งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ของขวัญของทุกคนถูกจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าตระกูลเจียงจะเป็นตระกูลชั้นสอง แต่วันนี้ก็ได้เชิญแขกมามากมาย บริษัทใหญ่และเล็ก ก็มาร่วมงานเลี้ยงกันมากมาย
ของขวัญต่าง ๆ วางเต็มโต๊ะ
สิ่งที่น่าโมโหก็คือของขวัญอีกชิ้นที่เจียงหว่านเตรียมไว้ให้มู่เซิ่งมอบให้คุณปู่ ถูกโยนทิ้งอยู่บนพื้น และใช้เป็นที่รองขาโต๊ะ เพราะเจียงมู่หลงบอกว่าโต๊ะไม่มั่นคง ดังนั้นเขาจึงเอาของขวัญของคนไม่เอาถ่านมารองขาโต๊ะ ถือว่าใช้ของที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์
และการที่เขาพูดเช่นนั้น ทำให้ทุกคนหัวเราะอีกครั้ง
“มู่เซิ่ง พวกเขาทำเกินไปแล้ว!”
อาหารที่อยู่บนโต๊ะของพวกเขาเป็นอาหารพื้น ๆ ส่วนโต๊ะอื่นเต็มไปด้วยอาหารชั้นเลิศ เจียงหว่านโยนตะเกียบและกล่าวด้วยความโกรธว่า “คุณเป็นคนขอให้หมอเทวดาหลิวช่วยรักษาคุณปู่จนหายเป็นปกติ แต่ตอนนี้ พวกเขาไม่เพียงไม่เห็นความดีของคุณ แต่กลับทำกับพวกเราแบบนี้!”
“ผมคาดการณ์แล้วว่าท่านสามจะต้องเข้ามาแทรกแซงโครงการของคุณ เพียงแต่ผมนึกไม่ถึงว่าเขาจะใช้ข้ออ้างที่ไร้ยางอายเช่นนี้” มู่เซิ่งกล่าวเบา ๆ ราวกับว่าเขาคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“เพราะอะไร? ถ้าคุณปู่ต้องการแทรกแซงโครงการของฉัน แล้วทำไมคุณปู่ถึงให้ฉันกลับมาตระกูลเจียงอีก?” เจียงหว่านรู้สึกสงสัย
ตอนที่คุณปู่เชิญเธอกลับมาตระกูลเจียง เธอคิดว่าคุณปู่เริ่มให้ความสำคัญกับเธอแล้ว อย่างน้อยคุณปู่คงไม่กดขี่เธอเหมือนเมื่อก่อน
แต่นึกไม่ถึงว่าคุณปู่จะทำหนักกว่าเดิม!
“เรื่องง่าย ๆ เพราะท่านสามให้ความสำคัญกับการร่วมมือทำงานกับมู่ซื่อ กรุ๊ป ไม่ใช่เพราะเห็นความสำคัญของคุณ การที่เขาเชิญคุณกลับมาตระกูลเจียง เพียงเพื่อง่ายต่อการครอบครองบริษัทของคุณไปทีละเล็กละน้อยเท่านั้น” มู่เซิ่งวิเคราะห์
“แล้วพวกเราควรทำอย่างไร? จะปล่อยให้คุณปู่ทำตามใจชอบเหรอ?” เจียงหว่านรู้สึกไม่เต็มใจ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ช้าก็เร็วลูกน้องของเธอก็จะถูกเจียงมู่หลงกำจัดออกไป และสุดท้ายเธอจะกลายเป็นผู้บัญชาการที่ไร้ลูกน้อง
“วางใจเถอะ มีผมอยู่ สิ่งที่พวกเขาเอาไปครอบครอง ไม่ช้าก็เร็วผมจะทำให้พวกเขาคายออกมาทั้งหมด” มู่เซิ่งเลิกคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณช่วยฉันแบบนี้ทุกครั้ง เพื่อนคนนั้นของคุณจะไม่รู้สึกรำคาญเหรอ?” เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะถาม
“ถ้าคุณรู้สึกผิด ก็ตอบแทนด้วยร่างกายสิ” มู่เซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมนอนคนเดียวทุกคืน หนาวมากเลย”
ตอบแทนด้วยร่างกาย?
แก้มของเจียงหว่านเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอหันไปทางอื่น เธอรู้สึกว่าคำพูดนี้กรุ้มกริ่มเล็กน้อย แต่สิ่งที่แปลกก็คือเธอไม่ได้รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย
นับตั้งแต่มู่เซิ่งเปลี่ยนไป เธอมีคำถามแปลก ๆ อยู่ในใจ ผู้ชายที่เธอติดต่อด้วย แทบไม่มีใครที่ไม่ตกหลุมรักเธอ แต่หลังจากเธอแต่งงานกับมู่เซิ่งแล้ว ตอนอยู่ที่บ้าน ไม่ว่าเธอจะแต่งตัวเซ็กซี่แค่ไหน หรือแม้แต่แต่งตัวโป๊ มู่เซิ่งก็แสดงสีหน้าสงบ ราวกับว่าเขากำลังดูการ์ตูนอยู่
ตอนนั้นเจียงหว่านยังสงสัยว่ามู่เซิ่งชอบผู้ชายหรือเปล่า มิฉะนั้น ผู้ชายที่ยังหนุ่มยังแน่น จะไม่มีความคิดแบบนั้นกับเธอสักนิดได้อย่างไร? ฮึ่ม! ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของตนเองยังไม่เพียงพอ!
“คุณหัวเราะทำไม?”
มู่เซิ่งเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเจียงหว่าน ทำให้เขารู้สึกสงสัย
“ฉันนึกถึงเรื่องที่มีความสุข ไม่ได้เหรอ?” เจียงหว่านเบ้ปาก
มู่เซิ่งส่ายศีรษะและไม่ได้ถามต่อ เขาจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของเจียงหว่าน เพราะสำหรับเจียงหว่านแล้ว ตระกูลเจียงเป็นสถานที่ฝึกฝน ที่จะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น มิฉะนั้น ถ้าตอนที่เขาจากไปแล้ว เกรงว่าเจียงหว่านอาจจะไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์โดยรวมตามลำพังได้
อาศัยพึ่งพาความแข็งแกร่งของคนอื่น สู้ตนเองแข็งแกร่งไม่ได้ มู่เซิ่งเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดว่าตระกูลมู่เป็นต้นทุนของตนเอง
“ท่านสาม กู่ชิงเสวียน หลานสาวเจ้าของหอเฉียนเป่าจากตระกูลกู่มาแล้ว!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นทุกคนต่างมองไปที่ประตู
เห็นรถโรลส์รอยซ์ รุ่นลิมิเต็ดสุดหรูแล่นเข้ามาจอด หญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากรถทางประตูเบาะหลัง และถือกล่องของขวัญไว้ในมือ เธอสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่สวยงาม
เธอคือกู่ชิงเสวียน!
“ท่านสามมีเกียรติมาก แม้แต่กู่ชิงเสวียนก็มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดด้วย”
“ถูกต้อง นึกไม่ถึงว่าตระกูลเจียงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลกู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...