วันนี้ ตระกูลเจียงเปิดประชุมตระกูลเจียงขึ้นมาอย่างรีบเร่ง ขนาดท่านสามเองก็มาประชุมด้วย เพราะเรื่องนี้หนักหนาเอาการมาก โปรเจคเขตซีไห่ของมู่ซื่อ กรุ๊ปกับตระกูลเจียง ทั้งตระกูลเจียงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งตระกูลเจียง กระทั่งจ้าวหลินก็ถูกเรียกให้เข้าร่วมประชุมด้วย
“เจียงหว่าน ความร่วมมือของบริษัทมู่หรานในระยะนี้เป็นยังไงบ้าง?” ท่านสามสีหน้าไม่สู้ดี ซึ่งแสดงความหมายออกมาอย่างชัดเจนว่าได้ข่าวอะไรมาบ้างแล้ว “โปรเจคนี้สำคัญและยิ่งใหญ่มาก แถมในภายภาคหน้ายังเป็นความร่วมมือขั้นพื้นฐานกับมู่ซื่อ กรุ๊ป ถ้าเรื่องนี้ทำได้ไม่ดี
แล้วต่อไปยังจะดำเนินการต่อไปได้ยังไงกัน?”
เจียงหว่านทำหน้าสับสน พลันพูดตอบ “คุณปู่คะ ความร่วมมือของพวกเราไม่ได้มีปัญหานี่คะ?”
“ยังไม่เกิดปัญหาเหรอ? เจียงหว่าน แค่โปรเจคนี้ ตกลงแล้วกอบโกยเงินไปได้เท่าไหร่แล้วล่ะ?” เจียงไห่เชากล่าวตำหนิเสียงแข็งอยู่ทางด้านข้าง
เฉินเสว่ไม่ถูกชะตากับเจียงหว่านมาตั้งแต่แรก แถมเมื่อสองสามวันก่อนก็ยังทำให้ครอบครัวของเธออับอายขายหน้าในงานเลี้ยงวันเกิด ตอนนี้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา จึงใส่ไฟซ้ำเติมเป็นเรื่องปกติ “เจียงหว่าน ฉันก็ไม่อยากจะต่อว่าต่อขานเธอหรอกนะ เรื่องการตักตวงเงินจากโปรเจคมันก็ไม่ได้เป็นเป็นปัญหามากนักหรอก แต่เธอไม่ควรทำเรื่องไร้จิตสำนึกแบบนั้น!”
เจียงหว่านฟังแล้วยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม พลันพูดทันที “โกยเงินเหรอ? ฉันตั้งหน้าตั้งตาทำงานมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องพรรค์นี้มาก่อน!”
พูดอย่างหมดเปลือก หลังจากเจียงหว่านเข้ามารับโปรเจคนี้ด้วยตนเอง ซึ่งคอยจับตามองกระบวนการตกแต่งอยู่เสมอ บ่อยครั้งมากที่ยังคงอยู่บริษัทหลังเที่ยงคืนไปแล้ว บางทีถึงขั้นที่ว่า เข้าไปตรวจดูความคืบหน้าในไซต์งาน ตั้งแต่เช้าตรู่ก็มี โดยที่ใช้เวลาหลายวันติดต่อกัน จนผิวถูกแดดเลียจนหมองคล้ำ
“หึๆ ทำงานอย่างตรากตรำเหรอ? ใช้วัสดุไร้คุณภาพในการตกแต่ง นี่ก็ถือว่าความเป็นความตรากตรำในการทำงานของเธอเหรอ?” เจียงมู่หลงหัวเราะร่วม
“วัสดุไร้คุณภาพเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้แน่!”
เจียงหว่านย่นคิ้วหากัน เรื่องนี้ เธอไม่มีทางปล่อยให้เจียงมู่หลงมาใส่ร้ายป้ายสีตามอำเภอใจ “คุณปู่ ถ้าไม่เชื่อ คุณปู่ไปดูที่ไซต์งานได้เลยค่ะ วัสดุที่หนูนำมาตกแต่งมันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่ราคาก็สูงลิบลิ่วที่สุดเช่นกัน แล้วจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ได้ยังไงคะ!”
“แกดูเอาเองแล้วกัน!” ท่านสามหน้าตาขึงขัง และโยนรูปภาพจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะ
เจียงหว่านหยิบรูปภาพขึ้นมาด้วยหน้าตาโกรธเคือง แต่เมื่อมองดู สีหน้าก็ซีดลงเรื่อย!
คนที่อยู่ในรูปเธอรู้จักดี เป็นหนึ่งในลูกน้องของเธอที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเรื่องการขนย้ายวัสดุ ซึ่งภายในนั้นเป็นเรื่องที่แอบลักลอบสับเปลี่ยนวัสดุ เพื่อทำการเปลี่ยนวัสดุที่ดีจำนวนหนึ่งจนกลายเป็นวัสดุไร้คุณภาพเพื่อนำเข้ามาตกแต่ง
“พวกนี้ถ่ายมาจากไซต์งานของมู่หลง ตอนนี้เธอยังอยากจะไปดูที่ไซต์งานก่อสร้างอยู่มั้ยล่ะ?” เสียงท่านสามเย็นเฉียบดั่งน้ำแข็ง
เจียงหว่านกระวนกระวายใจทันที พร้อมทั้งส่ายหน้าอยู่ตลอดเวลาในขณะที่พูดออกมา “หนูไม่รู้เรื่องด้วย เรื่องนี้เขาทำเอง”
“ไม่รู้เรื่อง? หึๆ ทั้งที่คนคนนี้เป็นลูกน้องของแก พูดว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับแก คิดว่าพวกเราโง่งั้นสิ?”
