มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 222

ในงานเลี้ยง คุณเดวี่ขอโทษมู่เซิ่งไม่หยุด ตลอดทั้งทาง

มู่เซิ่งเห็นว่าจัดการเรื่องราวได้เรียบร้อยแล้ว แถมเรื่องนี้ ก็เกิดขึ้นเพราะว่ามู่เฟิงลูกพี่ลูกน้องของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเดวี่ เพราะงั้นเขาก็ไม่ได้ซักถามต่อไป และรอเรื่องที่จัดเตรียมต่อไป

“คุณมู่ เชิญคุณมากับฉัน คุณวิลเลี่ยมกำลังรอคุณอยู่ข้างในนะ”คุณเดวี่พูดกล่าว

มู่เซิ่งพยักหน้า เดินตามหลังคุณเดวี่ ห่างจากเส้นสายตาของกลุ่มคนออกไป

โม่หยุ่นเอ๋อร์ยังเบิกตามองกว้าง มองตำแหน่งของมู่เซิ่งอย่างบื้อๆ ก่อนหน้านี้เธอยังเคยถามว่า มู่เซิ่เข้ามาได้ยังไง สุดท้ายตอนนี้เพิ่งจะพบว่า เขาเป็นแขกวิไอพีของคุณเดวี่!

ในเวลานี้ ในดวงตาที่งดงามของโม่หยุ่นเอ๋อร์สาดส่องความประหลาดใจ สงสัย และแววตาที่อยากรู้อย่างมาก

“เบื้องหลังระดับสูง ทักษะการแพทย์ที่สุดยอด เขา มีตัวตนอะไรกันแน่? ”

ภายใต้การนำของโม่หยุ่นเอ๋อร์ มู่เซิ่งเดินออกจากห้องโถง หลังจากที่ผ่านทางเดินอันเงียบสงบที่ลากยาว มาถึงในห้องแล้ว

ในห้องตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ลักษณะที่สบายๆ และสง่างาม มีสมุนไพรล้ำค่าวางอยู่ที่ประตูมากมาย มีคนนั่งอยู่ในห้องมากมาย ตำแหน่งของคนเหล่านี้ เมื่อเทียบกับงานเลี้ยงด้านนอกแล้วสูงส่งกว่าเยอะ อายุก็มากกว่าเยอะ

ลูกพี่ลูกน้องของเขามู่เฟิง เดิมทีก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในสวนดอกไม้หลังบ้านนี้ เพียงแค่เจอกับมู่เซิ่งระหว่างทาง เพราะงั้นอยู่ข้างนอกสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าส่งตัวเองเข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว

“คุณวิลเลี่ยม ฉันพาคุณมู่มาแล้ว”คุณวิลเลี่ยมยิ้มพร้อมพูดกล่าว ยืนอยู่หน้าประตู

“ฮ่าๆๆ คุณมู่ ยินดีต้อนรับๆ”

ชายหนุ่มวัยกลางคนที่นั่งประจำตำแหน่งลุกขึ้นยืน ผมของเขามีหงอกขาวแซมดำ แต่กลับว่าจงชี่เยอะมาก อย่างน้อยมีความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ ตามการแนะนำของคุณเดวี่ ไอ้หมอนี่มีชื่อว่ากวนซานฝู เป็นผู้นำตระกูลของตระกูลชั้นนำแห่งเยียนจิง

“คุณมู่ ขอบคุณคุณมากที่ออกโรงช่วยฉันมากๆ ฉันถึงได้มีชีวิตรอด กินยาที่คุณสั่งยาให้ช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้อาการของฉัน ดีขึ้นมากแล้ว”คุณวิลเลี่ยมยิ้มพร้อมกับลูบท้อง พูดอย่างกระตือรือร้น

“คุณมู่ ไม่งั้นคุณช่วยฉันดู?”

“ได้”

มู่เซิ่งพยักหน้า ย้ายเก้าอี้แล้ว นั่งอยู่ตรงข้ามคุณวิลเลี่ยม

หลังจากที่เขาจับชีพจรอยู่ครู่หนึ่ง หัวเราะเหอะๆ พร้อมพูดว่า : “คุณวิลเลี่ยม ตอนนี้สุขภาพร่างกายของคุณ แข็งแรงกว่าคนปกติ ในท้องก็ไม่มีไข่ตะขาบอะไรหลงเหลือไว้อยู่เลย วางใจได้โดยสิ้นเชิง”

“ฮ่าๆๆ โอเค งั้นก็ดี”

คุณวิลเลี่ยมพยักหน้าติดต่อกันอย่างพอใจ

หลังจากที่เขาหายป่วยแล้ว ใช่ว่าไม่เคยไปโรงพยาบาล แต่เขาไม่วางใจ ก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาลหาตะขาบในท้องไม่เจอ เกิดว่าครั้งนี้ โรงพยาบาลหาไม่เจออีกล่ะ?ตอนนี้หลังจากที่ได้ยินคำพูดของมู่เซิ่ง ถึงได้วางใจลง

