มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 378

“ปึง ปึง ปึง ปึง!”

เสียงหนักหน่วงดังต่อเนื่อง ทุกแต่ละคนต่างรู้สึกเพียงมีเงาดำผ่านไปวูบเดียว ก็เห็นเหล่าบรรดาลูกเศรษฐีถูกมู่เซิ่งซัดกลิ้งลงกับพื้นอย่างง่ายดาย แต่ละคนมือกุมท้องบ้างกอดแข้งขาบ้าง ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด

ทุกคนที่ดูอยู่อึ้งกันไปหมด มองไปที่มู่เซิ่งด้วยสายตาที่คิดกันไม่ถึง ใครจะไปเชื่อว่าเด็กหนุ่มธรรมดาไม่มีอะไรดูเด่นเป็นพิเศษ จะต่อยตีเก่งได้ถึงขนาดนี้เลยเชียว?

ชายฉกรรจ์ไม่ใส่เสื้อนั่นก็อุทานขึ้นมาอย่างตื่นใจ ยกนิ้วโป้งขึ้นให้กับมู่เซิ่งและพูดว่า “โอ้โฮ ยอดจริง ๆ”

“เชียส ไอ้หนู มึงถึงขนาดกล้าต่อยกู มึงรอเดี๋ยวนะมึง เดี๋ยวกูจะเรียกเอายอดฝีมือบ้านกูมา มึงแน่จริงอย่าหนีนะมึง!” กัวปู๋เจิ้นมองตามสถานการณ์วันนี้แล้ว ก็รู้ว่าเจอยอดฝีมือจริงแล้ว แต่ถึงยังไงก็ถือว่าเขาก็ลูกหลานตระกูลมีระดับ รู้ว่ามีความเป็นจริงอยู่ของปรมาจารย์บู๊

เพราะฉะนั้นเขาจึงคิดจะโทรศัพท์เรียกปรมาจารย์บู๊ของตระกูลเข้ามา เพียงให้ปรมาจารย์บู๊ออกหน้า ก็จะไม่มีเรื่องอะไรที่จัดการให้จบไม่ได้!

กัวปู๋เจิ้นก็เคยได้พบเจอพวกนักสู้กะเลวกะลาดที่มีแต่ความกล้าบ้าบิ่นมา แต่พอเหล่าปรมาจารย์บู๊ออกมา ก็กลายเป็นเหมือนลูกไก่เซื่อง ๆ

“เฮอะ ๆ ต่อให้แกไปขนคนทั้งตระกูลออกมาหมด ก็ไม่มีทางจะสู้กับลูกพี่ใหญ่ของข้าได้!” เหยาเผิงพูดพร้อมเสียงหัวเราะ

“มึงรอไว้ มึงรออยู่นี่ไว้!” กัวปู๋เจิ้นไหนเลยจะทนรับกับความขายหน้านี้ได้ ทันทีนั้นก็ต่อโทรศัพท์ออกไป

แต่แล้ว พอเขากำลังกดหมายเลขโทรศัพท์ ข้างนอกตลาดกลางคืนนั้น เกิดมีเสียงอื้ออึงเอะอะกันขึ้นมา

สายตาทุกคู่มองออกไป ที่ประตูทางเข้าตลาดกลางคืน มีรถระดับสุดหรูตระกูลโรลส์รอยซ์เคลื่อนตัวตามกันมาเป็นคันต่อคัน ตราเครื่องหมายที่หน้ารถแต่ละคัน สาดประกายสีทองอร่ามแวววาว ดูระยิบระยับตา ทั้งขบวนนี้น่าจะมีถึงสิบคัน!

“อะไรของมันกันวะนี่ วันนี้เป็นวันอะไรกันนะ?รถสปอร์ตหรูมากมายก็ยังพอว่า ถึงกับยังมีโรลส์รอยซ์มาอีก วันนี้มีงานมอเตอร์โชว์รถหรูหรือไงนี่?”

“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย แกดูคันนี้สิ โรลส์รอยซ์รุ่นมีการจำกัดจำหน่าย สี่สิบกว่าล้านนะเฮ้ย ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นในทีวี ไม่คิดว่าจะได้เห็นกับตานะนี่”

“รถนี่มันสุดหรูเกินเลยนะ ที่มานี่จะต้องเป็นสุดยอดนักธุรกิจแน่ ๆ เลย”

“พูดส่ง แกเคยเห็นนักธุรกิจระดับนักล่าที่ไหนจะมานั่งรถสปอร์ต?มีแต่ซื้อให้รุ่นลูกเค้าใช้”

พวกรถโรลส์รอยซ์ที่ขับเคลื่อนตัวเข้ามาไม่เหมือนพวกกลุ่มรถสปอร์ต เสียงที่ดังขึ้นจากการเร่งเครื่อง เงียบจนรอบบริเวณยังเงียบ การเข้ามาเปรียบกันกับที่กลุ่มรถสปอร์ตเข้ามานั้น สร้างความสะเทือนขวัญให้กับความรู้สึกของคนมากกว่าเสียอีก