เจียงมู่หลงตบโต๊ะ พลันแว้งกัดเจียงหว่านทันที
“คนที่มองคนขาดต่างรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แกทุ่มทุนสุดตัวเพื่อตักตวงเงินจากโปรเจคนี้ ก็เพื่อสร้างสัมพันธ์กับตระกูลกู่ใช่มั้ย? ช่างเป็นการวางแผนที่ดีจริงๆ!”
“ถูกต้อง ปกติมองดูก็เป็นคนซื่อสัตย์สุจริตดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีกลยุทธ์เด็ดลับๆ ให้คนอื่นออกหน้าส่วนตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ถึงขนาดนี้! เวลาถ้าเกิดบริษัทมู่หรานเกิดปัญหา จนถูกเปิดโปงออกมา ความร่วมมือระหว่างตระกูลมู่ของพวกเรากับมู่ซื่อ กรุ๊ปควรจะทำยังไงดี? ตอนนี้ขนาดสัญญาความร่วมมือกับมู่ซื่อ กรุ๊ปก็ยังไม่ได้เซ็นเลยด้วยซ้ำ แกคิดว่าแผนสูงจนไร้ความวิตกกังวลเลยเหรอไง?”
เสียงกล่าวโทษของทุกคนดังขึ้นระงม
สีหน้าท่านสามเคร่งขรึมหม่นหมองดุจสายน้ำ ถึงแม้ว่าเขาไม่ชอบเจียงหว่าน แต่รู้สึกว่าด้วยนิสัยถือว่าพอได้ ปรากฏว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องผิดพลาดกับเรื่องพรรค์นี้
อีกทั้ง ถ้าปัจจัยนี้ทำให้ความร่วมมือกับมู่ซื่อ กรุ๊ปต้องล้มเหลวแล้วล่ะก็ ความคาดหวังทั้งหมดของตระกูล ก็จะเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำในลักษณะแบบนั้น!
ในเวลานี้เอง เจียงมู่หลงลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งพูดอย่างสะใจเต็มที่ “คุณปู่ครับ ผมรู้ตั้งแต่แรกว่าเจียงหว่านทำภารกิจสำคัญได้ยาก ดังนั้น ผมจึงเตรียมการจัดการเรื่องนี้เอาไว้เนิ่นๆ”
“หลังจากผมได้ถ่ายรูปเอาไว้ ก็ได้ห้ามใช้วัสดุของพวกเขาแล้วครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงมู่หลง บรรดาญาติพี่น้องในตระกูลเจียงทุกคน ต่างจ้องมองมาทางเขาด้วยหน้าตาชื่นชมทุกคน
“ดีนะที่มู่หลงมีความสามารถ จนสามารถเตรียมการแก้ไขเรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้า”
“อย่าไปสนพวกเขา คิดเสียว่าคำพูดของพวกเขาก็เหมือนตด” มู่เซิ่งวางจานช้อนลง และคอยนั่งพูดปลอบใจอยู่ทางด้านข้างเจียงหว่าน
เจียงหว่านย่อมเข้าใจหลักการนี้ แต่เธอรับความลำเอียงแบบนี้ของตระกูลเจียงไม่ได้ จึงพูดออกมา “แต่พวกเขาก็ทำเกินกว่าเหตุ! แถม ถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้น หลังจากที่หยุดทันก็บอกฉันมาตรงๆ ก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ? ยังต้องมานั่งถากถางฉันยกใหญ่ในงานประชุมของตระกูลอีก เพื่อแสดงให้เห็นว่าต้องการทำให้ฉันอับอาย!”
“หรือมันประมาณไหนเหรอ? ต้องการให้ผมช่วยมั้ย?” มู่เซิ่งกล่าว
“คุณอยากไปหาเพื่อนของคุณอีกแล้วใช่มั้ย?” จู่ๆ เจียงหว่านก็หันหน้ากลับมาถาม
มู่เซิ่งโดนย้อนถามจนพูดไม่ออก ทำได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของมู่เซิ่งกลับมาเช่นนี้ เจียงหว่านฉุกคิดถึงตระกูลกู่เป็นอันดับแรก คนที่สามารถทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้ มีแค่ตระกูลกู่เท่านั้น ถึงแม้ว่าเธอรับรู้เป็นอย่างดีเมื่อตระกูลกู่ออกหน้าเอง เรื่องนี้ต้องผูกมิตรกันแน่นอน
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่มู่เซิ่งต้องไปวิงวอนกู่ชิงเสวียน เจียงหว่านรู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่ในใจอย่างทนไม่ไหว
“ไม่ต้องหรอก ฉันสามารถจัดการเองได้” เจียงหว่านปากแข็ง
เธอจัดการเอกสารที่อยู่ในมือเล็กน้อย พลางผลักประตูเดินเข้าไป
“โอเค”
มู่เซิ่งถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
รอจนเจียงหว่านเดินจากไป เขาจึงเก็บรูปที่หล่นที่พื้นขึ้นมาทีละใบ ด้วยหน้าตาเคร่งขรึม เดิมคิดว่าตระกูลอื่นเป็นคนลงมือ คิดไม่ถึง คนในตระกูลเป็นหนอนบ่อนไส้กันเอง
มู่เซิ่งเดินกลับเข้าห้องคนเดียว พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จัดการกดโทรออกอย่างไร้การลังเล
“ท่านสวี มีเรื่องให้คุณทำแล้วครับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...