สรุปเนื้อหา บทที่ 215 ทะลวง – มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง โดย Anonymous
บท บทที่ 215 ทะลวง ของ มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Anonymous อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“ใช่ ตำแหน่งของผู้นำตระกูล จะให้เศษสวะอย่างเขามาทำหน้าที่ได้ยังไงกัน”
“ลูกเขยที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงอย่างมู่เซิ่ง รับหน้าที่เป็นผู้นำตระกูลมู่ของเรา เป็นความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงของตระกูลมู่ของเราเลย”
“ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้!”
“มู่เฉินเทียน ขอให้คุณคิดทบทวน!”
หลังจากที่มู่จงหยุนเอ่ยปากพูด
ญาติตระกูลท่านมู่นั้น ราวกับว่าหารือกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็เอ่ยปากกันต่อเนื่อง กล่าวโทษมู่เซิ่ง รู้สึกว่าเขาไม่เหมาะที่จะทำหน้าที่ผู้นำตระกูลมู่เลยด้วยซ้ำ
“หุบปาก!”
มู่เฉินเทียนกวาดสายตามองข้างล่างแวบหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “ฉันต่างหากที่ผู้นำตระกูลมู่ ฉันทำยังไง ต้องให้พวกคุณมาสั่งสอน?”
ตูม!
ในเวลานี้ ลุงหรานที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาเดินก้าวมาข้างหน้า จิตใจฮึกเหิมไปทั้งตัว เสียงดังสนั่นขึ้นมา ทำให้ผู้คนด้านล่างเงียบสงบลงเลยทันที
นักเสวียน!
รากฐานของทั่วตระกูลมู่!
แต่ทว่าในเวลานี้มู่จงหยุน กลับว่าแข็งแกร่งอย่ามาก พูดอย่างโมโหว่า “มู่เฉินเทียน!คุณอย่าคิดว่าตัวเองใหญ่มากนะ!ที่นี่เป็นตระกูลมู่ พวกเราทำแบบนี้ ก็เพราะหวังดีกับตระกูลมู่ แต่ไม่ใช่ให้คุณผลัก กิจการพื้นฐานของตระกูลมู่ไปลงขุมนรก! ”
“ยิ่งไปว่านั้น คุณคิดว่า มีเพียงลูกน้องของคุณที่เป็นนักเสวียนงั้นเหรอ?”
ปัง!
ในเวลานี้มู่จงหยุน ก็ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน
ลมหายใจในร่างกาย ระเบิดออกมาในทันที ทำให้บรรยากาศที่กดทับอยู่แล้ว ปั่นป่วนขึ้นมา ผู้คนตกตะลึง เห็นอย่างตื่นตะลึง ในเวลานี้ลมหายใจของมู่จงหยุน ไม่อาจจะแยกกับลุงหรานคนนั้นได้!
“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“มู่จงหยุนเป็นปรมาจารย์บู๊ไม่ใช่เหรอ?ทำไมถึงทะลวงในช่วงเวลานี้ได้ หรือว่า เขาเป็นนักเสวียนแล้วงั้นเหรอ?”
“ลมหายใจบนตัวของเขาไม่นิ่ง เกรงว่าการทะลวงเมื่อครู่ เปลี่ยนจากปรมาจารย์บู๊เป็นนักเสวียน นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
“คุณพระช่วย ตระกูลมู่ เกรงว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว!”
ญาติตระกูลมู่ เห็นได้ชัดว่าช็อกกับภาพฉากนี้แล้ว
สายตาของมู่เฉินเทียนควบแน่น พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “มู่จงหยุน อย่าคิดว่าคุณทะลวงแล้ว ก็มีความสามารถที่จะมาท้าทายฉันได้ ตอนที่ลุงหรานกลายเป็นนักเสวียน คุณเพิ่งเริ่มเรียนบู๊นะ ตอนนี้ฉันต่างหากที่เป็นผู้นำตระกูลมู่ ไม่ใช่คุณ!”
“ฝึกบู๊เร็ว ก็ไม่ได้หมายความพละกำลังแข็งแกร่งนะ?”มู่จงหยุนเหยียดหยาม
ในสายตาของเขา ถ้าไม่ใช่ลุงหราน คนพิการอย่างมู่จงหยุน ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแย่งชิงตำแหน่งของผู้นำตระกูลกับเขาเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ เขากลายเป็นนักเสวียน แน่นอนว่าจะต้องแย่งชิงทุกอย่างที่ควรเป็นของตัวเองแต่เดิมกลับมา
“ตอนนี้มู่จงหยุนก็กลายเป็นนักเสวียนแล้ว หรือว่าพวกคุณ ยังจะสนับสนุนมู่เฉินเทียนต่อไปงั้นเหรอ?”