ขณะนั้นเอง รถหรูคันที่นำหน้ามาได้จอดลง ตามมาคือโชเฟอร์ที่ใส่ถุงมือสีขาวลงมาจากรถ เปิดประตูรถออก

“แม่งเอ๊ย นี่สิวะคนมีเงินจริง เทียบกับพวกลูกเศรษฐีที่เป็นแต่เผาเงินเล่นแล้วดูยอดเยี่ยมกว่ากันเยอะ”

“จะลงรถขึ้นรถไม่ต้องขยับมือ บริการแบบนี้ อั๊วก็อยากได้ลิ้มรสมั่งหวะ”

“คิดได้นะมึงนี่ ระดับโชเฟอร์นี่ยังสูงเกินไปสำหรับเอ็งเลย เอ็งก็ยังคิดได้นะ”

คนข้าง ๆ พูดไปหัวเราะไป

หลังจากประตูรถเปิดออก ผู้ชายใส่เสื้อคลุมขนมิ้งค์สีขาวคนหนึ่งเดินออกมา ผู้ชายคนนั้นใส่แว่นกรอบดำ บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นรอยใหญ่ ทุกคนต่างสั่นสะท้านขึ้นในใจ นี่ก็คือจอมห้าวตาเดียวกัวเฉิงนั่นเอง!

นั้นคือเจ้าบ้าตระกูลอันดับหนึ่ง ทั่วทั้งเมืองหนานเจิ้นมีใครไม่เคยได้ยิน มีใครไม่เคยรู้จัก?

อีกทั้ง นอกจากนี้แล้ว เขายังมีอีกฐานะหนึ่ง

เขาก็คือคุณพ่อของกัวปู๋เจิ้น

“คุณพ่อ พ่อมาแล้ว!”

กัวปู๋เจิ้นเห็นว่าเป็นคุณพ่อของเขามาเอง รีบถลาเข้าไปหา

กัวเฉิงไม่พูดไม่จา แต่สีหน้าที่ขึงขัง ใคร ๆ ก็มองออกว่าเขากำลังมีอารมณ์ที่เคร่งเครียด

ทุกคนมองดูแล้วต่างก็อึ้งแล้วอึ้งอีก บรรยากาศตอนนี้ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนี้หนอ?หรือมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว?

“ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก พวกเราเพียงแต่มาหาคนคนหนึ่ง” พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างกัวเฉิงพูดขึ้น สายตาทั้งคู่กวาดมองไปรอบ ๆ

“คุณพ่อ ก็ไอ้หมอนี่แหละที่ต่อยผม พ่อต้องแก้แค้นให้ผมนะ มันถึงขนาดมองตระกูลเราไม่อยู่ในสายตาเลย!” กัวปู๋เจิ้นชี้ไปที่มู่เซิ่งพลาง พูดเสียงครวญไปพลาง

แต่ทว่า กัวเฉิงยังคงไม่พูดไม่จา

พ่อบ้านที่อยู่ข้าง ๆ นั้นชะงักอึ้งขึ้นมาในทันใด ชี้ไปที่มู่เซิ่ง

ฝ่ายกัวปู๋เจิ้นพอเห็นพ่อบ้านชี้ไปที่มู่เซิ่ง ในตอนนั้น แบะปากหัวเราะ “ฮ่า ๆ ไอ้เศษขยะ ปล่อยให้มึงใจกล้ามาต่อยกู กูจะบอกให้ โดนตัวกัวปู๋เจิ้นอย่างกูนี่เข้า ทั่วทั้งเมืองหนานเจิ้นไม่มีใครจะปกป้องแกได้!”

“ถ้าตอนนี้มึงจะยอมคุกเข่าลงขอขมา กูก็จะไว้ชีวิตหมา ๆ อย่างมึงไป ไม่งั้นก็รอตายได้แล้วมึง!”

และในขณะนั้นเอง กัวเฉิงก็ก้าวยาวเดินเข้าไปหามู่เซิ่ง

ใบหน้ายิ้มแย้มของกัวปู๋เจิ้นก็ยิ่งดูสะใจมากขึ้น เขาดูเหมือนมองเห็นภาพอยู่ว่า ต่อจากนี้จะเป็นภาพที่มู่เซิ่งคุกเข่าร้องขอชีวิต

บนใบหน้าของหยางเหม่ยหลินก็ส่อความเย้ยเยาะ ไม่คิดว่ามู่เซิ่งแหย่หาเรื่องถึงขนาดกัวเฉิงออกมาเอง แต่นี่ก็ยิ่งเป็นโอกาสที่จะบีบบังคับให้มู่เซิ่งต้องจำยอมได้อย่างดีเลย เธอพูดที่ข้างหูมู่เซิ่งว่า “มู่เซิ่ง ตระกูลกัวนี้ก็เป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหนานเจิ้น การที่ไปกระทบกระทั่งพวกเขา จะมีก็ตระกูลหยางของฉันสามารถปกป้องคุณได้ ถ้าคุณรู้กาลเทศะสักหน่อยละก้อ ฉันก็พอจะช่วยชีวิตคุณไว้ได้นะ”

