หลายชั่วโมงต่อมา มู่เซิ่งจึงได้จัดการกับปลาใบไม้มรกต ปรุงกลั่นเป็นยาเม็ดจนแล้วเสร็จ
มองดูยาเม็ดสีเขียวหยกที่ดูมีชีวิตชีวาบนฝ่ามือ มู่เซิ่งก็ได้วางใส่ลงในขวดหยกที่จางเสวียนหลงจัดเตรียมไว้ให้ ปลาใบไม้มรกตนี้มีความพิเศษอย่างมาก ๆ ถึงแม้ได้ใช้วิธีปรุงกลั่นอย่างพิเศษตามที่บันทึกใน《ตำราทองตำนานเสวียน》แล้วก็ตาม อย่างมากก็สามารถยืดอายุสรรพคุณตัวยาได้สองเดือน ถ้าหากภายในสองเดือนนี้ เขายังไม่สามารถหายาเม็ดมาได้ สรรพคุณยานี้ก็จะสลายหายไปหมด
เพราะฉะนั้น เขาจะต้องใช้เวลาภายในสองเดือนนี้ หายาเม็ดนี้ให้ได้ มิฉะนั้นแล้ว ความพยายามที่ทำมาก็จะกลายเป็นศูนย์
มู่เซิ่งหยิบเอาโน้ตที่จางเสวียนหลงเขียนไว้ให้ออกมาดู ถึงกับอึ้ง แล้วได้แต่ส่ายหน้ายิ้มแห้ง ๆ
วิธีที่จางเสวียนหลงเขียนไว้ให้ไม่ใช่ยาก แต่ว่ามันทำให้มู่เซิ่งรู้สึกเหมือนความจงใจอย่างบังเอิญ ยาสมุนไพรตัวหลังสุดนี้ กลับเป็นของที่ต้องไปเอาให้ได้จากสี่องค์กรใหญ่ อีกทั้งยังอยู่กับขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน ซึ่งจะต้องใช้วิธีเก็บคะแนนเพื่อแลกให้ได้มา
มู่เซิ่งให้รู้สึกทอดอาลัยนิด ๆ เขาเพิ่งจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของครูฝึกฝานหรง ตอนนี้กลับต้องหาทางเข้าไปในสี่องค์กรใหญ่นั้น นี่คงจัดว่าเป็นการเล่นตลกกับคนของพรหมลิขิตแล้ว
ทว่าจะทำยังไงได้ เหตุการณ์ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว มู่เซิ่งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเลิกไปกลางคัน
……
ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง
การแข่งขันของบรรดาคนในโกดังยังคงดำเนินกันต่อ ถึงแม้มีเหตุผิดพลาดไปบ้าง แต่ขาดเซียวจ้านไปคนหนึ่ง ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่เซิ่งกลับมาที่โกดัง คนทีมงานทั้งหมดก็อยู่ในพื้นที่ พอพวกเขาเห็นมู่เซิ่ง ต่างก็รู้สึกผิดคาดอย่างมาก
แต่ทว่า ทั้งหมดมีกว่าครึ่งที่คาดว่ามู่เซิ่งเมื่อรู้ถึงความร้ายกาจของหน่วยรบเต่าดำแล้ว จึงเจาะจงตั้งใจกลับมาขอสมัคร
ถึงยังไงในสายตาแต่ละคน มู่เซิ่งก็เป็นคนธรรมดาที่มีฝีมือกังฟูอยู่บ้างเท่านั้น สมัครเข้ามาอยู่ในหน่วยรบเต่าดำ จึงจะมีโอกาสได้ก้าวกระโดด ไม่งั้นก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปอย่างเดิม ไม่มีคนสนับสนุนเบื้องหลัง เขาจะเป็นอะไรก็ไม่ใช่
คนอื่นใคร ๆ ก็คิดแบบนี้ มีเพียงหยางฟางฟางคนเดียวไม่ เพราะหยางฟางฟางรู้ลึกถึงความเก่งกาจของมู่เซิ่งอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งเมื่อวานนี้พี่สาวคนรองของเธอแพ้กลับมา คนอย่างมู่เซิ่งนี้ เป็นไปได้ยังไงที่จะเปลี่ยนใจด้วยผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย
“เหอ ๆ มู่เซิ่ง แกกลับมาจนได้นะ เป็นยังไง ที่กลับมาตอนนี้คงคิดมาดีแล้วสินะ คุณหนูหยางก็บอกให้แกฟังหมดแล้ว ผลได้ผลเสียเป็นยังไง เป็นเรื่องที่คนเรารู้อยู่ว่าจะเลือกอะไร”
“กลับมาก็ดีแล้ว ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรบพิเศษเต่าดำ ไม่ใช่คนทั่วไปจะเป็นได้นะ อีกหน่อยถ้าเข้าสังกัดในหน่วยรบเต่าดำแล้ว ชื่อเสียงลาภผลก็จะเป็นสิ่งที่หยิบฉวยเอาได้เลยแหละ”
“ใช่เลยนะมู่เซิ่ง อีกหน่อยมีอะไรก็ช่วย ๆ กันมั่งนะ”
แต่ละคนพูดกันไปวิจารณ์กันมา ถึงแม้พวกเขาส่วนใหญ่มองมู่เซิ่งไม่ขึ้น แต่มู่เซิ่งถ้าเข้ามาอยู่กับหน่วยรบเต่าดำ เริ่มต้นเขาก็ได้เป็นถึงหัวหน้าหน่วยรบพิเศษ ตำแหน่งยังสูงกว่าหัวหน้าเซี่ยเสียอีก ถ้าตอนนี้ไปกระทบกระทั่งมู่เซิ่ง เกิดว่าเขาเป็นคนใจแคบ ต่อไปคอยหาเรื่องให้จะทำยังไง?