ในห้องโถงใหญ่ มีญาติของตระกูลมู่เกิดการสั่นคลอนไม่น้อย
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน มู่เฉินเทียนไม่ได้เป็นอัมพาต หรือว่ามู่เซิ่งพละกำลังเหนือกว่าผู้อื่น พวกเขาไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่ แต่ว่าสถานกาณ์ในตอนนี้ ในใจของพวกเขาทุกคนต่างก็รู้ดี มู่เฉินเทียนมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะงั้นเขาคิดว่าก่อนที่จะตาย จะต้องมอบตำแหน่งของผู้นำตระกูลให้ลูกชาย
ในเวลานี้เช่นนี้ บวกกับการทะลวงของมู่จงหยุน ทุกคนต่างก็ไม่ไว้หน้ามู่จงหยุนอะไรอีก
ยิ่งไปกว่านั้น มู่จงหยุนมีพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวโอนทรัพย์สินกว่าสามล้านล้านไปให้มู่เซิ่งแบบนี้ ทำให้คนในตระกูลมากมายไม่พอใจมาก มู่จงหยุนคนนี้ ลำเอียงเกินไปแล้ว!
ตอนที่กำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรงยิ่งใหญ่ ถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกัน มีญาติคนหนึ่งประคองชายชราเดินออกมาจากลานหลังบ้าน
หยุดการทะเลาะกันในทันที
และแม้แต่มู่จงหยุนที่อยากจะบีบให้ออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็เงียบไม่กล้าพูดจา
ชายชราคนนี้ ก็เป็นผู้อาวุโสที่แก่ที่สุดในตระกูลมู่ มีตำแหน่งเหนือทั้งตระกูลมู่ เป็นคนที่ดูการเติบโตของมู่เฉินเทียนและมู่จงหยุน ปกติแล้ว เจาแทบจะไม่มีทางออกมาเลย
“ท่านมู่ ฉันอยากจะบริหารบริษัทวัตถุยาของตระกูลมู่ ”มู่ปู้ก็ลุกขึ้นพูดเช่นกัน
“ได้”
ได้ยินชายชรายินยอม มู่ปู้ยิ้มอย่างเห็นด้วย ความสำคัญของบริษัทวัตถุยาไม่ได้น้อยไปกว่าบริษัทตกแต่งเลย
ทั้งสองคนเอ่ยปากพูด ด้วยจิตใจที่เร่าร้อนฮึกเหิม มุ่งมั่นที่จะชนะ
หลังจากที่พวกเขาไป ชายชราก็มองไปยังมู่เซิ่งอีกครั้ง พูดถามทันทีว่า “มู่เซิ่ง คุณยังไม่เอ่ยปากพูด อยากจะได้กิจการของตระกูลส่วนไหนเหรอ?”
ผู้คนถึงได้สังเกตมองมาที่มู่เซิ่ง และในขณะที่กลุ่มคนวิพากษ์วิจารณ์กัน มู่เซิ่งไม่เอ่ยปากพูดแม้แค่คำเดียว พวกเขาเกือบลืมเขาไปแล้ว
ตอนนี้คิดถึงว่ามู่เซิ่งจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วย มู่จงหยุนขมวดคิ้ว โบกไม้โบกมือให้พ่อบ้านสวีที่อยู่ข้างๆ
พ่อบ้านสวีร่วมประชุม
ดังนั้น ตอนที่มู่เซิ่งเตรียมที่จะเอ่ยปากพูด พ่อบ้านสวีลุกขึ้นยืนทันที ใช้คำพูดที่เย้ยหยันอย่างมาก ขัดจังหวะการพูดของมู่เซิ่ง
“มู่เซิ่ง คุณในฐานะที่เป็นลูกชายแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิง ไม่เคยได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากมหาวิทยาลัยชั้นนำมาก่อน ถ้าหากมอบธุรกิจเหล่านี้ให้เขา ถูกทำให้เสียหายแล้วจะทำยังไง?บริษัทเหล่านั้นเป็นบริษัทที่ตระกูลมู่ทำงานมาอย่างยากลำบากกว่าหลายปี ”
“ในความคิดเห็นของฉัน มู่เซิ่ง ลงสมัครในครั้งนี้ ไม่งั้น คุณก็ช่างมันเถอะ?”
พ่อบ้านสวีพูดแทรกหนึ่งประโยค ผู้คนมองไปยังมู่เซิ่ง ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็รู้เป็นอย่างดี คำพูดประโยคนี้ของเขา พูดให้มู่เซิ่งฟัง!
และเขาพูดจริง ลูกเขยที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงอย่างคุณ มาร่วมสนุกสนานอะไรกัน?
เนื้อหาต่อจากนี้ ผู้คนก็มีการคาดเดาในใจแล้ว ไม่ว่ามู่เซิ่งจะเอ่ยปากยังไง ก็ถูกพ่อบ้านสวีใช้คำว่าลูกเขยที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงคำๆนี้มาหักล้าง ท้ายที่สุดร้อนใจจนหน้าดำหน้าแดงแน่นอน ปล่อยไก่ต่อหน้าของพวกเขา!
ฮ่าๆๆๆ
ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เกรงว่าเศษสวะสามคำนี้ แม้แต่ท่านมู่ ก็จะจดจำอย่างลึกซึ้งสินะ?
คิดมาถึงตอนนี้……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...