มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 32

เพิ่งจะเริ่มง้างหมัดที่สาม ซูเคอก็นั่งคุกเข่าหลังอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว “ไว้ชีวิตด้วย พี่ชายไว้ชีวิตผมสักครั้งเถอะ!”

เรื่องตลกน่า สองหมัดเมื่อกี้นี้ เขาทนรับสภาพไม่ไหวแล้ว ถ้าเกิดถูกต่อยหมัดที่สามในเวลานี้ เขาต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาแน่

ภายใต้การโดนคุกคามจากความตายนั้น ซูเคอตัดสินใจยอมทิ้งเกียรติศักดิ์ศรี และนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นทันที

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นช่วงเวลาแสงไฟวาบเดียวเท่านั้นเอง มู่เซิ่งถอยหลังไปหนึ่งก้าว และปัดมือทันที “ฉันก็พูดตั้งแต่แรกแล้ว นายสู้ฉันไม่ไหว แต่ทำยังไงนายก็ไม่เชื่อ”

ใครจะไปรู้ล่ะว่าแกมันจะมีพละกำลังขนาดนี้

ซูเคอได้แต่พูดอยู่ในใจ ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาพูดอย่างเดียว “พี่ใหญ่ ไอ้กระจอกอย่างผมมันมีตาหามีแววไม่ พี่ใหญ่ไว้ชีวิตผมสักครั้งเถอะ”

“ไสหัวไป”

มู่เซิ่งปัดมือ และหันหลังออกพร้อมทั้งเดินจากไป

ซูเคอยังนอนกองอยู่ที่พื้น ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ

“มะ...มันเป็นไปได้ยังไง!”

ภาพที่ปรากฏอยู่ทางด้านหน้านี้ กู่ชิงเสวียนตกใจจนอ้าปากค้างจนกรามล่างจะหลุดลงอยู่รอมร่อ เธอเป็นศิษย์ร่วมสำนักซูเคอ ย่อมชัดเจนในศักยภาพของเขาที่สุดแล้ว ปรากฏว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ามู่เซิ่ง ยังทนการถูกต่อยสามหมัดไม่ไหวเลย?

ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกว่ามู่เซิ่งหยิ่งไม่เห็นหัวใคร กระทั่งไม่รู้จักความเป็นความตายด้วยซ้ำ

แต่เวลานี้

เธอรับรู้ถึงความตื่นตระหนกจริงๆ เข้าให้แล้ว

“คุณปู่ อยู่ดีๆ หนูก็เริ่มเชื่อคำพูดที่คุณปู่พูดแล้วค่ะ” กู่ชิงเสวียนจ้องมองแผ่นหลังมู่เซิ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเธอมองอีกฝ่ายไม่ขาด ไม่ใช่เพียงการมองเห็นภาพปลอมในหอเฉียนเป่าโดยใช้เวลาแค่ชั่วพริบตา กระทั่งศักยภาพยังทำให้คนตกใจได้ถึงเพียงนี้! บุคคลเฉกเช่นนี้ ตกลงว่ามีเหตุผลใด ถึงได้แอบหลบซ่อนอยู่ในตระกูลเจียง?

“หึ งั้นก็ทำตามที่คุณปู่สั่งแล้วกัน ใช้ทุกวิถีทางเพื่อฉุดรั้งมู่เซิ่งเอาไว้ โดยไม่สนต่อสิ่งใดก็แล้วกัน”

ทันใดนั้นกู่ชิงเสวียนฉีกยิ้มทันที รอยยิ้มละลายใจ “ฝากไว้ก่อนแล้วกัน ถึงแม้ว่าคุณจะยอดเยี่ยมแถมลึกลับขนาดไหน แต่เมื่อคุณหนูอย่างฉันถูกใจขึ้นมาแล้ว ก็ต้องสยบแทบเท้าลุ่มหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างแน่นอน”

พูดจบ เธอชี้ไปทางมู่เซิ่ง และพูดกับซูเคอ “ซูเคอ ถ้าต่อจากนี้นายยังมาเกาะแกะฉันอีก ฉันก็ให้มู่เซิ่งมาต่อยนาย”

“ไม่นะ พี่สะใภ้ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”

ซูเคอรีบเปลี่ยนคำเรียก ขนาดน้ำเสียงยังแสดงความหมายรับประกันออกมา

เขาสูญสิ้นกำลังใจตั้งแต่โดนมู่เซิ่งต่อยสองหมัดตั้งแต่แรกแล้ว และจะมีกะจิตกะใจคิดเกินเลยกับกู่ชิงเสวียนได้ยังไงกัน?

รนหาที่ตายชัดๆ

“ไสหัวไป เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฉันจะคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

กู่มู่สวีนคงคิดไม่ถึง เขาให้หลานสาวไปส่งของขวัญแก่ตระกูลเจียง เพื่อต้องการผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดมู่เซิ่ง แต่กลับทำให้เธอเข้าใจความหมายเป็นอีกอย่างไปเสียแล้ว!

หลังจากกลับมาถึงบ้าน มู่เซิ่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จ จึงนอนอยู่บนเตียง เมื่อมองเห็นเจียงหว่านผลักประตูเข้ามา พลันพูดด้วยเสียงเข้ม “ในที่สุดนายก็กลับมาได้สักทีนะ?”

มู่เซิ่งพยักหน้า แววตาเหล่มองชุดนอนสายเดี่ยวอันเซ็กซี่ยั่วใจของอีกคนแวบหนึ่ง ต้นขาขาวผ่องจั๊กจี้หัวใจ จำต้องยอมรับได้เลยว่า ฉายานามว่าเป็นคนสวยอันดับหนึ่งของเจียงหนานอันโด่งดังนี้ ร่างกายอวบอั๋นเด้งดึ๋ง ความจริงคือในใจเขารั้งอาการกระสับกระส่ายพวกนี้ไว้ไม่อยู่เลย

“ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า?”

มู่เซิ่งลุกขึ้น พลางเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย

งานเลี้ยงฉลองของท่านสามยังไม่จบงานเลย แต่เมื่อมองลักษณะท่าทางของเจียงหว่าน ดูเหมือนกลับมาก่อน

“ผู้หญิงคนนั้นที่มาวันนี้คือใคร?” เจียงหว่านเอ่ยปากถามน้ำเสียงเย็นเฉียบ

“คนในตระกูลกู่ไง ท่านสามก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ?” มู่เซิ่งกล่าวอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน “ผมก็ไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะมา จนทำให้คุณปู่ของคุณอับอายขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน”

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของมู่เซิ่ง เจียงหว่านเกิดความรู้สึกบันดาลโทสะขึ้นมาในใจอย่างไม่รู้ตัว จึงกล่าวออกมา “ฉันไม่ได้หมายความว่างั้นนะ ฉันถามคุณว่า ตกลงว่าคุณไปรู้จักมักจี่กับเธอได้ไง ทำไมในงานเลี้ยง เธอถึงยอมไว้หน้าคุณ”

“คุณอยากจะถามเรื่องไหน?” มู่เซิ่งทำหน้าเจื่อน

เจียงหว่านก็ดีๆ กันอยู่ ทำไมพอกลับมาถึงได้เริ่มโมโหใส่เขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“หึๆ คุณต้องรู้จักเธอมานานมากแล้วแน่ๆ ใช่มั้ยล่ะ?” เจียงหว่านแขวะกลับอย่างเจ็บปวด “ฉันว่าเธอคิดอะไรกับคุณ เมื่อกี้ตอนที่คุณออกจากงานก่อนเวลา เพื่อจะออกไปหาเธอใช่มั้ย? ที่แท้พวกผู้ชายก็ไม่มีดีสักคน พวกมือถือสาก ปากถือศีล”

จังหวะที่มู่เซิ่งกำลังเดินเข้าบริษัท จู่ๆ ก็มีเสียงแข็งกร้าวดังขึ้น ระหว่างนั้นด้านหน้ามู่เซิ่ง มีผู้ชายใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัย รูปร่างกำยำล่ำสันดั่งยักษ์ปักหลั่น กล้ามเป็นมัดๆ ใช้สายตาอันน่าหวาดหวั่นสุดขีดจ้องมองสุดแรง

มู่เซิ่งย่นคิ้วหากัน “สวัสดีครับ ผมมาหาสวีเจ๋อปิง”

“ใครคือสวีเจ๋อปิง?” หนึ่งในยามรักษาการณ์ตกตะลึง ดูเหมือนเขาไม่เคยได้ยินชื่อบุคคลคนนี้ในบริษัทมาก่อน

“นายหมายถึงท่านสวีใช่มั้ย?”

ยามรักษาการณ์อีกคนตอบสนองอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งหัวเราะอย่างเย็นชา “คนที่มาหาท่านสวีของฉันมีมากหน้าหลายตา นายเนี่ยนะ? หึ นายได้นัดไว้ล่วงหน้าไว้มั้ย?”

“เปล่า” มู่เซิ่งตอบตามความจริง

“นายเป็นพนักงานของบริษัทมู่หรานหรือเปล่า?”

“ไม่ได้เป็น” มู่เซิ่งส่ายหน้า

เมื่อคำถามทั้งสองประโยคถามจบ ความหยิ่งผยองบนสีหน้าของยามรักษาการณ์ก็หนักหน่วงเพิ่มขึ้น เพราะว่ามีความเกี่ยวพันกับมู่ซื่อ กรุ๊ป ระยะนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการแอบเข้ามาหาท่านสวี แล้วโดนพวกเขาไล่ตะเพิดออกไป

อีกทั้งเมื่อเห็นการแต่งตัวของหมอนี่แล้ว ประมาณเป็นพวกใช้แรงงานพวกนั้นมั้ง?

“ไปบอกสวีเจ๋อปิง มู่เซิ่งมาหา”

มู่เซิ่งเอ่ยปากพูดอย่างเรียบเฉย “ให้เวลาเขาห้านาที ถ้าฉันไม่เห็นหน้าเขา ฉันก็จะกลับแล้ว”

เจ้าหน้าที่รปภ.รู้สึกอยากจะหัวเราะ “แกเป็นใครวะ? ที่ให้ท่านประธานของเราต้องลงมาเจอหน้าแก?”

“รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ บริษัทมู่หรานของเรา ไม่ใช่ให้คนอย่างแกคิดอยากเดินเข้ามาก็เข้าได้ตามอำเภอใจนะเว้ย!”

มู่เซิ่งก็ขี้เกียจจะมาพูดให้เปลืองน้ำลายกับเจ้าหน้าที่รปภ.สองคนที่อยู่ด้านหน้า จึงเดินปรี่ไปทางโซฟาทันที “เหลืออีกสี่นาที ถ้านายยังไม่ไปแจ้ง ต่อไปคงไม่มีวิธีมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่อยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว”

พูดจบ มู่เซิ่งเอามือปัดก้น และนั่งลงบนโซฟา

ความอดทนของเขามีขีดจำกัด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง