แต่พอนั่งลงปุ๊บ ยามทั้งสองคนก็เดินปรี่เข้าหาทันที
“ไอ้เวร นี่แกหูหนวกหรือเปล่าวะ? ฉันต้องการให้แกรีบไสหัวออกไป พวกใช้แรงงานอย่างแก ไม่คู่ควรที่จะมานั่งโซฟาบริษัทเราหรอก!” หัวหน้ารปภ.ชี้ไปที่ประตูใหญ่ และพูดด้วยท่าทางโหดเหี้ยม
มู่เซิ่งย่นคิ้วหากัน เขาเคยมาที่บริษัทมู่หราน แต่เหมือนไม่เคยเห็นรปภ.สองคนนี้มาก่อน แล้วมีพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
เขาเหล่มองนาฬิกาข้อมือ น้ำเสียงเย็นเฉียบเช่นเคย “เหลือสามนาที...”
“เชี่ย ฉันว่าแกรนหาที่ตายชัดๆ!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มโกรธเคืองจริงๆ พลันเอื้อมมือข้างหนึ่งพาดลงหัวไหล่ของมู่เซิ่ง จนเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่บนแขนปูดขึ้นมา!
มุมปากเผยรอยยิ้มอันโหดเหี้ยมออก ถ้าไม่แสดงอะไรให้ไอ้หมอนี่เห็นกับตา เขาแทบไม่เห็นหัวบริษัทมู่หรานเลย!
ส่วนเจ้าหน้าที่รปภ.อีกคนก็เอามือกอดอก โดยมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ตรงมุมปาก
พวกเขาสองคนเคยฝึกกันมากแล้ว เมื่อสองวันก่อนมีคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาท้าทายอำนาจพวกเขา จนเขาใช้มือข้างเดียวอัดจนถูกหามส่งโรงพยาบาล ตอนนี้ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ในห้องอยู่เลย
เมื่อหมัดนี้กระแทกลง เขาก็จะน่าเวทนามากกว่าเดิม!
ติ๊ง!
เพิ่งง้างหมัดขึ้น ก็ได้ยินเสียงลิฟต์ดังชัดเจน ซึ่งเป็นลิฟต์ที่จัดไว้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมู่หรานเท่านั้น เจ้าหน้าที่รปภ.หันหน้ากลับไปตามสัญชาตญาณ และมองไปทางลิฟต์ทันที
เมื่อประตูลิฟต์เปิด พลันมองเห็นชายชราใส่ชุดสูทท่านหนึ่งเดินออกมา สวีเจ๋อปิงนั่นเอง
ทว่าในขณะนั้น เขาสีหน้ากระวนกระวายใจ เร่งฝีเท้าอย่างร้อนรน
เจ้าหน้าที่รักษาการณ์ทั้งสองคนหยุดมือทันควัน พลันยิ้มทักทาย
“ประธานสวี”
“ประธานสวีมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
สวีเจ๋อปิงเพิกเฉยผู้คนโดยรอบ พลางใช้สายตาสอดส่องมองห้องโถงใหญ่อย่างรีบเร่ง สุดท้ายก็หยุดอยู่ตรงโซฟาบริเวณที่มู่เซิ่งกำลังนั่งอยู่ และวิ่งเหยาะๆ ไปทางด้านหน้ามู่เซิ่ง
“คุณชายมู่ กราบขออภัยครับ ที่ผมมาช้าไป”
เจ้าหน้าที่รปภ.สองคนที่อยู่ด้านข้างแน่นิ่งทันที
ไอ้หมอนี้มันรู้จักประธานสวีเหรอ?
เป็นไปได้ยังไง!
มู่เซิ่งเหล่มองนาฬิกาข้อมืออย่างเรียบเฉย พลันพูดพร้อมรอยยิ้ม “ยังเหลือเวลาสองนาที เร็วกว่าที่ผมคาดการณ์ไว้หน่อยนะ”
สวีเจ๋อปิงก้มหน้า ไม่กล้าพูด
“ยามสองคนนี้ คุณเพิ่งรับเข้ามาทำงานเหรอ?” มู่เซิ่งลุกขึ้น และเหล่ตามองทั้งสองคนแวบหนึ่ง
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ยามทั้งสองคนนั้นตื่นตระหนกทันที และรีบคุกเข่าวิงวอนทันควัน
มู่เซิ่งแทบไม่มองสองคนนี้สักแวบเดียวด้วยซ้ำ พลันเดินเข้าลิฟต์ทันที
“พวกแกสองคน ถูกไล่ออกจากบริษัทมู่หรานของเรา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไปรับเงินที่ฝ่ายการเงินซะ แล้วไสหัวออกไป!”
