คนเหล่านั้นที่ถูกเหยาเผิงเยาะเย้ย คงจะไม่มีทางปล่อยโอกาสแก้แค้นครั้งนี้ไปได้ แต่ละคนก็เอ่ยปากขึ้นมาในทันที
“มิน่าล่ะ ฉันยังคิดว่าจู่ๆหมอนี่จะกลายเป็นยอดฝีมืออะไรได้ ที่แท้เป็นแค่ขยะที่ฉวยโอกาส”เหมียวหงอวี่พูดขึ้นมา และพูดจากประชดประชัน
“นั่นนะสิ ปรมาจารย์ก่วนกับปรมาจารย์เตียวปรมาจารย์ทั้งสองคนทำให้อสูรได้รับบาดเจ็บสาหัส มู่เซิ่งประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องออกแรงเท่านั้นเอง ไม่นึกเลยว่าคนแบบจะหน้าด้านขี้โม้อีก”
“ถุย หน้าด้านจริงๆ!”
ทุกคนเยาะเย้ยมู่เซิ่งเสียงดัง ในใจก็โกรธเป็นอย่างมาก เพราะว่าเมื่อกี้นี้พวกเขาเกือบจะโดนมู่เซิ่งคนนี้หลอกแล้ว ยังคิดว่าเขามีความแข็งแกร่งจริงๆ!
“เฮ้ย หมัดเมื่อกี้นี้ของลูกพี่ฉัน พวกแกตาบอดหรือไง?”เหยาเผิงสีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีเป็นอย่างมาก และตะโกนเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ เหยาเผิง แกคงจะไม่คิดว่าเป็นคุณงามความดีของลูกพี่แกนะ? ท่าทางเมื่อกี้นี้ เป็นแค่ท่าทางที่เล่นละครออกมาเท่านั้น เขาก็แค่ขยะที่ฉวยโอกาสเท่านั้น” เหมียวหงอวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
“กูเชื่อบ้าอะไร ฉวยโอกาส งั้นทำไมปรมาจารย์ทั้งสองคนนี้ไม่ฉวยโอกาส ดันให้ลูกพี่ของฉันฆ่าอสูรตัวนี้ตาย?”เหยาเผิงตะโกนเสียงดัง
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของปรมาจารย์ก่วนก็เปลี่ยนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
จริงๆเลย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มู่เซิ่งก็เป็นคนฆ่าอสูรตัวนี้ตาย แต่พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไรว่าเป็นคุณงามความดีของมู่เซิ่ง น้ำเสียงฟึดฟัดในทันที และพูดขึ้นมาว่า: “เหอะ ถ้าหากแกคิดว่าเมื่อกี้นี้พวกเราวิ่งหนี งั้นก็ผิดถนัดแล้ว”
“ทั้งที่เมื่อกี้นี้ฉันกำลังหลอกล่ออสูรตัวนี้อยู่ ตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากความอ่อนล้าของขา ค่อยลงมือจัดการ และมู่เซิ่ง แค่บังเอิญปรากฏตัวในเวลานี้เท่านั้นเอง”
มู่เซิ่งนิ่งอึ้งไป และแทบจะทำอะไรไม่ถูก
ปรมาจารย์คนนี้อะไรก็พูดออกมาได้จริงๆ ยังสามารถพูดได้ด้วยท่าทางจริงจัง ถ้าหากเขาไม่ใช่คู่กรณี เกือบจะเชื่อไปแล้วจริงๆ
หยางฟางฟางมองไปยันทิศทางปรมาจารย์ก่วนด้วยความสงสัยแล้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด เพราะสิ่งที่ปรมาจารย์คนนี้พูด ดูเหมือนจะมีเหตุผล?
“ถุย โลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้ยังไง!”เหยาเผิงไม่อยากจะเชื่อ
“ฮ่าๆ ไอ้อ้วน พวกเราสองคนประสบการณ์มากกว่าแกอีก ปรมาจารย์บู๊ที่ตายอยู่ในมือของพวกเรา นับไม่ถ้วน พูดได้แค่ว่าแกมีประสบการณ์น้อย ถึงได้รู้สึกกระต่ายตื่นตูม” ปรมาจารย์เตียวสะบัดแขน และพูดอย่างเรียบเฉย
“ช่างเถอะ ถกเถียงกันไม่มีประโยชน์ ไม่เถียงกับเขาก็พอ ให้เขารู้สึกว่า ลูกพี่ของเขาเป็นคนฆ่าอสูรตัวเถอะ” ปรมาจารย์ก่วนพูดอย่างเรียบเฉย
“ใช่ ศิษย์พี่ ท่านเป็นคนใจกว้างกว่า” ปรมาจารย์เตียวสองมือประสานคารวะแล้วพูด
ตอนที่ทุกคนมองไปทางเหยาเผิงและมู่เซิ่ง ในดวงตามีฉายแววเหยียดหยามเล็กน้อย ราวกับเขาต่างหากที่เป็นคนต้อยต่ำที่ใช้ความคิดเห็นที่เลวไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง
สิ่งนี้ทำให้เหยาเผิงโกรธมาก
ครุ่นคิดดูแล้ว ฉันจะเถียงกับแกหรือไม่เถียง ก็เป็นความผิดของฉันเหรอ?
มู่เซิ่งกลับมองทะลุ แค่คุณงามความดีฆ่าอสูรตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ยกให้เขาแล้วจะเป็นอย่างไร ถึงยังไงความแข็งแกร่งของตัวเอง ก็ไม่มีทางยกระดับขึ้นเพราะฆ่าอสูรตัวหนึ่งตาย นับประสาเพราะการใส่ร้ายกับลดคุณค่าของปรมาจารย์สองคน
“เอาล่ะ ถ้าหากพวกนายไม่ต้องการหาสมบัติ ก็ทะเลาะอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ!”ตามด้วยเสียงฟึดฟัดของปรมาจารย์ก่วน เหมียวหงอวี่และคนอื่นๆ ถึงได้หยุดเย้ยหยัน
“ใช่ๆๆ ตอนนี้อสูรโดนกำจัดไปแล้ว สมบัติต่างหากที่สำคัญที่สุด!” เหมียวหงอวี่ได้ยิน รีบลุกขึ้นรีบร้อนเดินทาง
มู่เซิ่งและคนอื่นๆ ตามอยู่ข้างหลังอย่างช้าๆ
ตอนแรกเหมียวหงอวี่อยากจะไล่มู่เซิ่งไป แต่ปรมาจารย์ก่วนส่ายหัว บอกว่าตามเขาไปเถอะ เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่า จัดการกับอสูรตัวนี้ได้ ความแข็งแกร่งของมู่เซิ่ง น่าจะก้าวสู่แดนปรมาจารย์บู๊ ถ้าหากพวกเขาสองคนจัดการแก้ไขปัญหากันขึ้นมาจริงๆ จะมีปัญหามากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเกิดระหว่างทางเจอกับอสูรอะไรอีกล่ะ? ไม่แน่ ยังสามารถเอามู่เซิ่งมาเป็นเกราะป้องกันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...