ในระหว่างทางที่กำลังกลับบ้าน ภายในหัวใจของเจียงหว่านมีจุดสงสัยเป็นอย่างมาก ทว่ากลับละล้าละลังอยู่นาน และสุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยปากออกไป มู่เซิ่งเป็นไอ้ขยะหรือเปล่านั้น หรือสรุปแล้วอยู่ในสถานะไหนกันแน่นั้น เธอไม่จำเป็นต้องเอ่ยถาม เพราะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้กับเธอเอง
ขอเพียงแค่เจียงหว่านทราบว่ามู่เซิ่งไม่ได้มีใจคิดร้ายต่อเธอหรือตระกูลเจียงเท่านั้นก็พอแล้ว
ผ่านเขตซีไห่ของเมืองเจียงหนานมา เจียงหว่านจึงทำให้ความเร็วของรถค่อย ๆ ช้าลง ก่อนจะสบตามองออกไปนอกหน้าต่างจากในตัวบ้าน
“กำลังมองอะไรอยู่หรือครับ? หรือวิตกว่าจะทำงานในลำดับต่อไปหลังจากนี้ได้ไม่ดีหรือ?”
มู่เซิ่งเปิดปากเอ่ยถาม
“ไม่ใช่อยู่แล้วค่ะ ฉัน ฉันกำลังมองเขตคฤหาสน์ที่อยู่ใจกลางที่สุดของซีไห่ค่ะ” ใบหน้าของเจียงหว่านมองตรงก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมา
โครงการการถมทะเลสำเร็จลุล่วงไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งนานแล้ว ซีไห่เป็นคฤหาสน์ที่อยู่ติดทะเลมากที่สุด เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่เคยอยู่ที่นี่ ทั้งยังเป็นบ้านที่ราคาสูงที่สุดของเจียงหนานอีกด้วย เกรงว่าตระกูลชั้นหนึ่งเองก็มีเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปพักอาศัยได้
“ถ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้ เกรงว่าคุณปู่และเจียงมู่หลงพวกเขาก็คงดูถูกฉันไม่ได้แน่ ห่างจากซีไห่ใกล้กันแค่นี้เองค่ะ หลังจากนี้พอฉันไปทำงานก็ไม่ต้องลำบากมากขนาดนั้นอีกแล้วด้วยเหมือนกัน”
มู่เซิ่งสบตามองคฤหาสน์เขตซีไห่ ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ที่นี่เป็นเขตที่กำลังก่อสร้างของมู่ซื่อ กรุ๊ปครับ และหลายตึกในนั้นก็ถูกซื้อไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังตกแต่งภายในกันอยู่ ผมกะว่าจะมอบมันให้กับคุณครับ”
“คุณพูดว่าอะไรนะคะ?”
เจียงหว่านสบตามองมู่เซิ่งหนึ่งหน ก่อนจะเอ่ยอย่างหมดความอดทนว่า “มอบให้ฉันหรือคะ? คุณทราบหรือเปล่าคะว่าคฤหาสน์ของเขตนั้นมันแพงมากเท่าไหร่? หนึ่งตารางเมตรสิบกว่าล้าน และบ้านหนึ่งในนั้นก็ถูกประมูลแล้วด้วย รวมมีสระว่ายน้ำแล้วมากกว่าพันตารางเมตร ราคาหลายร้อยล้าน คุณทราบหรือเปล่าคะว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
หลายร้อยล้านสำหรับคนธรรมดาแล้วนั้น บางทีสิบกว่าชาติก็ยากที่จะทำยอดเงินให้ทะลุเป้าได้ ทว่าสำหรับมู่เซิ่งในตอนนี้แล้ว มันถือว่าไม่มากเลยจริง ๆ ค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาก็สามารถมีถึงพันล้านแล้ว ขอเพียงแค่เขายินยอมเท่านั้น ร้อยล้านหมื่นล้านก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเช่นเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาซื้อคฤหาสน์นี้ไปเรียบร้อยตั้งนานแล้ว
“ไปกันเถอะครับ”
มู่เซิ่งยกยิ้มพลางกล่าว
ในเมื่อเจียงหว่านไม่เชื่อ เขาเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบังคับอะไรเช่นเดียวกัน รอตอนส่งมอบบ้านหลังจากตกแต่งเสร็จแล้ว เจียงหว่านก็ย่อมที่จะทราบเอง
ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน พึ่งจะเข้าประตูไปเมื่อครู่นี้นี่เอง ก็มองเห็นจ้าวหลินกำลังนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอยู่ที่ห้องรับแขกเสียแล้ว
เพียงแค่มองบรรยากาศนี้ มู่เซิ่งก็ทราบแล้วว่าเรื่องราวไม่ปกติ
ดังคาด จ้าวหลินผุดลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอสองคนไปร่วมงานเลี้ยงเพื่อนร่วมรุ่นกันมางานเดียว แล้วทำไมพึ่งจะกลับมากันเอาป่านี้?”
“มีเรื่องทำให้เสียเวลานิดหน่อยค่ะ คุณแม่ ทำไมคุณแม่ยังไม่พักผ่อนหรือคะ?” เจียงหว่านไม่ได้ตอบกลับ ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างไม่ได้คิดอะไรมากนัก
“ลูกสาวฉันไม่พูด หรือว่านายเองก็ไม่มีอะไรจะพูดด้วยเหมือนกันหรือ?”
สายตาของจ้าวหลินจ้องเขม็งไปบนร่างของมู่เซิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะเอ่ยด้วยโทสะว่า “ไอ้ขยะ ให้โอกาสนายได้เป็นฝ่ายพูดตรง ๆ หนึ่งครั้ง ไม่เช่นนั้นแล้ว อย่ามาโทษว่าฉันไม่เกรงใจละนะ!”
“จางเหวินเจี๋ยโทรศัพท์มาหาคุณอีกแล้วหรือครับ?” มู่เซิ่งเอ่ยถามอย่างราบเรียบ
ทั้งสองคนติดต่อกันอยู่บ่อยครั้ง เรื่องการขอแต่งงานหรือมอบของขวัญในตอนก่อนหน้านี้ก็เป็นจางเหวินเจี๋ยที่เป็นฝ่ายทักทายมู่เซิ่ง ตอนนี้เรื่องนี้ก็ไม่ได้เดายากมากขนาดนั้น
เห็นท่าทางไม่เฉยเมยของมู่เซิ่งแล้ว จ้าวหลินก่นด่ายกใหญ่ด้วยโทสะว่า “นายนี่มันเป็นไอ้ขยะคนหนึ่งจริง ๆ นายเองก็รู้เหมือนกันใช่ไหม? แต่ก็ยังกล้าให้จางเหวินเจี๋ยคุกเข่าให้นาย? นายก็เป็นแค่ผัวที่แต่งเข้าบ้านเมีย ไปเอาความกล้ามาจากไหน!”
“ตัวเขาทำผิดต่อผม เรื่องคุกเข่าก็เป็นเรื่องที่เขาสมควรที่จะทำแล้วครับ” มู่เซิ่งกวาดสายตามองจ้าวหลินหนึ่งหน ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างราบเรียบ
“ฮะ ๆ เขาจะมาแคร์ไอ้ขยะอย่างนายคนหนึ่งทำไม? ต้องเป็นนายที่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องเขาก่อนแน่ ๆ!” เดิมทีจ้าวหลินไม่เชื่อ
ในตอนนั้นเอง เจียงหว่านก็ก้าวออกมา เอ่ยว่า “คุณแม่ อันที่จริงแล้วเรื่องราวมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณแม่คิดแบบนั้นนะคะ เป็นจางเหวินเจี๋ยที่เกินไปแล้วจริง ๆ ค่ะ มู่เซิ่งถึงให้เขาคุกเข่าขอโทษขอโพย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...