มู่เซิ่งจากตระกูลเจียงมาแล้ว ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปยังซีไห่ทันที ในปากคาบบุหรี่เอาไว้อยู่หนึ่งแท่ง สบตามองไปยังสายน้ำที่กำลังเคลื่อนไหว ทั้งยังครุ่นคิดเรื่องราวมากมาย
แต่งเข้าฝ่ายหญิงมาสามปี เขาอยู่ตระกูลเจียงได้ก่อเกิดความรู้สึกต่อเจียงหว่านไม่มากก็น้อยแล้วเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับวันเวลาที่รุ่งโรจน์ร้อนแรงพลุ่งพล่านในตอนก่อนหน้านี้แล้ว เขาในตอนก่อนหน้านี้มักจะรู้สึกเรียบเฉยมาโดยตลอด ทั้งก็ดีมาก ๆ เช่นเดียวกัน
ทว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกผิดไปแล้ว
สังคมในตอนนี้ ความยากจนก็คือความผิดของตนเองชนิดหนึ่ง คนจนในสายตาผู้คนนั้น กระทั่งหายใจก็ล้วนผิดไปเสียหมด
สบตามองแม่น้ำและพระจันทร์ มู่เซิ่งตระเตรียมที่จะลุกขึ้นแล้วไปดูสถานการณ์การตกแต่งภายในในคฤหาสน์ แต่จู่ ๆ ก็ถูกผู้หญิงข้างถนนคนหนึ่งดึงดูดสายตาไปเสียแล้ว
ผู้หญิงกำลังคนนั้นปล่อยผมสั้นแห้งสบาย สวมใส่กางเกงยีนหนึ่งตัว ขาทั้งสองข้างเรียวสวย ส่งแสงเป็นประกายวับวาวภายใต้แสงไฟ
“ฉู่อีอี!”
มู่เซิ่งชะงักนิ่งไปในทันที ความทรงจำจะไหลทะลักเข้ามาราวกับสายน้ำ
...
“ฉู่เจ๋อ ทำไมคุณถึงมาดูภาพถ่ายนั่นอยู่อีกล่ะครับ นี่คงไม่ใช่ภรรยาของคุณหรอกใช่ไหม?”
“พูดจาส่งเดชอะไรน่ะ นี่คือน้องสาวของผมเอง ฉู่อีอี! สวยใช่ไหมล่ะ” ใต้เส้นทางคูน้ำ ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยกยิ้มด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยว่า “ผมจะบอกคุณให้นะมู่เซิ่ง อายุคุณเยอะเกินไปแล้ว อย่ามาเล็งน้องสาวผมเชียวนะ พวกคุณสองคนเป็นไปไม่ได้หรอก!”
“ผมหมดคำจะพูดกับคุณจริง ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ ...”
ห้าปีก่อน
ในหน่วยมังกร หลังจากที่มู่เซิ่งกับเพื่อนร่วมทีมพูดคุยสัพเพเหระมาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ในตอนเริ่มแรกเขาอยู่ที่หน่วยมังกรเป็นครั้งสุดท้าย และเป็นภารกิจที่ยากจะลืมเลือนภารกิจหนึ่งเช่นเดียวกัน
ในครั้งนั้น
ศัตรูราวกับว่าทราบแผนการทั้งหมดของพวกเขา ก่อนจะวางกับดักราวกับตาข่ายเอาไว้ทั้งหมดอย่างเรียบร้อยมาตั้งนานแล้ว
ทุกคนต่อสู้จนตัวตาย มีเพียงมู่เซิ่งคนเดียวเท่านั้นมีโชคดีมีชีวิต
“ตอนที่ผมฉู่เจ๋อเข้าร่วมหน่วยมังกรก็ทราบแล้วว่าจะมีโอกาสตาย ชาติก่อนไม่ได้ทำเรื่องราวใหญ่โตอะไรมาก่อน ดังนั้นก็เลยให้โชคชะตานี้กับผม ที่ได้คุ้มกันหัวหน้าทีมให้หนีจากไป”
“หัวหน้าทีม คุณจะต้องมีชีวิตออกไปให้ได้นะครับ หากสามารถพบกับน้องสาวของผมได้ละก็ รบกวนคุณช่วยดูแลหน่อยนะครับ”
สุดท้าย ณ บนดาดฟ้าเรือ
ลมกระหน่ำราวกับกลอง
ตามต่อมาด้วยเสียงระเบิดอย่างรุนแรงหนึ่งเสียง มู่เซิ่งกระโดดลงมาจากเรือในทันที เดิมทีหน่วยมังกรเป็นชื่อเรียกที่อยู่ในระดับสูงที่สุดของประเทศตงหัว ทว่าภายในคืนเดียวเท่านั้น กลับราบเป็นหน้ากลองและไม่หลงเหลือสิ่งใดเลย
ยุคหนึ่งได้สิ้นสุดลงแล้ว
ส่วนมู่เซิ่งเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะสลบไปกลางน้ำ หากไม่ใช่เพราะเช้าวันที่สองที่บังเอิญโชคดีได้พบเข้ากับครอบครัวของเจียงเจิ้งจื๋อที่มานั่งเรือเที่ยวชมแล้วละก็ เกรงว่าร่างคงจะอยู่ในท้องปลาไปตั้งนานแล้วกระมัง
ตอนนี้พบกับญาติของสหายเก่า มู่เซิ่งจึงปลื้มปีติเป็นอย่างมาก!