มู่เซิ่งขี้คร้านที่จะไปยุ่งกับหยางเหม่ยหลิน มาถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังกล้าคิดจะบีบบังคับเขาอีก

หยางเหม่ยหลินเห็นมู่เซิ่งไม่พูด สะบัดเสียงฮึเย็นเยือก แล้วก้าวถอยห่างออกไปหน่อยหนึ่ง รอดูฉากสนุกที่จะเกิดกับมู่เซิ่ง

เธอก็อยากดูอยู่ มู่เซิ่งเอาความกล้าอะไรมา ถึงขนาดจะเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลอันดับหนึ่ง

ภายในสายตาของคนทั้งหมด กัวเฉิงค่อย ๆ เดินเข้าไปหามู่เซิ่ง สีหน้าที่เคร่งเครียดอยู่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มระรื่นเต็มหน้า ก่อนอื่นยังยืนตรงทำความเคารพอย่างนอบน้อมให้กับมู่เซิ่ง พฤติกรรมนี้ ทำเอาคนที่มองอยู่ทั้งหมดมึนตึ้บ

หมายความว่ายังไงนี่?ทำไมจู่ ๆ ก็ทำความเคารพให้นี่?

แต่แล้วในขณะนั้นเอง กัวเฉิงที่มองมู่เฉิงอย่างกลัวเกรงนั้น พูดยิ้มแย้มไปว่า “คุณก็คือคุณมู่นะครับ ท่านหลงให้ผมมารับคุณ เขาได้นำของนั้นมาแล้ว”

คำพูดนี้ ทำเอาทุกคนตกตะลึงงงกันไปถึงที่สุด

อะไรกัน

กัวเฉิงคนนี้ กลับเป็นว่าจะมารับมู่เซิ่ง?

นี่เรื่องอะไรไปมากันยังไงนี่?

หยางเหม่ยหลินก็คิดเตรียมจะดูมู่เซิ่งคุกเข่าลงร้องขอชีวิตยังไง แล้วเธอก็จะออกหน้า ตัดชิงเอายาเม็ดในมือของมู่เซิ่งไป คำพูดต่าง ๆ เธอก็ได้เตรียมคิดไว้พร้อมอยู่แล้ว ผลสุดท้ายแค่คำพูดนี้ของกัวเฉิง ทุกอย่างต้องถูกเหยียบทิ้งหมด

สีหน้าของเธอเดี๋ยวแดงเดี๋ยวเขียว ทำหน้าเบ้ดูไม่ได้เหมือนกินเอาน้ำเยี่ยวเข้าไป

ทุกคนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบยิ่งตื่นตะลึงไปใหญ่ มู่เซิ่งที่อยู่เบื้องหน้านี่ มีฐานะเป็นอะไรกันนี่?

“โอพระเจ้า เขากลับกลายเป็นเจ้าพ่อที่ซ่อนตัวอย่างไม่มีใครรู้จัก”

“ไม่ใช่มั้ง คนระดับไหนกันขนาดให้กัวเฉิงต้องมารับ?เบื้องหลังของเขาต้องยิ่งใหญ่มากเลยทีเดียวแหละ”

“ก็ว่าไง ข้ามองไม่ออกจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าคนระดับยิ่งใหญ่แบบนี้จะมานั่งกินปิ้งย่างที่นี่ได้ เฮ้อ รู้ก่อนหน้านี้ข้าต้องเข้าไปตีซี้ด้วยก็ดีเลย คนระดับนี้แค่ดีดนิ้วหน่อยเดียว ก็เปลี่ยนชีวิตข้าไปได้ทั้งชาติแล้ว”

เสียงฮือฮาในความอัศจรรย์ใจ ดังมาจากฝูงคนที่ล้อมดูเหตุการณ์กันอยู่

ส่วนกลุ่มพวกลูกเศรษฐี ต่างก็งงเซ่อกันอึ้งอยู่กับที่

“คุณพ่อ พ่อจำผิดคนหรือเปล่า?เขามันพวกเศษเดนขยะนะ จะเป็นคนที่คุณพ่อจะหาได้ยังไงกัน?พ่อบ้าน คุณพ่อ พวกท่านต้องมีผิดพลาดแน่นอน!” กัวปู๋เจิ้นตะโกนร้องพูดอย่างไม่ยอมรับ

ผลที่เขาเพิ่งอ้าปากพูด

“ผัวะ!”

กัวเฉิงยกมือขึ้น ฝ่ามือฟาดลงอย่างไม่มีลางบอกเหตุ ใส่เข้าเต็มหน้ากัวปู๋เจิ้น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง