพวกเราเสียแล้ว? นายรู้สึกว่านายมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำตระกูลหรือไง?”
“ใช่น่ะสิ ฉันดูแล้วไม่สู้ให้เจียงหว่านมาเป็นเสียจะดีกว่า อย่างน้อย ๆ เธอก็ดีกว่านายมาก ทั้งก็ไม่เหมือนนายแบบนี้ด้วย เดิมทีก็รับผิดชอบหน้าที่ไม่ได้เลย!”
“เจียงหว่าน อาศัยเธอผู้หญิงแพศยาคนนั้นคือเหมาะสม?” ได้ยินว่าจะให้เจียงหว่านเป็นผู้นำตระกูล เจียงมู่หลงบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก “ไม่มีตระกูลเจียง คู่สัญญาเหล่านั้นก็เรียกร้องที่จะยกเลิกสัญญาข้อตกลงกับตระกูลเจียงกันทั้งนั้น ตอนนี้ตัวเธอเองแม้กระทั่งตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด จะช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร พวกคุณยังคิดที่จะให้เธอมาช่วยพวกคุณอยู่อีกหรือ?”
“นี่...”
ลูกหลานแซ่เจียงเหล่านั้นได้ยินว่าเจียงหว่านเองก็มีสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็ชำเลืองมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี
หากสถานการณ์ของเจียงหว่านในตอนนี้เป็นอย่างที่เจียงมู่หลงกล่าวจริง ๆ เกรงว่าก็จะช่วยเหลือตระกูลเจียงได้ไม่เท่าไหร่นักเช่นกัน
“แต่สถานการณ์ตอนนี้ สรุปแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ? หากไม่เลือกที่จะเคลื่อนไหวอีก ช้าเร็วตระกูลเจียงจะต้องล้มละลายแน่”
“ใช่สิ เจียงมู่หลง นายรีบคิดหาวิธีเร็วเข้าเถอะ”
เป็นในตอนที่ห้องทำงานกำลังเอะอะโวยวายกันไม่หยุดนั้นเองเฝิงจงเหลียงก็มาถึงปากประตูห้องทำงานของเจียงมู่หลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยของสวีเจ๋อปิง สวีเจ๋อปิงเคยบอกกับเฝิงจงเหลียงมาก่อน ว่าพบมู่เซิ่งก็เหมือนกับพบตนเอง ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดประธานสวีจึงปฏิบัติต่อมู่เซิ่งอย่างนอบน้อมเช่นนั้น ทว่าคำของประธานสวีเฝิงจงเหลียงไม่กล้าฝ่าฝืน
ดังนั้นแล้ว หลังได้ยินคำสั่งการจากมู่เซิ่งเฝิงจงเหลียงจึงรีบมาที่ตระกูลเจียงในทันที
“ผู้จัดการเฝิง เชิญด้านในครับ”
หลังเลขาธิการเห็นเฝิงจงเหลียงแล้วจึงเชื้อเชิญเข้าเข้ามาด้านในทันที
และลูกหลานตระกูลเจียงที่กำลังมีปากเสียงกันในห้องทำงานอยู่ ทุกคนต่างก็ล้วนเงียบปากกันทั้งหมดเช่นเดียวกัน
“ผู้จัดการเฝิง คุณมาที่นี่ทำไมครับ?” เจียงมู่หลงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เปิดปากเอ่ยถาม
“เจียงมู่หลง ที่ผมมาที่นี่เพราะมีข่าวดีข่าวหนึ่งต้องการจะบอกคุณครับ”เฝิงจงเหลียงกล่าวอย่างราบเรียบ
“ข่าวดี?”
ได้ยินคำนี้แล้ว ร่างทั้งร่างของเจียงมู่หลงพลันสั่นสะท้านทันที
หรือจะบอกว่า...เฝิงจงเหลียงเห็นเขาน่าเวทนา ดังนั้นจึงนำโครงการเขตซีไห่คืนให้กับเขาอีกครั้ง?
นี่สามารถการแก้ไขสถานการณ์วิกฤตในตอนนี้ได้เลยเชียวนะ!
มีโครงการแล้ว เขาก็มีจะเงินทุนในการพลิกกระดานแล้ว จะมากลัวเจียงหว่านทำไมอีก?
“ผู้จัดการเฝิง ขอบคุณนะครับ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกคุณจะยอมนำโครงการซีไห่คืนให้พวกเรา ในครั้งนี้ พวกเรารับประกันการดำเนินการอย่างจริงจังครับ จะไม่ให้ปรากฏช่องโหว่ใด ๆ ออกมาได้อย่างเด็ดขาด” เจียงมู่หลงตบทรวงอกกล่าวรับประกัน
“ใช่ครับ ผู้จัดการเฝิง พวกเราจะปฏิบัติกันอย่างจริงจังแน่นอน”
ลูกหลานแซ่เจียงเหล่านั้นกล่าวสมทบกันขึ้นมา
มีโครงการแล้ว พวกเขาเองก็จะสามารถอยู่เป็นตัวมอดในบริษัทได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นที่จำต้องวิตกปัญหาตกงานแล้ว
“นำโครงการคืนให้คุณ? คุณคิดมากเกินไปแล้วกระมัง?”เฝิงจงเหลียงสบตามองเจียงมู่หลงไปหนึ่งหนอย่างไม่สบอารมณ์ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “โครงการนี้พวกเราเสนอราคาออกไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งนานแล้วครับ ตอนนี้มีตระกูลร่ำรวยชั้นหนึ่งไม่น้อยต่างก็แย่งชิงราคากัน มีอย่างที่ไหนที่จะมีส่วนของพวกคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ตอนนี้ปัญหาของพวกคุณคือเงินทุนไม่เพียงพอ แม้จะให้พวกคุณไป พวกคุณจะทำได้หรือครับ?”
เจียงมู่หลงขมวดคิ้ว “ผู้จัดการเฝิง ถ้าอย่างนั้นคุณพูดว่ามีข่าวดี ข่าวนี่คือ...”
หากไม่ได้เป็นเพราะว่าคืนโครงการให้พวกเขา เช่นนั้นมีข่าวดีอะไรที่คุ้มค่าที่จะให้เฝิงจงเหลียงวิ่งมาหาด้วยตนเองกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...