เพราะอย่างนี้จึงมีแต่คนหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ปากก็ยังต้องคอยพูดประจบ
“มู่เซิ่ง คุณตอนนี้กลับมาทำไมอีกเหรอ?” หยางฟางฟางก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ถ้าผมเข้ามาอยู่หน่วยรบเต่าดำแล้ว ผมจะเข้าไปในขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนได้ไหม?” มู่เซิ่งถาม
หยางฟางฟางชะงัก มู่เซิ่งถามมาแบบนี้ หรือเขาจะตัดสินใจเปลี่ยนใจ จะมาเข้าหน่วยรบเต่าดำจริง ๆ หรือ?
แต่แบบนี้ ไม่เหมือนมู่เซิ่งที่เธอรู้จักนี่นา
ฝานหรงก็ผวางงไปนิด แต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนแสดงออกในความรู้สึกดีใจอย่างลิงโลด รีบพูดไปว่า “พวกเราสี่องค์กรใหญ่ก็คือหน่วยงานที่คอยจัดหาคนชั้นดีเลิศไปให้กลุ่มพันธมิตรนักเสวียน ฉะนั้นแม้คุณจะไม่พูดถึง ก็คงได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนไม่ช้าไม่นานนี้เป็นแน่”
“อีกทั้งกองกำลังเตรียมรบนี้ ทุกเดือนจะมีเปิดการแข่งขันครั้งหนึ่ง เดือนนี้พอดีเพิ่งเปิดไปแล้ว คุณจะลองเข้าไปในเดือนหน้าก็ได้ หลังจากเข้ามาในขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนแล้ว ก็หมายถึงว่าคุณก็ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนเข้าไปครึ่งตัวแล้ว”
พูดแล้ว ครูฝึกฝานหรงก็เสริมต่ออีกว่า “แต่ทว่า การรับสมัครสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาหรอกนะ ระดับปรมาจารย์บู๊เป็นเพียงพื้นฐาน ในนั้นยังมีประเภทข้ามขั้นต่อสู้ก็มีไม่น้อย เพราะฉะนั้น การที่คุณสมัครเข้าไปเป็นครั้งแรกแล้วต้องพ่ายแพ้คงเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ”
“แต่ว่าถ้าคุณอยู่ภายใต้การชี้แนะของผม ห้าปี ไม่ ภายในสามปี ผมรับรองได้ว่าคุณต้องเข้าไปอยู่ในขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนได้แน่”
“สามปี จะเร็วไปมั้ง?”
“ดูครูฝึกฝานหรงจะมั่นใจในตัวมู่เซิ่งมากเกินไปนะ”
“อาศัยอะไรนั่น?ความอัจฉริยภาพของมู่เซิ่งมันจะสูงแค่ไหนเชียว ต่อให้ว่าเอาชนะเซียวจ้าน ก็ไม่น่าจะไปถึงขั้นนั้นได้มั้ง?”
คนทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ กลุ่มพันธมิตรนักเสวียนก็มีแบ่งอยู่เป็นชั้นสาม หก เก้า ยังมีอันดับธรรมดาที่สุด ขอเพียงเป็นนักเสวียนก็เข้าได้ อีกยังมีชั้นหัวกะทินักเสวียน กับชั้นสุดยอด นักเสวียนสุดยอดแห่งพรสวรรค์
และผู้ที่ผ่านขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนนั้น ก็คือยอดหัวกะทิของนักเสวียน ความยากในเงื่อนไขนั้น ไม่ต้องพูดถึง
พวกเขายังไงก็คิดไม่ตกว่า ทำไมครูฝึกฝานหรงจะมองเห็นความสำคัญในตัวมู่เซิ่งถึงขนาดนี้
หลังจากครูฝึกฝานหรงได้พูดจบ ก็ใช้สีหน้าที่ภาคภูมิใจมองไปที่มู่เซิ่ง เขามีความมั่นใจในสมรรถนะการฝึกสอนของเขาอยู่มาก จึงกล้าที่จะคุยโม้ได้เต็มปาก ถ้าเปลี่ยนเป็นครูฝึกอีกสามทีม คงไม่มีใครกล้าพูดเหมือนกับเขาแบบนี้
“ได้ ไว้เดือนหน้า ผมจะไปสมัคร” มู่เซิ่งผงกหัวพูดไป
หยางฟางฟางถึงกับอึ้ง มู่เซิ่งตกลงรับปากสมัครเข้าจริง ๆ แล้วหรือนี่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...