“นาย นายพูดอะไรนะ? ” จางเหวินเจี๋ยถามขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ
ภายในห้องโถงเงียบสงบลง
เหมือนกับถูกกดปุ่มบังคับหยุด ผู้คนโดยรอบต่างชะงักงันอยู่กับที่ พวกเขาคิดไม่ถึงว่า มู่เซิ่งจะพูดคำแบบนี้ออกมา
เดิมทีพวกเขานึกว่ามู่เซิ่งจะทนรับความกดดันไม่ไหว แล้วคุกเข่าขอโทษ เพราะใครต่างก็ไม่อยากที่จะไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า มันแตกต่างกับสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
มู่เซิ่งเงยหน้าขึ้น มองไปที่จางเหวินเจี๋ยอย่างเย็นชา และพูดขึ้นทีละคำทีละคำว่า “ฉันบอกว่า ทำไมนายถึงไม่ไปคุกเข่าอยู่ที่นั่นเองล่ะ คุกเข่าจนกว่าที่แห่งนี้ปิดบริการไปเลย? ”
Royal Club จะปิดบริการในช่วงรุ่งเช้าตรู่ ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสองโมงเอง ให้เขาคุกเข่าอยู่ตรงนั้น คงจะต้องคุกเข่าจนขาหักกันไปข้าง และยังจะมาแกล้งทำเป็นช่วยเหลือตนเองอีก?
ไสหัวไปให้ไกลเลย!
เมื่อพูดคำนี้ออกมา
จางเหวินเจี๋ยก็เกิดความโมโหขึ้นไม่น้อย แม้แต่ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ยังเกิดความโมโหขึ้นด้วย
“แม่ง ไอ้หนุ่มนี้นึกว่าตนเองเป็นใครกันวะ? ”
“แม่งช่างกำเริบเสิบสานชะมัด? คนอื่นช่วยเหลือเขา ยังจะถูกเขาย้อนกลับมาดุด่าอีก คนประเภทนี้ ไม่สมควรที่จะไปช่วยเหลือ! ”
“ใช่สิ คนประเภทนี้ต้องสมควรเรียกตำรวจมาเลย ให้เขาได้ประสบกับความลำบากเสียบ้าง! ”
“เจ้าหนุ่ม หากวันนี้นายไม่คุกเข่า ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่! ” กวนหยังพูดขึ้นหลังจากเห็นสถานการณ์ที่ดุเดือด พร้อมกับโบกมือไปมา
เดิมทีพวกนักเลงที่ยืนกันอยู่ด้านข้างนั้นก็อดใจไม่ไหวแล้ว ต่างก็โอบล้อมกันเข้ามา แต่ละคนถือกระบองเหล็ก หากพูดกันดี ๆ ไม่ได้แล้วก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือจัดการทันที
จางเหวินเจี๋ยมองไปที่มู่เซิ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “ไอ้ขยะ นายเองที่กำลังรนหาที่ตาย อย่าได้หาว่าฉันไม่ช่วยเหลือนายนะ! ”
“ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายเหรอ? ”
มู่เซิ่งไม่แม้แต่จะขยิบตา
“นาย! แม่ง! ”
จางเหวินเจี๋ยโกรธแค้นจนร่างกายสั่นเทา มือไม้สั่น เพียงแค่พูดกับมู่เซิ่งไม่กี่คำ ก็โกรธจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว ท้ายสุด ก็ได้สะบัดมือและพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “ผู้จัดการกวน เรื่องนี้ฉันจะไม่ขอยุ่งด้วยแล้ว คุณมาแก้ไขจัดการเองเถอะ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กวนหยังก็ราวกับเลือดสูบฉีดแรงขึ้น ส่งเสียงคำราม แล้วก็พาพวกนักเลงที่อยู่ด้านหลังพุ่งเข้าใส่ทันที
“ลุย จับตัวมันเอาไว้ให้ได้! ”
กวนหยังชี้ไปที่มู่เซิ่ง พร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“รับทราบ! ”
พวกนังเลงที่อยู่ด้านหลังต่างก็อัดอั้นไม่อยู่มานานแล้ว กวัดแกว่งกระบองเหล็ก และโจมตีใส่ทันที
กวนหยังเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ก็เอามือกอดอก อดที่จะควบคุมรอยยิ้มที่มุมปากเอาไว้ไม่ได้ เหมือนว่าเมื่อได้เห็นภาพที่มู่เซิ่งถูกลูกน้องของเขารุมทำร้าย และคุกเข่าบนพื้นเพื่อร้องขอชีวิตแล้ว
“อย่าเพิ่งลงมือถึงตายก่อน ไอ้หนุ่มนี้กล้าที่จะชกฉัน พวกนายทุบตีขาของเขาให้หักลงก่อน ให้เขาคุกเข่าต่อหน้าของฉัน----”
คำสุดท้ายยังไม่ทันได้พูดจบ กวนหยังก็พลันเบิกตาโพลงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงตะโกนที่ดุเดือดนั้น ก็พลันหยุดลงอย่างกะทันหัน ราวกับว่าถูกคนบีบไปที่ลำคอ ไม่มีเสียง
สายตาของเขาหยุดชะงักลงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ด้านหน้าของเขานั้น ได้มีเงาร่างคนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาในทันใด
ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เป็นกลุ่มคน!
ตุบตุบตุบ!
เสียงหมัดกระทบเข้ากับร่างกายติดต่อกัน ดังขึ้นที่ข้างหูของเขา ราวกับลมพัดโหม กวนหยังหันหน้ากลับมา ก็เห็นว่ามีเงาร่างคนจำนวนนับไม่ถ้วนลงมาจากอากาศ ก่อตัวกันขึ้นเป็นภูเขาร่างคนขนาดเล็ก
“นายคิดที่จะตบหน้าฉัน? ”
มู่เซิ่งเดินมายืนอยู่ที่ด้านหน้าของกวนหยัง อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ฉัน ฉัน......”
ผู้จัดการกวนเหงื่อไหลเต็มฝ่ามือ ตกใจและมองไปรอบข้างโดยไม่รู้ตัว
ด้านข้างของมู่เซิ่ง ไม่มีคนยืนอยู่แล้ว!
เขาคิดไม่ถึงว่า ไอ้ขยะที่โด่งดังไปทั่วเจียงหนาน จะมีฝีมือการต่อสู้ระดับนี้ คนเดียวจะสามารถจัดการนักเลงหลายสิบคนได้ นี่คือพลังความสามารถของปรมาจารย์นักบู๊เลยทีเดียว!
แต่ว่า เขาไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว
ตุบบ!
มู่เซิ่งฉีกยิ้ม จากนั้น ก็ชกหมัดไปที่ใบหน้าของกวนหยังอย่างแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...