สวีเจ๋อปิงถลึงตาใส่สองคนอย่างโหดเหี้ยม จนทำให้พวกเขาตกใจจนตัวสั่น สีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ก้นบึ้งหัวใจของพวกเขา ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมไอ้เด็กพวกใช้แรงงานท่าทางจนๆ ที่อยู่ด้านหน้า ปรากฏว่าเป็นแขกคนพิเศษของประธานสวี
แต่พวกเขาไร้โอกาสคิดด้วยซ้ำ พริบตาเดียวก็ถูกรปภ.อีกสองคนหิ้วปีก ออกไปจากตึกใหญ่อย่างรวดเร็ว
ภายในห้องทำงานชั้นสูงสุดของบริษัทมู่หราน
มู่เซิ่งนั่งตรงโซฟา ส่วนท่านสวีกลับยืนอยู่ด้านข้าง
“เมื่อคืนคุณพูดว่าตัวสัญญาของบริษัทมู่หรานกับบริษัทภรรยาของผมเกิดปัญหา ตอนนี้ผมมาถึงที่แล้ว คุณพูดมาเถอะ” มู่เซิ่งเอ่ยถามอย่างสงบเสงี่ยม
สวีเจ๋อปิงพยักหน้า และดึงเอกสารออกมาจากลิ้นชักออกมาหนึ่งฉบับ และยื่นให้ถึงมือมู่เซิ่ง “คุณชายมู่ คุณลองดูครับ”
“เกิดปัญหาที่ไซต์ก่อสร้างเหรอ?” มู่เซิ่งพลิกเปิดเอกสารรอบหนึ่งพลันย่นคิ้วอดใจไม่ไหว
วัสดุที่ระบุอยู่ในเอกสาร ภายในมีรายละเอียดเนื้อหาสัญญาการตกแต่งของบริษัทมู่หรานกับบริษัทเจียงหว่าน แต่เมื่อตรวจวัสดุที่อยู่ภายใน ปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน วัสดุสอดไส้ แม้แต่โครงสร้างสายไฟขั้นพื้นฐาน ยังมีร่องรอยของการกัดกร่อนขึ้นมาแล้ว นี่มันไม่ใช่การแอบยักยอกวัสดุแล้ว การตกแต่งเช่นนี้เป็นบ้านที่อันตรายชัดๆ!
เจียงหว่านไม่ใช่คนประเภทนี้นี่ มู่เซิ่งไม่เชื่อว่าเธอจะทำเรื่องอุกอาจแบบนี้แน่
“คุณมาอยู่ที่เมืองเจียงหนาน เกรงว่าน่าจะอยู่จนเบื่อเต็มทนแล้วใช่มั้ย?” มู่เซิ่งอดอาการหัวเราะไว้ไม่ได้
สวีเจ๋อปิงแค่รู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกชัน เขาอยู่ที่เมืองเจียงหนานนานเกินไปแล้ว อำนาจมีขีดจำกัดนานเกินควร ซึ่งเป็นภารกิจที่ตระกูลมู่จัดการ เขาแทบไร้วิธีปฏิเสธ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึงแล้ว
“คุณชายมู่ คุณวางใจเถอะ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
สวีเจ๋อปิงตอบกลับด้วยสีหน้าปกติ
ตอนมู่เซิ่งเตรียมจะออกจากสโมสรมู่หราน พลันเจอจางเหวินเจี๋ยตรงหน้าประตูโดยบังเอิญ
“ไอ้กระจอก นายมาทำอะไรที่บริษัทมู่หราน?”
หลังจากจางเหวินเจี๋ยเห็นมู่เซิ่งจนเกิดอาการตกใจมาก แต่สิ่งที่มากกว่านั้นก็คือการดูถูกและโกรธเคือง
“หึ วันนี้ออกจากบ้านลืมเช็คปฏิทินหรือเปล่าวะ ที่ต้องมาเจอสวะอย่างแก ตอนนั้นที่อยู่ในร้านอาหาร แกกับเจ้าของร้านรู้จักกันใช่ปะวะ?” จางเหวินเจี๋ยจ้องมองมาทางมู่เซิ่งเยาะเย้ย จ้าวหลินโทรมาบอกเขาตั้งนานแล้ว เมื่อรับรู้ความจริงแล้วก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนทนไม่ไหว
มู่เซิ่งเหล่มองเขาอย่างเฉยเมย ขี้เกียจจะใส่ใจ
“เฮ้ย รปภ.ล่ะ!” จู่ๆ จางเหวินเจี๋ยก็ส่งเสียงดังขึ้น
“ครับคุณผู้ชาย มีเรื่องอะไรครับ?” จากนั้นจึงมีผู้ชายที่อยู่ในเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาหาทันควัน
“รปภ. ทำไมบริษัทของพวกนายถึงได้ยอมปล่อยให้ใครหน้าไหนเข้ามาได้หมด?” จางเหวินเจี๋ยชี้ไปทางมู่เซิ่ง “ต่อไปอย่าได้ปล่อยให้พวกใช้แรงงานพวกนี้ เข้ามาในบริษัทอีกนะ!”
“ผู้จัดการจาง บริษัทเราไม่ได้ออกกฎว่าไม่อนุญาตให้พวกผู้ใช้แรงงานเข้ามา” เจ้าหน้าที่รปภ.เผยรอยยิ้มอันแสนขมขื่น
วินาทีก่อนหน้านี้มีบอดี้การ์ดสองคนถูกไล่ตะเพิดออกเพราะมีตาหามีแววไม่ ตอนนี้พวกเขาจะกล้าทำผิดซ้ำอีกหนมั้ยล่ะ?
“พวกแก ฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายเทคนิคคนใหม่!” จางเหวินเจี๋ยโกรธจนชี้หน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “นี่แกยังกล้าไม่ฟังคำสั่งจากฉันอีกเหรอ?”
“นี่มันกฎระเบียบของประธานสวีของพวกเรา” เจ้าหน้าที่รปภ.ตอบอย่างจนปัญญา
มู่เซิ่งหัวเราะออกมา ไม่อยากเสวนากับพวกเศษสวะพรรค์นี้ จึงมุ่งหน้าเดินออกจากตึกใหญ่ทันที และขึ้นรถทันควัน
เสียหน้า สีหน้าจางเหวินเจี๋ยแข็งทื่อ ทำได้แต่ถลึงตาใส่มู่เซิ่งอย่างกระฟัดกระเฟียด “โดนด่าแล้วไม่กล้าด่าสวนกลับ สวะดีๆ นี่เอง! มึงคอยดูเถอะ ไม่ช้าเร็วเจียงหว่านก็ต้องมานอนพลีกายอยู่บนเตียงกู แล้วกูจะสวมเขาให้คนอย่างมึงเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...