“โอเค เรื่องนี้ขอให้หยุดอยู่แค่นี้นะ” ท่านสามพูดเสียงเย็นเฉียบ “ถ้าต่อไปมีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้”
พูดจบ ท่านสามเดินนำหน้าทุกคนออกจากห้อง โดยที่ไม่หันหน้ากลับมามองเลยด้วยซ้ำ
รอจนท่านสามเดินออกไปแล้ว สีหน้าของบรรดาญาติๆ ต่างคลี่ยิ้มออกมา
“มู่หลง เมื่อกี้ที่ฉันไม่ยอมช่วย นายอย่างโกรธกันนะ เรื่องแบบนี้ ฉันก็ไม่สามารถช่วยได้”
เจียงเถ้อฉินที่เพิ่งสบถด่าแรงที่สุดอยู่เมื่อครู่เป็นคนเอ่ยปากอธิบายก่อน
“ใช่ อารมณ์ของคุณปู่ใช่ว่าแกจะไม่รู้ ยิ่งช่วยพูดให้แก เขาก็จะโกรธหนักขึ้นกว่าเดิม” หานเสี่ยพูดสมทบ
เฉินเสว่ไม่ได้สนใจคนสองคนนี้ พลันหัวเราะร่วนออกมาทันที “ฮ่าๆๆ เจียงหว่านเอ๋ย ผิดหวังมากใช่มั้ย? ตำแหน่งลูกชายฉันในตระกูลเจียง แกสู้ไม่ได้หรอก!”
“ลูกรัก เราไปกันเถอะ โปรเจคที่มันจะล้มอยู่แล้ว ใครจะไปสนใจ”
“วัสดุที่แกสอดไส้เข้ามา ก็รอความพินาศตอนที่ตระกูลมู่พบเจอเถอะ!”
เมื่อได้ยินการถากถางของมารดา เจียงมู่หลงลุกขึ้น พลางชำเลืองมองมาทางเจียงหว่านด้วยความสะใจ “เจียงหว่าน ครั้งนี้ถือว่าแกชนะ แต่รอเอาไว้ให้ฉันลงมือคราวหน้า แกคงไม่ได้โชคดีขนาดนี้แน่!”
“ส่วนมึง ไอ้กระจอก!”
สายตาของเขาจ้องมาที่ตัวมู่เซิ่ง และพูดถ่มน้ำลายลงพื้นเต็มที่ “ต่อไปอย่าแส่มาปรากฏตัวอยู่หน้ากู ไม่งั้นกูจะต่อยมึง ทุกครั้งที่เห็นหน้ามึง”
ระหว่างพูด
ครอบครัวของเจียงมู่หลงเดินออกไปอย่างเต๊ะท่า
ความหยิ่งผยองอย่างเปิดเผย
ไร้การปกปิดใดๆ!
“เจียงมู่หลง แกลืมคำสาบานของแก หรือเปล่าวะ?” มู่เซิ่งเดินมาหยุดทางด้านหน้าเจียงมู่หลง และดักหน้าและพูดเจียงมู่หลง
เจียงมู่หลงหันหลังกลับ เมื่อเห็นมู่เซิ่งอยู่คนเดียว จึงพูดเหยียดหยาม “ไอ้กระจอก เฮียเฮยเจียวที่มึงแม่งไปหามากลับไปแล้ว ไอ้ลูกเขยเศษสวะอย่างมึงคนเดียว ยังอยากจะลงมือกับกูขนาดนั้นเชียวเหรอวะ?”
“เรื่องนี้ ท่านสามลืมไปแล้ว แต่ฉันยังไม่ลืม ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดขอแนะนำให้แกนั่งคุกเข่าลงซะ” มู่เซิ่งจ้องมองเจียงมู่หลง พลางพูดด้วยความนิ่งสงบ
“ไอ้สัตว์ ถึงแม้กูเคยพูดคำพูดนี้ออกไป แล้วยังไงวะ? ในฐานะที่มึงเป็นหมาตัวหนึ่งของตระกูลเจียง มึงควรตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงามึงด้วย!” เจียงมู่หลงกัดฟันพูด
“มึงกล้าลงมือกับกูเหรอวะ? กูจะบอกคุณปู่กูมึงเชื่อมั้ย!”
ป๊าบ!ป๊าบ!
มู่เซิ่งขี้เกียจพูดให้เปลืองน้ำลาย จึงใช้เท้าเตะไปสองที
การใช้ปลายเท้าเตะอย่างแม่นยำไร้ความผิดพลาดตรงบริเวณหัวเข่าของเจียงมู่หลง เขาส่งเสียง ‘ซู้ดซ้าด’ ออกมาและนั่งคุกเข่าลง ตรงตำแหน่งของเจียงหว่านอย่างประจวบเหมาะ ไม่มีบิดเบี้ยวสักนิด
“รีบคุกเข่าไปตั้งแต่แรกก็จบแล้ว” มู่เซิ่งพูด
เจียงมู่หลงมันเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดไม่ถึงว่ามู่เซิ่งจะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ที่เตะเขาโดยไม่สนใจชื่อเสียงของคุณปู่ด้วยซ้ำ!
“ถ้าพวกคุณสองคนยินยอมพร้อมใจ มานั่งคุกเข่าตรงนี้พร้อมกันก็ได้นะ ผมไม่ถือสาเรื่องที่จะเตะเพิ่ม มีเรื่องบางอย่าง ที่ท่านสามหลงลืมไปแล้ว แต่ผมไม่ลืม” มู่เซิ่งมองมาที่พ่อแม่ของเจียงมู่หลง ลักษณะท่าทางโกรธแค้นที่เตรียมลงมือ จู่ๆ ก็แสยะยิ้มและพูดขึ้นมา
พลันเตือนสติเรื่องประตูบ้านเจียงหว่าน เจียงไห่เชากับเฉินเสว่ถอยกรูดกันพัลวัน ด้วยความหวาดกลัว
มู่เซิ่งหัวเราะร่วน และพาเจียงหว่านลงบันไดไป
เจียงหว่านนั่งลงตำแหน่งคนขับรถ ทางด้านหน้า แต่ยังไม่ยอมสตาร์ทรถ มู่เซิ่งมองออก เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า สร้างความกดดันอยู่ในใจของเธออย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา
“ต้องการไหล่มั้ยครับ?” มู่เซิ่งค่อยๆ เขยิบมาทางด้านหน้า
“มู่เซิ่ง คุณว่าเรื่องนี้มันเกิดเพราะอะไร ทำไมผลมันออกมาแบบนี้ทุกครั้งเลยคะ ทำไมคุณปู่ถึงไม่คำนึงถึงความรู้สึกของฉันเลยสักครั้ง หรือว่าในสายตาของคุณปู่ มีแค่เจียงมู่หลงคนเดียวใช่มั้ยที่เป็นสายเลือดของเขา!” เจียงหว่านอดกลั้นไม่อยู่ จนกระโจนเข้าซบหัวไหล่ของมู่เซิ่งและร้องไห้ฟูมฟายออกมา
มู่เซิ่งตบหัวไหล่เจียงหว่านแผ่วเบา สีหน้าเย็นชาจนน่าหวาดกลัว
สำหรับในมุมมองของเขาแล้ว การที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อให้เจียงมู่หลงลิ้มรสความลำบากเล็กน้อยเท่านั้นเอง เพราะว่าในตระกูลเจียงนี้ ท่านสามลำเอียงจนไร้ขอบเขต! ให้สำนึกผิดอยู่ในบ้านเจ็ดวัน การลงโทษแบบนี้ มันน่าตลกขบขันเสียเหลือเกิน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...