“คุณ คุณเป็นใครคะ! ทำไมคุณถึงทราบชื่อของฉันได้ละคะ?” หญิงสาวชะงักนิ่งไปทันที ก่อนจะถอยหลังอย่างรวดเร็วสองก้าว กำลังสำรวจมู่เซิ่งด้วยความระแวดระวังภัยที่ปรากฏเต็มอยู่บนใบหน้า “คุณคิดอยากที่จะเอาเปรียบฉันใช่ไหมคะ อย่าเข้ามานะ ฉันเคยเรียนเทคอนโดมาก่อนนะคะ!”
มู่เซิ่งถูกเสียงร้องตกใจของหญิงสาวทำให้ตื่นแล้ว ดังนั้นจึงพบแล้วว่าตนเองตื่นเต้นมากเกินไปเสียแล้ว “ขอโทษ ฉันพบกับเพื่อนเก่าเลยตื่นเต้นนิดหน่อย จริงสิ พี่ชายของเธอชื่อว่าฉู่เจ๋อหรือเปล่าครับ?”
ยามเมื่อมู่เซิ่งเอ่ยถึงชื่อของอดีตสหายร่วมรบขึ้นมานั้น บนใบหน้าของหญิงสาวยิ่งปรากฏความสงสัยหนักมากขึ้น
“คุณรู้จักพี่ชายของฉันได้อย่างไรหรือคะ?”
“เป็นเพราะว่าฉันเป็นเพื่อนของพี่ชายคุณครับ เป็นเพื่อนตาย!”
มู่เซิ่งกำลังจ้องเขม็งหญิงสาวอยู่ ดวงตาส่งแสงเป็นประกายจนเธอดูแล้วรู้สึกว่ามันน่ากลัวเล็กน้อย ฉู่อีอีก้าวไปทางด้านหลังสองก้าวทันที ก่อนจะเอ่ยต่อ “เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวก่อนนะคะ รอฉันกลับบ้านไปถามพี่ชายของฉันก่อนแล้วค่อยว่ากันค่ะ”
ฉู่อีอีสบตามองโทรศัพท์มือถือหนหนึ่ง ก่อนจะถอยไกลออกจากมู่เซิ่งอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ในสายตาของเธอ มู่เซิ่งยังคงเป็นคนสะกดรอยตายคนหนึ่งอยู่ดี กระทั่งทราบชื่อเธอกับพี่ชายของเธอเช่นไรนั้น คงต้องไปแอบดูมาจากที่ไหนอย่างแน่นอน
“เฮ้อ”
“พี่ชายของเธอตายเมื่อสามปีก่อนนานแล้ว เธอจะยังสามารถติดต่อได้อย่างไรกัน”
ถอนหายใจอย่างหมดแรงออกมาหนึ่งเสียง ร่างทั้งร่างของมู่เซิ่งซ่อนความกลัดกลุ้มเอาไว้ ก่อนจะเดินตามฉู่อีอีอยู่ทางด้านหลัง
ฉู่อีอีเดินอย่างกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ราวกับว่าแทบจะมีเรื่องด่วนฉุกเฉินอะไรเลยก็ไม่ปาน เลี้ยวหนึ่งครั้งก่อนจะเข้าไปในเขตเล็กเขตหนึ่ง หลังจากนั้นก็ทะลุเข้าไปในตึกแห่งหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...