พอพูดถึงเทควันโด ซูอีเข่อก็หมั่นเขี้ยวขึ้นมาทันที อดไม่ได้ทึ่จะพูดไปว่า “ไอ้สโมสรเทควันโดมันจะโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้มันสูงเลิศยังไงก็เรื่องมัน ยังไงเราก็ไม่ไปควบคุมมันได้ แต่มันกลับมาบีบบังคับให้พวกเราไปเข้าร่วมทีมกับสโมสรเทควันโด บอกว่าถ้ามีพวกเราร่วมด้วย ก็จะมีแรงดึงดูดให้คนไปเข้าเทควันโดมากขึ้น”
พวกเธอก็ไม่ชอบขี้หน้าพวกสโมสรเทควันโดอยู่แล้ว ฉะนั้นกับการขอมาแบบนี้ ก็แน่นอนว่ามีแต่ปฏิเสธ
สรุปหลังจากนั้น สโมสรเทควันโดก็คอยตามรังควานพวกเธอ มีครั้งหนึ่งกำลังเล่นบอลกับกลุ่มเพื่อนในสนามวอลเล่บอล พวกกลุ่มคนของสโมสรเทควันโดก็บุกเข้ามา บอกว่าพวกมันจะใช้พื้นที่นี้มาฝึกซ้อม สั่งให้พวกเขาไสหัวออกไป
แล้วจะให้พวกเธอยอมได้ยังไง
อีกทั้งพวกเธอก็ผูกความเจ็บแค้นกับพวกสโมสรเทควันโดมานานแล้ว ฉะนั้นมาในครั้งนี้ทุกอย่างก็ระเบิดขึ้น คนทั้งสองฝ่ายเกิดปะทะกันขึ้น นักศึกษาชายหลายคนถูกพวกสโมสรเทควันโดอัดจนหน้าช้ำดำเขียว ซูอีเข่อนั้นเป็นคนเอาหน้าอยู่แล้ว อีกทั้งเธอก็รู้ว่าเพราะตัวเธอเองกับถงเสี่ยวเย่ไม่เห็นด้วยที่จะไปเข้าสโมสรเทควันโด จึงทำให้เพื่อน ๆ ต้องเจ็บตัว
ด้วยเหตุนี้ พวกเธอทั้งสองจึงประกาศว่าจะต้องเอาคืน และยังบอกว่าจะไปถล่มถึงที่โรงเรียนพวกมันให้ได้!
เรื่องนี้มีการคุยกันเซ็งแซ่ไปอย่างกว้างขวาง เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นนักเทควันโดสายดำที่มีพลังฝีมือแข็งแกร่งมาก ยังประกาศไว้ว่าไม่มีกลัวพวกเขา
ทำความเข้าใจในรายละเอียดแล้ว มู่เซิ่งผงกหัวไม่พูดอะไร ทำตัวให้สมกับเป็นนักสู้มืออาชีพ อย่างที่พวกเธอวางให้และเรียกเขามา
เขาก็พอรู้เรื่องเทควันโดอยู่บ้าง เป็นวิชาบู๊ที่ประเทศมูถือเป็นความภาคภูมิของเขา เห็นได้จากการแสดงในเวทีสื่อต่าง ๆ วิชาพลังฝีมือนี้ว่ากันไปตามคนทั่วไปจะโดดเด่นมาก แต่กับมู่เซิ่งนั้น มันก็แค่มวยเล่นโชว์ตามงานวัด
พลังฝีมือการต่อสู้ (กังฟู) เน้นเรื่องโหดเร็วแม่นยำ ไม่ใช่ประเภทเอาแต่กระโดดเตะกระดานโชว์
“พี่มู่ พวกมันข่มเหงกันมากไปแล้วนะ พี่ต้องช่วยไปถล่มถึงถิ่นมันเลยนะ!”
ซูอีเข่อชูกำปั้นที่ขาวเนียนพูดไป เธอเห็นสโมสรเทควันโดนี้อย่างขัดลูกตามานานแล้ว
“ช่วยพวกเราได้มั้ย?” ถงเสี่ยวเย่ก็มองมู่เซิ่งตาละห้อย
มองดูซูอีเข่อกับถงเสี่ยวเย่สองเด็กนักศึกษาสาวน้ำตาเริ่มเอ่อมาคลอเบ้า พวกเธอสู้อุตส่าห์พาเขาเองมาเดินชมมหาวิทยาลัยอยู่ครึ่งค่อนวัน มู่เซิ่งจะปฏิเสธตอนนี้ก็จะดูกระไรอยู่
“พวกเราไปที่สโมสรเทควันโดดูกันก่อน ไม่แน่ว่าจะมีวิธีแก้ปัญหากันได้ด้วยสันติวิธีนะ” มู่เซิ่งตอบหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
ถึงแม้เรื่องนี้เขาสามารถแก้ได้อย่างสบาย ๆ แต่จะให้เขาไปรังแกพวกนักศึกษาที่ไม่ได้เรียนรู้วิชาบู๊กันจริงจัง มู่เซิ่งรู้สึกว่าจะทำไม่ลง
“ก็ดี” หน้ายิ้มของซูอีเข่อต้องถูกซุกเก็บขึ้น แต่เธอก็ไม่สามารถฝืนขอ ได้แต่เดินตามหลังมู่เซิ่งไป
เธอยังคิดว่ามู่เซิ่งคงห่วงว่าเรื่องนี้จะถูกอาจารย์ผู้ปกครองเอาเรื่อง ก็ได้คอยพูดย้ำตามอยู่ข้างหลังว่า “พี่มู่ ถึงเวลาที่พี่มู่จะต้องเล่นแรงก็เอาเต็มที่เลยนะ ที่พวกเราไปสโมสรเทควันโดนี้เป็นการท้าประลองกันตามครรลองปฏิบัติ มีการวางหนังสือท้าประลองเป็นทางการ เพราะฉะนั้นถึงแม้พี่จะไปทำใครให้บาดเจ็บก็ไม่มีให้เป็นคดีความ”
มู่เซิ่งผงกหัว
ทั้งสามคนก็พากันมาถึงข้างนอกสโมสรเทควันโด สภาพสโมสรเทควันโดเวลานี้ ไม่เสียทีที่เป็นสโมสรที่ใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัย ข้างในนั้นเห็นมีคนนั่งอยู่อย่างดูคึกคัก อย่างน้อยคงมีกว่าสองร้อยคน
บุคลากรหลักของสโมสรเทควันโดหลายสิบคน ต่างก็นั่งอยู่ตามจุดตำแหน่ง ลักษณะเตรียมพร้อมในการฝึกอบรม
“โอ้โห ซูอีเข่อ เธอเอาคนมาจริงเลยหรือนี่?เธอนี่นับว่าใจกล้าจริง ๆ นะ” ชายหนุ่มย้อมผมสีเขียว แต่งชุดเทควันโดพูดขึ้น
ข้างหลังตัวเขาตามมาด้วยลูกศิษย์ไม่น้อย ดูฟอร์มใหญ่เต็มที่
“ไอ้หัวเขียวอย่างแกไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะคุยกับระดับแม่มึงอย่างข้า ประธานพวกมึงอยู่ไหน?ให้มันไสหัวออกมา!” ซูอีเข่อพูดไปด้วยเสียงอันดัง แววตาดุดัน วางมาดแบบเจ้าแม่ในวงการ
“เฮอะ ๆ ประธานพวกเรากำลังเตรียมการสอนอยู่ ไม่มีเวลามาใส่ใจพวกแกหรอก” คนผมเขียวแสยะยิ้มพูด
“วางมาดคุยโวเป็นลมตด!ไอ้หัวเขียวเดนตาย ข้าจะบอกให้ วันนี้เป็นวันตายของเทควันโดของพวกแกนี้!” ซูอีเข่อพูดไปอย่างแค้นเคือง
ไอ้หนุ่มผมเขียวหัวเราะอย่างเห็นไม่เป็นเรื่อง “วันตายของสโมสรของข้า?ด้วยแกนี่นะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...