“ปึง ปึง ปึง ปึง!”
เสียงหนักหน่วงดังต่อเนื่อง ทุกแต่ละคนต่างรู้สึกเพียงมีเงาดำผ่านไปวูบเดียว ก็เห็นเหล่าบรรดาลูกเศรษฐีถูกมู่เซิ่งซัดกลิ้งลงกับพื้นอย่างง่ายดาย แต่ละคนมือกุมท้องบ้างกอดแข้งขาบ้าง ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
ทุกคนที่ดูอยู่อึ้งกันไปหมด มองไปที่มู่เซิ่งด้วยสายตาที่คิดกันไม่ถึง ใครจะไปเชื่อว่าเด็กหนุ่มธรรมดาไม่มีอะไรดูเด่นเป็นพิเศษ จะต่อยตีเก่งได้ถึงขนาดนี้เลยเชียว?
ชายฉกรรจ์ไม่ใส่เสื้อนั่นก็อุทานขึ้นมาอย่างตื่นใจ ยกนิ้วโป้งขึ้นให้กับมู่เซิ่งและพูดว่า “โอ้โฮ ยอดจริง ๆ”
“เชียส ไอ้หนู มึงถึงขนาดกล้าต่อยกู มึงรอเดี๋ยวนะมึง เดี๋ยวกูจะเรียกเอายอดฝีมือบ้านกูมา มึงแน่จริงอย่าหนีนะมึง!” กัวปู๋เจิ้นมองตามสถานการณ์วันนี้แล้ว ก็รู้ว่าเจอยอดฝีมือจริงแล้ว แต่ถึงยังไงก็ถือว่าเขาก็ลูกหลานตระกูลมีระดับ รู้ว่ามีความเป็นจริงอยู่ของปรมาจารย์บู๊
เพราะฉะนั้นเขาจึงคิดจะโทรศัพท์เรียกปรมาจารย์บู๊ของตระกูลเข้ามา เพียงให้ปรมาจารย์บู๊ออกหน้า ก็จะไม่มีเรื่องอะไรที่จัดการให้จบไม่ได้!
กัวปู๋เจิ้นก็เคยได้พบเจอพวกนักสู้กะเลวกะลาดที่มีแต่ความกล้าบ้าบิ่นมา แต่พอเหล่าปรมาจารย์บู๊ออกมา ก็กลายเป็นเหมือนลูกไก่เซื่อง ๆ
“เฮอะ ๆ ต่อให้แกไปขนคนทั้งตระกูลออกมาหมด ก็ไม่มีทางจะสู้กับลูกพี่ใหญ่ของข้าได้!” เหยาเผิงพูดพร้อมเสียงหัวเราะ
“มึงรอไว้ มึงรออยู่นี่ไว้!” กัวปู๋เจิ้นไหนเลยจะทนรับกับความขายหน้านี้ได้ ทันทีนั้นก็ต่อโทรศัพท์ออกไป
แต่แล้ว พอเขากำลังกดหมายเลขโทรศัพท์ ข้างนอกตลาดกลางคืนนั้น เกิดมีเสียงอื้ออึงเอะอะกันขึ้นมา
สายตาทุกคู่มองออกไป ที่ประตูทางเข้าตลาดกลางคืน มีรถระดับสุดหรูตระกูลโรลส์รอยซ์เคลื่อนตัวตามกันมาเป็นคันต่อคัน ตราเครื่องหมายที่หน้ารถแต่ละคัน สาดประกายสีทองอร่ามแวววาว ดูระยิบระยับตา ทั้งขบวนนี้น่าจะมีถึงสิบคัน!
“อะไรของมันกันวะนี่ วันนี้เป็นวันอะไรกันนะ?รถสปอร์ตหรูมากมายก็ยังพอว่า ถึงกับยังมีโรลส์รอยซ์มาอีก วันนี้มีงานมอเตอร์โชว์รถหรูหรือไงนี่?”
“เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย แกดูคันนี้สิ โรลส์รอยซ์รุ่นมีการจำกัดจำหน่าย สี่สิบกว่าล้านนะเฮ้ย ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นในทีวี ไม่คิดว่าจะได้เห็นกับตานะนี่”
“รถนี่มันสุดหรูเกินเลยนะ ที่มานี่จะต้องเป็นสุดยอดนักธุรกิจแน่ ๆ เลย”
“พูดส่ง แกเคยเห็นนักธุรกิจระดับนักล่าที่ไหนจะมานั่งรถสปอร์ต?มีแต่ซื้อให้รุ่นลูกเค้าใช้”
พวกรถโรลส์รอยซ์ที่ขับเคลื่อนตัวเข้ามาไม่เหมือนพวกกลุ่มรถสปอร์ต เสียงที่ดังขึ้นจากการเร่งเครื่อง เงียบจนรอบบริเวณยังเงียบ การเข้ามาเปรียบกันกับที่กลุ่มรถสปอร์ตเข้ามานั้น สร้างความสะเทือนขวัญให้กับความรู้สึกของคนมากกว่าเสียอีก
ขณะนั้นเอง รถหรูคันที่นำหน้ามาได้จอดลง ตามมาคือโชเฟอร์ที่ใส่ถุงมือสีขาวลงมาจากรถ เปิดประตูรถออก
“แม่งเอ๊ย นี่สิวะคนมีเงินจริง เทียบกับพวกลูกเศรษฐีที่เป็นแต่เผาเงินเล่นแล้วดูยอดเยี่ยมกว่ากันเยอะ”
“จะลงรถขึ้นรถไม่ต้องขยับมือ บริการแบบนี้ อั๊วก็อยากได้ลิ้มรสมั่งหวะ”
“คิดได้นะมึงนี่ ระดับโชเฟอร์นี่ยังสูงเกินไปสำหรับเอ็งเลย เอ็งก็ยังคิดได้นะ”
คนข้าง ๆ พูดไปหัวเราะไป
หลังจากประตูรถเปิดออก ผู้ชายใส่เสื้อคลุมขนมิ้งค์สีขาวคนหนึ่งเดินออกมา ผู้ชายคนนั้นใส่แว่นกรอบดำ บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นรอยใหญ่ ทุกคนต่างสั่นสะท้านขึ้นในใจ นี่ก็คือจอมห้าวตาเดียวกัวเฉิงนั่นเอง!
นั้นคือเจ้าบ้าตระกูลอันดับหนึ่ง ทั่วทั้งเมืองหนานเจิ้นมีใครไม่เคยได้ยิน มีใครไม่เคยรู้จัก?
อีกทั้ง นอกจากนี้แล้ว เขายังมีอีกฐานะหนึ่ง
เขาก็คือคุณพ่อของกัวปู๋เจิ้น
“คุณพ่อ พ่อมาแล้ว!”
กัวปู๋เจิ้นเห็นว่าเป็นคุณพ่อของเขามาเอง รีบถลาเข้าไปหา
กัวเฉิงไม่พูดไม่จา แต่สีหน้าที่ขึงขัง ใคร ๆ ก็มองออกว่าเขากำลังมีอารมณ์ที่เคร่งเครียด
ทุกคนมองดูแล้วต่างก็อึ้งแล้วอึ้งอีก บรรยากาศตอนนี้ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนี้หนอ?หรือมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว?
“ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก พวกเราเพียงแต่มาหาคนคนหนึ่ง” พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างกัวเฉิงพูดขึ้น สายตาทั้งคู่กวาดมองไปรอบ ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...