“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ใช่ลูกศิษย์ของผมอีกต่อไปแล้ว!”
คำพูดประโยคนี้ของหลิวเจี้ยนหัว ราวกับเสียงสายฟ้า ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
ดูเหมือนว่าตอนนี้หลิวเจี้ยนหัวจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่สุภาพอ่อนโยนและสุขุมเยือกเย็นอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเย็นชาจนทำให้คนรู้สึกกลัว ซึ่งทำให้เจียงมู่หลงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ส่วนคนที่ตกใจที่สุดก็คือหลี่น่อง เพราะเขาคิดมาตลอดว่ามู่เซิ่งเป็นเพียงคนไม่เอาถ่าน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
“อาจารย์ อาจารย์หลิว ผมรู้ตัวว่าผิดแล้ว!”
หลี่น่องคุกเข่าบนพื้นทันที น้ำตาไหลอาบหน้า “ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ผมรู้ตัวว่าผิดแล้วจริง ๆ!”
เขาตื่นตระหนกอย่างสิ้นเชิง
เพราะชื่อเสียงและเส้นสายที่เขามีอยู่ตอนนี้ แม้แต่ชื่อหมอเทวดา ล้วนอาศัยชื่อเสียงของหลิวเจี้ยนหัว ถ้าเขาถูกไล่ออกจากสำนัก เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่โรงพยาบาลเดิมก็จะไม่รับเขาเป็นหมอ เพราะกลัวว่าจะทำให้หลิวเจี้ยนหัวขุ่นเคือง
“คุณมันเป็นคนที่มีตาแต่หามีแววไม่ ไสหัวออกไป! นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมอีก”
หลิวเจี้ยนหัวชี้หลี่น่องด้วยความโกรธ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกศิษย์ของตนเอง แต่การที่เขามีจุดจบเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะเขาดูถูกเหยียดหยามคนอื่น เมื่อทำเองก็ต้องรับผลกรรมที่ตนเองทำไว้
“คุณมู่.......” วินาทีต่อมา หลิวเจี้ยนหัวแสดงท่าทางเคารพ เขาเดินไปอยู่ตรงหน้ามู่เซิ่งด้วยความนอบน้อม “คุณมู่ มันเป็นความผิดของผมเอง ที่ยังไม่รู้ลักษณะนิสัยอย่างชัดเจน ก็รับคนแบบนี้เป็นลูกศิษย์ จากนี้ไป ก่อนที่จะรับลูกศิษย์ ผมจะพิจารณาอย่างละเอียด”
“อืม ครั้งนี้ยกเว้นให้” มู่เซิ่งโบกมือ เพราะหลี่น่องยั่วยุเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“ครับ” หลิวเจี้ยนหัวพยักหน้าซ้ำ ๆ แล้วนิ่งเงียบ
อะไรกันนี่?
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมหมอเทวดาอันดับหนึ่งของเมืองเยียนจิง ถึงได้เคารพมู่เซิ่งมากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนสามารถมองออกว่าการแสดงความเคารพของเขานั้น มาจากก้นบึ้งของหัวใจ!
เฉินเสว่อดไม่ได้ที่จะถาม “หมอเทวดาหลิว คุณหมายความว่าอย่างไร? คุณเป็นคนที่รักษาท่านสามจนอาการดีขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
“ถูกต้อง!...” เจียงไห่เชาพยักหน้าด้วยความสงสัยเช่นกัน
หลิวเจี้ยนหัวเหลือบมองเจียงไห่เชาและกล่าวเยาะเย้ยว่า “น่าขำ! ผมเคยบอกว่าผมเป็นคนรักษาท่านสามเหรอ? ตอนที่เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ผมบอกอย่างชัดเจนว่ามันเป็นความดีความชอบของคุณมู่เซิ่ง พวกคุณหูหนวกเหรอ?”
“การที่หมอเทวดาหลิวพูดเช่นนั้น มันเป็นการถ่อมตนไม่ใช่เหรอ?”
เฉินเสว่รู้สึกตกตะลึง
ทุกคนต่างพยักหน้า ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล พวกเขาคิดเช่นนั้นจริง ๆ
“ฮ่า ๆ สิ่งที่คุณพูดมันตลกจริง ๆ?” หลิวเจี้ยนหัวรู้สึกขบขัน “ผมในฐานะหมอคนหนึ่ง แล้วผมจะไม่รู้ว่ามันเป็นความดีความชอบของใครได้อย่างไร? ผมเคยช่วยชีวิตคนมามากมาย แล้วทุกครั้งผมต้องบอกว่าผมไม่ได้เป็นคนช่วยชีวิตพวกเขาเหรอ?”
“สำหรับพวกคุณแล้ว คุณมู่ไม่สามารถรักษาคนได้ใช่ไหม? ผมจะบอกพวกคุณตามตรง ถ้าไม่มีคุณมู่ในตอนนั้น ก็ไม่มีผมหลิวเจี้ยนหัวในวันนี้หรอก!”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้สีหน้าของทุกคนน่าเกลียดทันที หลิวเจี้ยนหัวเป็นหมออันดับหนึ่งของเมืองเยียนจิง เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมู่เซิ่ง...ขนาดนี้เชียวเหรอ?
เป็นไปได้ยังไง!
โดยเฉพาะครอบครัวของเจียงมู่หลง สำหรับพวกเขาแล้ว มู่เซิ่งเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เขามีคุณสมบัติที่จะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหลิวเจี้ยนหัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
“หมอเทวดาหลิว ขออภัยด้วย ฉันไม่รู้จริง ๆ” เฉินเสว่ยิ้มด้วยความขมขื่น “แต่ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าคุณเป็นหมอเทวดาที่มีทักษะฝีมือที่ยอดเยี่ยม แล้วทำไมคุณถึงเคารพมู่เซิ่งมากขนาดนี้?”
หลิวเจี้ยนหัวเงียบครู่หนึ่ง และแอบถอนหายใจ เพราะก่อนหน้านั้นมู่เซิ่งเคยสั่งว่าห้ามเปิดเผยสถานะตัวตนของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่ามู่เซิ่งยังเป็นสมาชิกของตระกูลมู่อีกหรือเปล่า?
“ผมได้พบกับมู่เซิ่งเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเขามอบตำราลับทางการแพทย์ที่หายสาบสูญให้ผมหนึ่งเล่ม เป็นเพราะผมเรียนและฝึกจากตำราลับเล่มนั้น ผมถึงได้ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้” หลิวเจี้ยนหัวหาข้ออ้างไปเรื่อยเปื่อย
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง มิน่าคุณถึงได้เคารพมู่เซิ่งขนาดนี้” ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึง
ขณะเดียวกัน บางคนแอบถอนหายใจ มู่เซิ่งโชคดีจริง ๆ เขามอบตำราให้หลิวเจี้ยนหัวหนึ่งเล่ม นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับหมอเทวดาหลิวเช่นนี้ เกรงว่าตอนนั้นเขาเองก็คงนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้
คนไม่เอาถ่านที่โชคดี!
“ตอนนี้ พวกคุณดูหมิ่นผู้มีพระคุณของผม และผมจะไม่รักษาอาการป่วยของท่านสามแล้ว!”
หลังจากอธิบายชัดเจนแล้ว หลิวเจี้ยนหัวประสานมือทั้งสองข้างและยืนขึ้น มีความเย็นชาอยู่ในดวงตา
“อย่า อย่าทำเช่นนั้นเด็ดขาด” ท่านสามรีบกล่าว “มู่เซิ่ง รีบเกลี้ยกล่อมหมอเทวดาหลิว เพื่อให้เขาอยู่ต่อ”
โรคปอดรุมเร้าท่านสามมาเป็นเวลาหลายปี ถึงแม้ตอนนี้จะหายขาดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องให้หลิวเจี้ยนหัวตรวจด้วยตนเอง ท่านสามถึงจะสามารถวางใจได้
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่มู่เซิ่งทันที พวกเขานึกไม่ถึงว่าคนไม่เอาถ่านที่ไร้ประโยชน์คนนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้หมอเทวดาหลิวอยู่ต่อ
“มู่เซิ่ง คุณ...เกลี้ยกล่อมเขาได้ไหม?” เจียงหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายเธอก็กล่าวออกมา
เพราะอย่างไรเสียท่านสามก็เป็นคุณปู่ของเธอ ดังนั้นเจียงหว่านจึงไม่สามารถนิ่งดูดายได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหว่านแล้ว สุดท้ายสีหน้าที่เย็นชาของมู่เซิ่งก็ผ่อนคลายลง เขาพยักหน้ารับปาก และกล่าวกับหลิวเจี้ยนหัวว่า “เหล่าหลิว รบกวนคุณอีกครั้ง”
“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมู่ออกหน้าพูดแทน ผมไม่อยู่ต่ออย่างแน่นอน!”
หลิวเจี้ยนหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วนั่งลงอีกครั้ง
คราวนี้ เขาหยิบเข็มออกมาทันที แล้วฝังที่แขนของท่านสาม
ท่านสามหน้าแดง แต่ไม่กล้าระบายความโกรธออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...