เมื่อมู่เซิ่งกลับไปถึงโรงแรม ก็พอดีพบกับนักศึกษาสาวมัธยมปลาย ยืนชะเง้อหันมองซ้ายมองขวาอยู่
ข้าง ๆ เด็กนักศึกษาสาวคนนั้น ยังมีสาวทรงโตยืนอยู่ด้วย ทรงผมย้อมทองมองสะดุดตา ยืนพิงข้าง ๆ รถเก๋งบีเอ็มคันสีแดง
นักศึกษาสาวคนนั้นพอเห็นมู่เซิ่ง ก็รีบโบกมือให้ เดินตรงเข้ามาหา
“ในที่สุดก็ได้พบคุณแล้ว!” เด็กสาวทรงโตคนนั้นลากนักศึกษาสาวที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยปากพูดขึ้น “ฉันชื่อซูอีเข่อ คนนี้เป็นเพื่อนซี้ชื่อถงเสี่ยวเย่ เธอเล่าเรื่องเมื่อวานให้ฉันฟังแล้ว ฉันเลยตั้งใจพาเธอมาขอบคุณคุณ”
“อ่า ขอบคุณ.......” ถงเสี่ยวเย่เอาแต่ก้มหน้า เสียงพูดฟังแปลก ๆ
“ไม่เป็นไร”
มู่เซิ่งหัวเราะแห้ง ๆ คนเขาตั้งใจจะช่วยเขาในตอนนั้น จึงถูกเจ้าลูกเศรษฐีนั่นรังแก ถ้ามู่เซิ่งวางตัวเฉยไม่ช่วย นั่นถึงจะเป็นเรื่องไม่ใช่
“พวกฉันเป็นเพื่อนนักเรียนกัน พี่ชาย คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” ซูอีเข่อดูจะเป็นคนคล่องตัวกว่าถงเสี่ยวเย่มาก ลักษณะนิสัยอย่างถงเสี่ยวเย่นี่ มู่เซิ่งคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าตอนนั้นเธอทำไมถึงกล้าออกหน้ามาช่วย
“ผมมาจากต่างถิ่น จะมาทำธุระที่นี่หน่อย” มู่เซิ่งก็บอกไปตามจริง
“อ๋อ ๆ เป็นงี้เองเหรอ” ซูอีเข่อผงกหัวแล้วพูด “พี่ชาย ฉันเรียกคุณยังไงดี?”
“เรียกผมว่ามู่เซิ่งก็ได้” มู่เซิ่งผงกหัว
“ได้ เรียกคุณว่าพี่มู่ละกัน”
ซูอีเข่อดูโตเต็มวัยกว่าถงเสี่ยวเย่อย่างชัดเจน เธอเดินขึ้นหน้ามา ถึงขนาดโอบไหล่มู่เซิ่งเริ่มตีสนิทคุยกันฉันพวกพ้อง พอรู้ตัวว่าหุ่นเล็กไปเลยต้องก้าวถอยออกมาหน่อย พูดว่า “พี่มู่ ฉันเห็นถงเสี่ยวเย่บอกว่าพี่ต่อยตีเก่ง พี่เคยเรียนมาเหรอ?”
“พอได้ ฉันฝึกเรียนเอง” มู่เซิ่งตอบไป
“คืองี้ พี่มู่ ฉันมีเรื่องอยากขอร้องพี่มู่ช่วยหน่อยได้ไหม?” ซูอีเข่อพูด
มู่เซิ่งถึงกับสะอึก ตามมาด้วยสีหน้าแบบยิ้มฝืน ๆ มองไปที่ถงเสี่ยวเย่ถามว่า “พวกเธอสองคนมาหาผมนี่ คงไม่ใช่มาชวนให้ผมไปตีกับใครนะ?”
ถงเสี่ยวเย่หน้าแดง เธอไม่เคยรู้จักมู่เซิ่งเลย แล้วมาขอให้เขาไปช่วยแบบนี้ มันไม่สบายใจเอาเลยจริง ๆ
ซูอีเข่อกลับพูดไปอย่างเปิดเผยชัดเจน “ใช่แล้ว พี่มู่ พี่ไปช่วยพวกฉันตีกันหน่อย”
“……”
มู่เซิ่งก็อึ้งพูดไม่เป็นเลย
ยัยเด็กสองคนนี้กลับมาให้ตัวเขาเป็นพวกนักตีกัน เขาเตรียมจะบอกปฏิเสธไป แต่นึกกลับอีกที ตัวเองก็ยังต้องอยู่ที่นี่อีกระยะหนึ่ง นอกจากการแข่งขันของสี่องค์กรใหญ่แล้ว ใกล้ ๆ นี้ที่จะมีงานสัมมนาที่กลุ่มเศรษฐีนักธุรกิจจัดขึ้น ก็ยังต้องอีกอาทิตย์หนึ่งไปแล้ว ในช่วงนี้เขาก็ว่างอยู่ไม่ได้ทำอะไร ก็ไปช่วยกันหน่อยจะเป็นไรไป
มู่เซิ่งจึงได้พูดไปว่า “จะให้ไปช่วยเมื่อไหร่?แต่ผมบอกก่อนนะ ผมสู้กับคนมากเกินก็ไม่ไหวนะ”
“ไม่เป็นไร คุณยอมมาด้วยก็โอเคแล้ว!” ซูอีเข่อพูดด้วยความตื่นต้น เธอยังคิดว่ามู่เซิ่งจะไม่ยอมตกลงเสียอีก แล้วก็ใช้มือตบ ๆ รถบีเอ็มคันสีแดงนั้น พูดด้วยความสะใจว่า “พี่มู่ ขึ้นรถฉันไปเลย”
ดูท่ายัยซูอีเข่อคนนี้ก็คงเป็นพวกลูกสาวเศรษฐี คนธรรมดาทั่วไปคงไม่มีปัญญาซื้อรถระดับห้า/หกแสนอย่างบีเอ็มแบบนี้ได้หรอก แต่ภายในรถของเธอ กลับติดประดับรูปอย่างเว่อของมีดพกและอาวุธประเภทดูแล้วหนาว คลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือด ดูแล้วไม่เข้ากับสไตล์ของซูอีเข่อเลย
มู่เซิ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้ถึงได้ชอบของที่ดูรุนแรงคลุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือดแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...