“คุณมู่ คุณอยากจะดื่มชาอะไรเหรอ?” ตอนที่ทั้งสองคนพูดกันอย่างเกรงใจ คุณเดวี่พูดอยู่ข้าง

“น้ำเปล่าก็ได้แล้ว”มู่เซิ่งยิ้มพร้อมพูด

“ฉันเอากาแฟหนึ่งแก้ว แบบเดิม”คุณวิลเลี่ยมเอ่ยปากพูด

ไม่นานก็ถือน้ำชาขึ้นมาแล้ว

“ก่อนหน้านี้ได้ยินวิลเลี่ยมพูดว่า เขาถูกหมอเทวดาตัวน้อยแห่งประเทศตงหัวช่วยชีวิตไว้ เมื่อมองดูตอนนี้ น่าตกใจจริงๆ หมอเทวดาที่อายุน้อยเหมือนคุณเช่นนี้ ฉันก็เห็นเป็นครั้งแรก ”กวนซานฝูนั่งอยู่ข้างๆ พูดกับมู่เซิ่งอย่างชมเชย

มู่เซิ่งยิ้มอย่างนิ่งๆพร้อมพูดว่า “ฉันก็เป็นเพราะเหตุบังเอิญ ถึงมีทักษะทางการแพทย์เช่นวันนี้ ไม่ถือว่าเป็นอะไร”

กลุ่มคนแค่รู้สึกว่าคำพูดของเขาเป็นคำพูดที่ล้อเล่น คล้อยตามอย่างดีอกดีใจ พวกเขาสืบมาแล้ว มู่เซิ่งเป็นอาจารย์ของหมอเทวดาหลิว คนที่ทำลายชื่อเสียงของหมอเทวดาฉิน!ทักษะทางการแพทย์นี้ก็ไม่ถือว่าอะไร เมืองเยียนจิงแห่งนั้นไม่มีใครที่เรียกว่าเชี่ยวชาญทางการแพทย์แล้ว

คุณวิลเลี่ยมยิ้มแล้ว “คุณมู่ นี่คือสิ่งของที่คุณให้ฉันหา อยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว เมื่อก่อนที่เจอหน้า ลืมเอาออกมาแล้ว”

“จริงสิ ชุดนี้เก็บรวบรวมพร้อมมาด้วยกับตอนที่รวบรวมของ ดูท่าแล้วเหมือนว่าพิเศษมาก แต่ว่ากลับวินิจฉัยไม่ออกว่านี่คืออะไรกันแน่ ก็รวมส่งให้คุณพร้อมกันแล้ว”

พูดแล้ว คุณวิลเลี่ยมผลักกล่องไม้สามกล่อง ไปตรงหน้าของมู่เซิ่งเบาๆ

“ได้ฟังเจ้าภาพคนเดิมพูดว่า นี่เป็นของล้ำค่าที่สืบทอดต่อกันมาจากตระกูลของพวกเขา เพียงแต่เปิดไม่ออกมาตลอด เพราะงั้นถึงมอบให้แล้ว บางทีคุณมู่ อาจจะมองออกได้”

คุณมู่เอากล่องที่สามขึ้นมา เปิดออกดู รู้สึกตกใจ ตัวอักษรที่เปล่งสีทองด้านบนนี้ เขาคุ้นเคยอย่างมาก เคยเห็นมันบนกล่องไม้ของกระบี่กระหายเลือดมาก่อน

แม้ว่าไม่สามารถตัดสินชี้ขาดในกล่องไม้นี้ได้ สรุปว่าเป็นอะไรกันแน่ แต่ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอะไรแน่นอน

“นี่เป็นของดี ขอบคุณนะ”มู่เซิ่งเอ่ยปากพูดกล่าว

เห็นมู่เซิ่งเป็นแบบนี้ วิลเลี่ยมเผยรอยยิ้มบนใบหน้า ในทางกลับกันเขาไม่สนใจอะไรกับสิ่งของนี้ ช่วยคุณมู่ได้ มีความสุขอย่างมากอยู่แล้ว

หลังจากที่ได้ของมา กลุ่มคนก็พูดคุยกันในห้องครู่หนึ่ง

จนมาถึงตอนนี้ มู่เซิ่งถึงได้รู้เป้าหมายของงานเลี้ยงในครั้งนี้

เจ้าภาพในงานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ใช่คุณวิลเลี่ยม แต่เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขา เพื่อนคนนี้ของเขาจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อเชื้อเชิญนักกลั่นยาระดับชั้นต้นได้ยินว่านักกลั่นยารับลูกศิษย์ในงานเลี้ยง เพราะงั้นมีลูกศิษย์ร่ำรวยมากมาย รวมตัวกันที่นี่

“นักกลั่นยาระดับชั้นต้น?”

