มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 326

“ลองดูอีกครั้ง!”

มู่เซิ่งยกพู่กันขึ้นมาจุ่มหมึกแล้ววาดลงบนฝ่ามืออีกครั้ง

เมื่อคนทั่วไปใช้แรง ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้มือสั่น แต่มือของมู่เซิ่งกลับนิ่งมาก จับพู่กันอย่างมั่นคงและวาดกลางอากาศด้วยความนิ่ง

หลังผ่านไปหลายนาที

ในฝ่ามือเขามีรูนอันหนึ่งวาดได้ประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์แล้ว

คาถาสายฟ้าสวรรค์

วาดเป็นลวดลายเหมือนคลื่น จากนั้นวาดเป็นสายฟ้าสวรรค์ ดูแล้วไม่ธรรมดา มองจากไกลๆ ทำให้คนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เมื่อมู่เซิ่งตวัดพู่กันลงไป ในฝ่ามือเขารู้สึกชาแปล๊บๆ เหมือนสายฟ้า ช่างอัศจรรย์จริงๆ

“สำเร็จแล้ว ใกล้สำเร็จแล้ว” นัยน์ตามู่เซิ่งเป็นประกายแวววาว

ลำบากมาตั้งนาน ในที่สุดรูนอันแรกก็จะเสร็จแล้ว

แต่สองมือเขานิ่งมาก ไม่มีการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป

เพราะความล้มเหลวหลายครั้งทำให้เขารู้ว่ายิ่งอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เขายิ่งต้องตั้งสมาธิ จะให้จุดนี้รบกวนจนทำให้ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่าไม่ได้

“ฟู่ ฟู่ ฟู่”

ในห้องใต้ดินเงียบมาก ได้ยินแค่เสียงอากาศภายในฝ่ามือ

“ครืนนนน”

เมื่อเส้นสุดท้ายเชื่อมกัน รูนติดตั้งสำเร็จแล้ว

“ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว!”

มู่เซิ่งพรูลมหายใจออกมา ก้มมองรูนในฝ่ามือ ด้านบนมีแสงสายฟ้าบางๆ สว่างอยู่ จากนั้นมันซ่อนเข้าไปในฝ่ามือจนไม่เห็นอะไรอีก จู่ๆ เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างประหลาด

เวลาทั้งบ่ายบวกกับเวลาเกือบทั้งคืน เขาเพิ่งวาดรูนอันแรกออกมาได้สำเร็จ

“ประสิทธิภาพของรูนสายฟ้าสวรรค์แข็งแกร่งจริงๆ!” มู่เซิ่งเหวี่ยงหมัด ควบคุมพลังเสวียนส่งเข้าไปในรูนที่อยู่ในฝ่ามือ จากนั้นโจมตีหมัดออกไป ในอากาศมีเสียงสายฟ้าดังขึ้นเบาๆ แสงสายฟ้าพาดผ่านไป

พลานุภาพของหมัดนี้ เพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ บวกกับประสิทธิภาพของสายฟ้า หมัดนี้แม้แต่นักเสวียนระดับสองก็ไม่อาจต้านทานได้

“เริ่มรูนอันที่สองต่อดีกว่า” มู่เซิ่งอ่านหนังสือที่อยู่ในสมองแล้วพลิกหน้าต่อไป

หมัดห้าสายฟ้าคือการวาดรูนทั้งห้าลงบนฝ่ามือและเชื่อมโยงกัน นั่นหมายความว่ามู่เซิ่งต้องวาดรูนแบบนี้อีกสี่อัน ถึงจะสามารถแสดงพลานุภาพของหมัดห้าสายฟ้าออกมาได้อย่างสมบูรณ์

แต่แค่รูนอันแรกยังมีผลยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นี่ทำให้มู่เซิ่งคาดหวังกับหมัดสายฟ้าหลังจากที่วาดเสร็จเป็นอย่างมาก

เวลาคืนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

มีประสบการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว รูนที่มู่เซิ่งวาดจึงพัฒนาขึ้น แต่รูนพวกนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเช้าวันต่อมา มู่เซิ่งจึงเพิ่งวาดรูนอันที่สองเสร็จ

แต่การที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน ทำให้มู่เซิ่งควบคุมพลังเสวียนในตัวได้ถึงระดับที่น่ากลัวมาก

มู่เซิ่งนั่งหลังขดหลังแข็งทั้งคืน เมื่อฟ้าเริ่มสาง เขาจึงลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

หลังถึงแดนเสวียน คุณสมบัติร่างกายพัฒนาขึ้นมาก ถึงตอนนี้เขาไม่ได้นอน 2-3 วันก็ไม่มีปัญหา

ขณะที่มู่เซิ่งกำลังบิดขี้เกียจอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ เห็นว่าเหยาเผิงเดินออกมาเหมือนกัน เขาหาวแล้วพูดว่า “อรุณสวัสดิ์ลูกพี่”

“ทำไมนายตื่นเช้าจัง” มู่เซิ่งยิ้มแล้วพูดทักทาย

“ดูพระอาทิตย์ขึ้นไง พระอาทิตย์ขึ้นบนท้องทะเลเป็นภาพที่สวยที่สุดของวัน ลูกพี่ตื่นเช้าขนาดนี้ไม่ได้มาดูพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกันเหรอ” เหยาเผิงเอ่ยขึ้น

มู่เซิ่งส่ายหน้า รอบตัวเขามีนักท่องเที่ยวที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยออกมาจำนวนไม่น้อย แต่ละคนถือมือถือหรือไม่ก็กล้องถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ รอภาพอาทิตย์ขึ้นอยู่ด้านหน้าสุดของเรือสำราญ

“พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นแล้ว” เหยาเผิงมองแสงรำไรตรงขอบฟ้าไกลๆ จู่ๆ ก็ลากมู่เซิ่งไปตรงตำแหน่งที่จัดไว้อย่างกระตือรือร้น

มู่เซิ่งบังเอิญเห็นว่าผู้หญิงใส่แว่นดำก็ยืนอยู่ตรงนี้เหมือนกัน

เธอสวมชุดสบายๆ ผิวขาวใสโผล่ออกมาภายนอก น่ารักสดใส ถือถุงขนมคุกกี้ในมือ พิงตัวอยู่ที่ราวอย่างเนือยๆ มองไปทางที่พระอาทิตย์ขึ้น

หลังจากผู้หญิงเห็นมู่เซิ่งก็พยักหน้าให้เขาอย่างเป็นมิตร ราวกับกำลังขอบคุณเรื่องที่ช่วยในบ่อนพนันก่อนหน้านี้

หลังจากนั้นเธอก็กินคุกกี้ต่อ กินอย่างเอร็ดอร่อยเป็นอย่างมาก

“แม่ ผมอยากกินคุกกี้ ผมหิวแล้ว”

ขณะนั้นมีเสียงเด็กผู้ชายดังขึ้น เมื่อมู่เซิ่งหันไปมอง เป็นเด็กผู้ชายที่จะขโมยของของเขาที่ทางเดิน เด็กนี่ชื่อจงหนิง ส่วนแม่เขาก็ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนหน้านี้ได้ยินรปภ.ของเรือสำราญบอกว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อล่ายซิ่วฉิน

เมื่อมู่เซิ่งเห็นสองคนนี้ เขาปรายตามองอย่างเฉยเมยแล้วละสายตาออกมา กลับเป็นเหยาเผิงที่โมโหสุดๆ เพราะสองคนนี้ขโมยของของมู่เซิ่ง ผลปรากฏว่าสองคนนี้ไม่โดนอะไรเลย กลับเป็นพวกเขาสองคนที่เป็นขี้ปากคนอื่น นี่ทำให้เหยาเผิงอดมองทั้งสองคนไม่ได้

“กินคุกกี้อะไรกัน กินคุกกี้แต่เช้าไม่ดีนะ”

ผู้หญิงวัยกลางคนพูดสอน

“ผมไม่สน ผมจะกินคุกกี้ ผมจะกินคุกกี้!” เด็กผู้ชายไม่สนใจอะไรเลย เริ่มสร้างความวุ่นวายบนดาดฟ้าเรือ ท่าทางเหมือนถ้าไม่ได้กินคุกกี้ก็จะไม่ยอมหยุด

ผู้หญิงวัยกลางคนโดนเซ้าซี้จนหมดทางเลือก เธอพยักหน้าพูดว่า “ก็ได้ งั้นแม่พาลูกไปกินก็ได้”

เธอลูบหัวลูกแบบตามใจ จากนั้นเดินมาหน้าผู้หญิงสวมแว่นดำแล้วถามว่า “คุณผู้หญิง คุกกี้เธอเยอะขนาดนั้น แบ่งให้ลูกชายฉันสักหน่อยสิ”

ผู้หญิงสวมแว่นดำอดขมวดคิ้วไม่ได้ อยู่ดีๆ ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ก็เข้ามาขอคุกกี้ นี่ทำให้เธอรู้สึกงงมาก เธอก้มมองถุงคุกกี้ ด้านในเหลือคุกกี้แค่ไม่กี่ชิ้นแล้ว เธอจึงส่ายหน้าพูดว่า “ขอโทษด้วย ฉันกินคุกกี้หมดแล้ว”

“กินหมดแล้วเหรอ” สีหน้าหญิงวัยกลางคนเปลี่ยนไป เธอเอามือเท้าเอวแล้วถามว่า “ตอนฉันยังไม่มา เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย พอฉันมาขอ เธอก็บอกว่ากินหมดแล้วงั้นเหรอ เธอไม่อยากให้ลูกชายฉันใช่ไหม”

“รังเกียจก็พูดมาตรงๆ คนในเมืองอย่างพวกเธอจิตใจหยิ่งยโส ดูถูกคนชนบทอย่างพวกเรา”

“ใครจะไปรู้ว่าพวกเธอดูสง่างาม แต่ลับหลังทำเรื่องไม่ดีอะไรบ้างก็ไม่รู้!”

ผู้หญิงสวมแว่นดำโดนล่ายซิ่วฉินด่าจนอดหงุดหงิดไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังจะเถียง เด็กผู้ชายคนนั้นก็คว้าถุงขนมคุกกี้ในมือเธอแล้วพูดอย่างอวดดีว่า “เอามาให้ฉัน!”

ผู้หญิงสวมแว่นดำไม่ทันตั้งตัว ทำให้โดนแย่งถุงขนมคุกกี้ไป

เด็กผู้ชายถือถุงขนมคุกกี้ในมืออย่างได้ใจ แล้วพูดกับล่ายซิ่วฉินว่า “แม่ ผมได้คุกกี้แล้ว”

“หนิงเอ๋อร์เก่งที่สุด” ล่ายซิ่วฉินลูบหัวลูกชายเธอแบบตามใจสุดๆ

เด็กผู้ชายคนนั้นดูถุงขนมคุกกี้ เมื่อเห็นว่าด้านในเหลือคุกกี้แค่ไม่กี่ชิ้น ก็ปาลงพื้นอย่างโมโหแล้วพูดเสียงดังว่า “แม่ เธอกินคุกกี้หมดแล้ว คุกกี้ของผม……”

ล่ายซิ่วฉินเห็นลูกชายร้องไห้ก็ปลอบลูกชายพลางบ่นว่า “เป็นคนยังไงกัน คุกกี้แค่นิดหน่อยก็ไม่ให้ลูกชายฉันกิน ไปกันเถอะลูก เดี๋ยวแม่ซื้อคุกกี้ให้สิบถุงเลย ลูกกินได้ตามใจชอบเลย”

ผู้หญิงสวมแว่นดำรู้สึกงงมาก เห็นสองแม่ลูกไร้เหตุผลคู่นี้ก็ทำได้เพียงส่ายหน้า ตาไม่เห็น ใจไม่วุ่น

มู่เซิ่งเห็นแบบนี้ก็แอบถอนหายใจเบาๆ

ผู้หญิงคนนี้เอาแต่โอ๋ลูกชาย ไม่นานคงเป็นเหมือนอู๋ซื่อซวิน

เด็กผู้ชายโดนแม่ลากไปแล้ว แต่สายตาที่เขามองผู้หญิงสวมแว่นดำเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร ราวกับเตรียมจะแก้แค้นเธออย่างไรอย่างนั้น

ขณะนั้นมีคนตะโกนเสียงดังว่า “รีบดูเร็ว พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว!”

ทันใดนั้นสายตานับไม่ถ้วนมองไปทางฝั่งทะเล

ที่ซึ่งระดับน้ำทะเลบรรจบกัน แสงรำไรกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ขอบพระอาทิตย์โผล่ขึ้นจากที่ราบ ส่องแสงสว่างจ้า ทำให้ทั่วทั้งทะเลเต็มไปด้วยแสงงดงาม คลื่นสะท้อนแสงระยิบระยับ งดงามจนไม่มีอะไรเปรียบได้

ทุกคนกลั้นลมหายใจ ตอนนี้บนดาดฟ้าเรือมีเพียงเสียงกล้องดังขึ้นไม่หยุด

ความหงุดหงิดใจของผู้หญิงสวมแว่นดำก็หายไปจนหมด เธอเอากล้องที่เตรียมไว้ขึ้นมาถ่ายรูป

ทว่าขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับพระอาทิตย์ขึ้น

เด็กผู้ชายคนนี้มาจับด้านหลังผู้หญิงสวมแว่นดำคนนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขาเอามือวางด้านหลังผู้หญิงสวมแว่นดำอย่างโมโห จากนั้นก็ออกแรงผลัก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง