แสงเปล่งประกายวับวาวออกมาจากกล่องของขวัญ
เจิดจ้า แพรวพราว มากกว่าตอนที่จางเหวินเจี๋ยเปิดกล่องของขวัญขึ้นเสียอีก!
“โอ้ว เหมือนจะเรืองแสงมากเลยทีเดียว จากสถานะของนายแล้ว คงจะไม่ได้ไปซื้อหลอดไฟมาให้กับหล่อนหรอกนะ? ” หลี่นั่วหนานตกใจขึ้นก่อน พร้อมกับหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “มอบของขวัญ ไม่ใช่ว่าของใครแพงกว่าแล้วจะดีกว่านะ! ”
เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมหลายคนพากันยิ้มเยาะ เหยียดหยามพฤติกรรมที่ไม่ประมาณตนของมู่เซิ่ง
หากจะมาเปรียบเทียบกับผู้จัดการบริษัทมู่หรานว่าใครมีเงินมากกว่ากัน?
นายจะไปเทียบได้อย่างนั้นเหรอ?
มู่เซิ่งอมยิ้ม และเปิดกล่องขึ้น พร้อมกับหยิบสิ่งของที่อยู่ภายในออกมา ปรากฏต่อหน้าของทุกคน
ว้าาา----
สร้อยคอเพชรที่ยาว ได้ถูกมู่เซิ่งถือไว้อยู่ในมือ
เพชรสิบสองเม็ดกระทบกันในอากาศ เกิดเสียงดังเปาะแปะราวกับเสียงกระทบกันของคริสตัล อัญมณีที่อยู่ด้านบนนั้น เปล่งประกายสดใส เจิดจ้าแพรวพราว
โดยอัญมณีเม็ดที่อยู่ตรงกลางนั้น ก็คือทับทิมที่เจิดจ้า ขณะที่อยู่ใต้แสงไฟ ประกายความบริสุทธิ์และสดใส ราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน พุ่งตรงใส่จิตวิญญาณ
สวยงามมากเลย!
เมื่อนำสร้อยคอสองเส้นมาเปรียบเทียบ ทำให้สร้อยคอเส้นที่จางเหวินเจี๋ยมอบเป็นของขวัญนั้น พลันมืดมิดด้อยมูลค่าลงทันที และที่ตลกมากกว่านั้นก็คือ สร้อยคอเส้นที่เขามอบเป็นของขวัญ เพชรเม็ดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางนั้น ก็ยังเทียบไม่ได้กับเพชรเม็ดเล็กของมู่เซิ่งที่ใช้เป็นเครื่องตกแต่งเลย
มู่เซิ่งหัวเราะ และพูดขึ้นว่า: “นายพูดสิว่า ที่นายมอบนั้นมันขยะใช่หรือไม่? ”
สีหน้าของจางเหวินเจี๋ย ก็พลันขาวซีดลงในทันที
มู่เซิ่งนำสร้อยคอของจางเหวินเจี๋ยเขวี้ยงทิ้งลงไปที่พื้น ราวกับว่ากำลังโยนขยะทิ้งอย่างไรอย่างนั้น จากนั้น ก็นำสร้อยคอที่อยู่ในมือของตน สวมใส่ให้กับเจียงหว่านอย่างนุ่มนวล
“สร้อยคอเส้นนี้ เหมาะสำหรับลำคอของคุณมาก”
มู่เซิ่งยิ้มและพูดขึ้น
ลำคอที่เรียวยาวและขาวนวล เมื่อประดับด้วยสร้อยคอนี้แล้ว ก็ยิ่งสง่างดงามมากขึ้นในทันที
เจียงหว่านมองไปที่มู่เซิ่ง และก็ยิ้มให้เล็กน้อย
เป็นรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ละมุนละไมอย่างที่สุด
เวลานี้ เจียงหว่านราวกับเป็นดอกไม้ที่อยู่ท่ามกลางใบไม้ สง่างดงาม จนทำให้ผู้หญิงจำนวนมากที่อยู่โดยรอบ ดูหมองหม่นลงไปกันทั้งหมด
ทุกคนส่งเสียงโห่ร้อง ช่างสวยงามมากเหลือเกิน!
“ฉันเคยพบเห็นสร้อยเส้นนี้มาก่อน นี่คือสร้อยคอเพชรที่ชื่อว่ารักที่หวานหยาดเยิ้ม มณีแห่งรัก !อยู่ในร้านเฟิ่งเสียงสาขาเจียงหนาน เป็นเส้นที่จัดวางโชว์และมีราคาแพงที่สุด คือเก้าสิบกว่าล้าน! ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงอุทานดังขึ้น โดยหลี่นั่วหนานชี้ไปที่สร้อยคอเส้นนั้น และพูดว่า “นี่คือของปลอม! ”
เธอรู้ดีว่ามู่เซิ่งก็คือไอ้ขยะ ทุกเดือนเจียงหว่านให้เงินเขาไว้ใช้จ่าย ไม่เกินหนึ่งหมื่น
สิ่งของนี้ราคาตั้งเก้าสิบกว่าล้าน มู่เซิ่งไม่สามารถที่จะซื้อได้แน่นอน
ดังนั้นปฏิกิริยาแรกของเธอก็คือสร้อยคอเส้นนี้คือของปลอม
จางเหวินเจี๋ยหันมองไปดู พบว่าเพชรด้านบนสร้อยคอนั้นมีคุณภาพสูงมาก สดใสบริสุทธิ์ ไม่เหมือนกับของปลอมแต่อย่างใด แต่จิตใจที่ฟุ้งเฟ้อของเขาทำให้เขาไม่ยอมรับในจุดตรงนี้
เขาพูดขึ้นว่า “นี่ก็คือของปลอม! ”
เมื่อได้ยินที่ทั้งสองคนพูดแล้ว ทุกคนก็พากันตกตะลึง
เมื่อเผชิญหน้าต่อความสงสัย มู่เซิ่งจึงพูดขึ้นอย่างสงบนิ่งว่า “สร้อยคอเส้นนี้คือของจริง”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันยังเห็นสร้อยคอเส้นนี้อยู่ที่ร้านเฟิ่งเสียงอยู่เลย นายไปซื้อมาได้อย่างไรกัน? ”
หลี่นั่วหนานเดินขึ้นมาด้านหน้า สายตาดุดัน และพูดต่อว่า “นายหลอกลวงคนอื่นได้ แต่หลอกลวงฉันไม่ได้ พอดีฉันมีเพื่อนคนหนึ่งทำงานอยู่ที่ร้านเฟิ่งเสียง ถ้าหากนายไม่ยอมรับ ฉันก็แค่โทรศัพท์ไปหา นายก็จะอับอายขายหน้าได้เลยทีเดียว! ”
“เหอะเหอะ ฉันว่า เกรงว่าจะไปขโมยมาล่ะสิ? ”
“สิ่งของที่ราคาตั้งเก้าสิบกว่าล้าน ไอ้ลูกเขยที่มาอยู่กับฝ่ายหญิงจะสามารถซื้อได้อย่างไรกัน? ”
เมื่อเห็นว่าหลี่นั่วหนานแน่ใจขนาดนี้ เพื่อนหญิงร่วมชั้นหลายคนก็พากันพูดดูถูกถากถางตาม ซึ่งสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงก่อนหน้านี้ ก็ได้จางหายกันไปหมดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...