หลังจากที่เสียงของมู่เซิ่ง ดังขึ้นมาจากซากปรักหักพังแล้ว เงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของทุกคนอีกครั้ง
“นี่มัน เป็นไปได้อย่างไร? ” ท่ามกลางกลุ่มคน มีคนผู้หนึ่งตะโกนขึ้นอย่างกะหันหัน
ทันใดนั้น เสียงอุทานของแต่ละคนก็ดังขึ้นติดต่อกัน เหยาเผิงลุกขึ้นจากพื้นอย่างตื่นตระหนก แล้วก็ตามไปดูทันที
พบว่าท่ามกลางซากปรักหักพัง ภายใต้กองอิฐและกระเบื้องที่ตกหล่นลงมาทับถมกันนั้น ไม่นึกว่าจะเป็นมู่เซิ่งที่ลุกยืนขึ้นมา โดยนอกจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาดบ้างแล้ว ที่บริเวณร่างกายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดเลย!
หลินยิงโส่วถึงกับสะดุ้งขึ้นทันที ในฐานะที่เป็นผู้ใช้ ป้ายมือโลหิตเมื่อครู่นี้นั้น คงไม่มีใครที่จะรู้สึกได้ถึงพลังอานุภาพที่ชัดเจนไปมากกว่าเขาแล้ว ไม่เพียงแต่เขา ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานระดับนักเสวียนชั้นกลาง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสงบนิ่งเฉยเมยอย่างมู่เซิ่งนี้
“เป็นไปได้อย่างไร ทำไมนายถึงสามารถรับมือต่อพลังความรุนแรงของป้ายมือโลหิตนี้ได้? ”
หลินยิงโส่วแสดงสีหน้าท่าทางที่หวาดกลัวออกมา เขาจินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่า ทำไมมู่เซิ่งถึงสามารถรับมือต่อความหนักหน่วงรุนแรงระดับนี้ได้
จากนั้น เขาก็กำหมัดทั้งสองข้าง และโจมตีใส่ทันที โดยที่ไม่ให้มู่เซิ่งได้มีโอกาสพักผ่อน หายใจอะไรเลย
ตูมมตูมม!
ปล่อยพลังหมัดสลับกันไปมา เกิดเสียงปะทะเข้าใส่กันอย่างดุเดือด
แต่ไม่ว่าพลังหมัดของหลินยิงโส่วจะรุนแรงหนักหน่วงแค่ไหน เพียงมู่เซิ่งยื่นมือสองข้างออกมา ก็สามารถรับมือได้อย่างไม่พลาด
ตูมมม!
ทั้งสองคนกระโดดขึ้นไปในอากาศ พลังหมัดของทั้งสองคนที่ปะทะกันกลางอากาศนั้น กลายเป็นลมกรรโชกอันรุนแรงจนทำให้ใบหูของทุกคนโดยรอบเกิดความเจ็บปวด ส่วนเศษซากที่อยู่บนพื้นได้ถูกแรงลมนี้พัดโบกกระจายหายไปหมดแล้ว
หลังจากที่ปะทะกันหนึ่งยก มู่เซิ่งกับหลินยิงโส่วต่างก็กลับลงมาบนพื้น หลินยิงโส่วยืนหอบอยู่ที่บริเวณขอบสังเวียน และมองไปยังมู่เซิ่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“นายมีพลังความสามารถเพียงเท่านี้เหรอ? ยังจะมีท่าไม้ตายอะไรอีก และซ่อนป้ายมือโลหิตเอาไว้เท่าไรกัน ใช้มันออกมาให้หมดเลยสิ” มู่เซิ่งมองไปที่หลินยิงโส่ว พร้อมกับส่ายศีรษะและถอนหายใจเล็กน้อย
การระเบิดก่อนหน้านี้ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บอะไรต่อมู่เซิ่งเลย เพราะในตอนที่คลื่นพลังของป้ายมือโลหิตโจมตีมานั้น กระบี่กระหายเลือดในมือของมู่เซิ่ง ก็ได้ปะทุส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง โดยไม่นึกว่าพลังเลือดที่ระเบิดขึ้นนั้น จะถูกดูดซับไปทั้งหมดแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้มู่เซิ่งตกตะลึงเป็นอย่างมาก ไม่นึกว่ากระบี่กระหายเลือด ยังจะมีความสามารถในด้านนี้ด้วย
ดังนั้นขณะที่คลื่นพลังระเบิดเหล่านั้นพุ่งโจมตีเข้ามา ทำให้สนามกีฬาพังทลายย่อยยับไปหมด แต่กลับไม่ได้ทำร้ายมู่เซิ่งเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังเป็นการส่งเสริมเพิ่มพลังให้กระบี่กระหายเลือดในมือของเขาทรงพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เหอะเหอะ นายก็แค่มีพละกำลังที่มากกว่า และมีพลังการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าก็เท่านั้น ต่อให้ฉันเอาชนะนายไม่ได้ แต่นายเองก็ไม่มีความสามารถที่จะฆ่าฉันได้เหมือนกัน! ” หลินยิงโส่วตะโกนพูดขึ้นด้วยความโกรธแค้น
เขาไขว้มือทั้งสองข้าง ไว้เหนือร่างของเขา แล้วพลังเสวียนคุ้มกันกายก็ปรากฏขึ้น
ครั้งนี้ แตกต่างกับครั้งก่อนที่ถูกมู่เซิ่งลอบโจมตี เขามั่นใจมากว่าจะสามารถตั้งรับต้านทานเอาไว้ได้
“แน่ใจเหรอ? ”
มู่เซิ่งแสยะยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายแสง ก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า และพุ่งโจมตีเข้าใส่หลินยิงโส่วอย่างหนักหน่วงทันที
ตังงง!
คลื่นกระแสพลังที่แข็งแกร่ง โดยมีมู่เซิ่งกับหลินยิงโส่วเป็นจุดศูนย์กลาง ได้พัดโหมกระหน่ำไปทั่วทุกสารทิศ
หลินยิงโส่วร้องตะโกนเสียงดัง พลังเสวียนคุ้มกันกายบนร่างของเขา ราวกับกระจกที่ระเบิด แตกสลายหมดสิ้นลงอย่างไรอย่างนั้น ตัวเขา ไร้สิ่งปกป้องคุ้มกันอะไรแล้ว จากนั้นก็ร่วงตกลงมาจากสังเวียนอย่างรุนแรง
โครมมม
พื้นดินสั่นสะเทือน
ผู้คนทั้งหมดต่างก็เบิกตาโพลง รู้สึกหวาดกลัวเสียวสันหลังขึ้น
มู่เซิ่งคนนี้ มีพลังความสามารถอะไรกันแน่
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมนายถึงแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ไม่ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน นายคงจะโชคดีเป็นแน่ ที่สามารถทำลายจุดอ่อนของฉัน และเอาชนะฉันได้ จะต้องเป็นแบบนี้แน่เลย” หลินยิงโส่วที่บาดเจ็บล้มลุกคลุกคลาน ได้ลุกยืนขึ้นมา พร้อมกับผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิง ใบหน้าที่แก่ชรา และสีหน้าท่าทางที่ตะลึงเหลือเชื่อ
“โกหก ทั้งหมดคือเรื่องโกหกทั้งนั้น”
“ไอ้หนุ่มคนนี้ จะต้องโชคดีแน่นอน”
หลินยิงโส่วชี้ไปยังมู่เซิ่ง และตะโกนพูดขึ้น ขณะนี้ เขาแทบจะบ้าคลั่งไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...