ก็เป็นครั้งแรกที่มู่เซิ่งได้ยินคำศัพท์นี้

ตามที่วิลเลี่ยมแนะนำ นักกลั่นยาระดับชั้นต้น เท่ากับนักเสวียนของคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ หายากสุดๆ ถึงขั้นที่ว่าสถานะจะต้องสูงขึ้นอีกระดับ

หลังจากที่พูดประมาณสามสี่ชั่วโมง มู่เซิ่งก็เข้าใจงานเลี้ยงในครั้งนี้แล้ว คุณวิลเลี่ยมเชิญให้เขาเข้าร่วมพร้อมกันในวันพรุ่งนี้

แม้ว่ามู่เซิ่งได้สมุนไพรมาแล้ว แต่ยังคงสนใจในนักกลั่นยาอย่างมาก อีกอย่างเขาเองก็ฝึกกลั่นยามานานขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเขาอยู่ในระดับไหน

ไม่แน่ เขาก็จัดอยู่ในนักกลั่นยาระดับชั้นต้นนะ

ทุกคนต่างก็บำรุงและสะสมกำลังให้เกรียงไกรเพื่องานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้ เพราะงั้นในการจบบทสนทนา ไม่นานทุกคนก็จากไปแล้ว

มู่เซิ่งก็กลับมาถึงห้องพัก เอากล่องที่วิลเลี่ยมมอบให้เขา วางไว้บนโต๊ะ

ตอนนี้รวบรวมสมุนไพรมาครบแล้ว แต่เขาไม่ได้รีบกลั่นยาอายุวัฒนะ เพราะเตาหลอมยายังอยู่ในตระกูลมู่ และเอากล่องไม้ที่พิเศษก่อนหน้านี้ออกมา เปิดอย่างละเมียดละไม

เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ทั้งหมด ในกล่องไม้ ว่างเปล่าจริงๆด้วย

ครั้งนี้ มู่เซิ่งไม่ได้เหยียบกล่องไม้ให้เละตามอำเภอใจ แต่ใช้กริชเคาะให้เปิดออกอย่างระวัง หลังจากที่ปรากฏตัวอักษรสีทอง พบม้วนหนังสือเดดซีบางๆ ม้วนหนึ่ง

ม้วนหนังสือเดดซีบางมาก ลายมือด้านบน กลับเห็นได้อย่างชัดเจน มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะถอนใจ ความฉลาดของคนโบราณ ยากที่จะจินตนาการจริงๆ

บนม้วนหนังสือเดดซี มีตัวอักษรเล็กๆหลายบรรทัด ถ้าหากไม่อ่านให้ละเอียด แทบจะไม่สนใจเลย

มู่เซิ่งเอาหน้าเข้าใกล้ม้วนหนังสือเดดซี ถึงเห็นอักษรตัวเต็มบรรทัดนี้ได้

เขียนอยากซับซ้อนมาก เขาแทบจะมองไม่ออกเลยว่าเขียนว่าอะไร เลือนราง สามสี่ตัวอักษรในนั้นเหมือนว่าเป็นปราชญ์ หรือผู้ที่มีความเก่งกาจทั้งหลาย หากมุ่งเน้นอยู่กับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ย่อมจะนำไปสู่ ความโกลาหลอลหม่านอย่างหาความเจริญใดๆ ไม่ได้เลย ซึ่ง นับเป็นความสูญเสีย ทั้งชีวิตและเลือดเนื้ออย่างสุดที่จะประมาณได้

“ม้วนหนังสือเดดซีม้วนนี้ใช้ยังไงกันแน่?”

“หรือว่าก็เหมือนกับกระบี่กระหายเลือด ต้องหยดเลือดเพื่อรู้จักเจ้าของ ถึงจะใช้งานได้งั้นเหรอ?”

“ลองดู!”

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่เซิ่งก็หยิบกระบี่กระหายเลือดออกมา กรีดลงบนนิ้วหัวแม่มือเบาๆ เลือดสดๆหยดลงบนม้วนหนังสือเดดซี ในเวลานี้ ข้อมูลมากมายมหาศาล เข้าสู่ในสมองทันที

ข้อมูลที่ถาโถมเข้ามาอย่างกับน้ำทะเล เกือบจะทำให้สมองของเขาระเบิดแล้ว

“ห๊ะ ห๊ะ……”

มู่เซิ่งเปล่งเสียงคำรามที่ทุ้มต่ำออกมา มือจับหน้าอก ล้มลงบนพื้นเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง