“ไอ้ขยะอย่างนายนี่ก็มีสิทธิ์มาสั่งการฉันด้วยเหมือนกันหรือ?”
จางเหวินเจี๋ยส่งเสียงเหอะเย็นชาหนึ่งเสียง หลังจากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป
เดิมเธอเขาไม่ได้นำคำของมู่เซิ่งมาใส่ใจอะไรเลย
“ถ้าเป็นคำของฉันล่ะ?”
ในตอนนั้นเอง เสียงเย็นยะเยือกหนึ่งเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง สวีเจ๋อปิงก้าวเดิมเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า ใบหน้าเย็นยะเยือกเต็มขั้น
“สวี ประธานสวีหรือ?”
จางเหวินเจี๋ยหันศีรษะกลับมา รู้สึกว่าตนเองมองผิดไปแล้ว
มู่เซิ่งไอ้เจ้าขยะนี่ ทำไมถึงมีค่ากระทั่งประธานสวีออกหน้าให้ ต่อให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบของโครงการในครั้งนี้ก็ตาม ทว่ากระทั่งคุณสมบัติของงานเลี้ยงในลำดับต่อไปก็เข้าไปไม่ได้ สวีเจ๋อปิงไม่น่าจะไว้หน้าเขามากขนาดนั้นนี่นา!
“ประธานสวี คือว่าผม...”
ทั่วทั้งร่างของจางเหวินเจี๋ยกำลังสั่นเทา ประธานสวีเป็นเบื้องบนของเขา เดิมทีก็ผิดต่อด้วยไม่ได้อยู่แล้ว
คำของเขาไม่ทันที่จะเอ่ยจบก็ถูกกู่ชิงเสวียนขัดขึ้นมา กล่าวว่า “คุณปู่สวี เจ้าหมอนี่ไม่รักษาคำพูดค่ะ ตกลงกันไว้แล้วว่าจะคุกเข่าร้องเสียงสุนัขทว่ากลับกลืนน้ำลาย!”
สีหน้าของจางเหวินเจี๋ยบวมเป่งราวกับตับหมู
เดิมทีเขานึกว่าจะสามารถหลบหนีด่านเคราะห์ไปด่านหนึ่งได้ ในเมื่อมู่เซิ่งไม่มีอำนาจอะไร กลืนน้ำลายแล้วจะทำไม? ทว่าตอนนี้กลับเป็นประธานสวีและกู่ชิงเสวียนที่รวมตัวกันออกหน้าแทนเสียอย่างนั้น!
“จางเหวินเจี๋ย นายยังจำพนันของนายได้ใช่ไหม? นายบอกว่าถ้าฉันมาร่วมงานแถลงข่าวก็จะร้องเสียงสุนัขให้ฉันฟังกลางงาน ฉันไม่ได้พูดผิดไปใช่ไหม?” มู่เซิ่งสบตามองจางเหวินเจี๋ยนิ่ง
คุกเข่าลงร้องเสียงสุนัข!
จางเหวินเจี๋ยหมดคำจะกล่าวในทันที
เดิมทีเขาก็ไม่เชื่อว่ามู่เซิ่งจะสามารถมางานแถลงข่าวได้ ดังนั้นจึงรับพนันนี้ไป
หากเขาคุกเข่าลงแล้วจริง ๆ ละก็ รับประกันได้เลยว่าเรื่องพรรค์นี้จะต้องโด่งดังในโมเมนต์ในทันทีอย่างแน่นอน ศักดิ์ศรีของเขาก็จะหายไปจนหมดสิ้น!
“จางเหวินเจี๋ย ทางที่ดีคุณรักษากฎจะเป็นการดีกว่านะ มิฉะนั้นบริษัทของพวกเราก็คงจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของคุณแล้วว่าจะเชิญคุณออกจากงานหรือไม่ อีกอย่างหนึ่ง นอกจากบริษัทมู่หรานแล้ว ในเจียงหนานก็จะไม่มีบริษัทไหนกล้ารับคุณ” สวีเจ๋อปิงเอ่ยพูดด้วยอำนาจ
สีหน้าของจางเหวินเจี๋ยซีดขาวราวธุลี
เขาโป้ปดไปแล้ว ชวดงานนี้ไม่กระวนกระวายมากนัก ทว่าคำที่ประธานสวีเป่งออกมานั้น เกรงว่าจะกระทบไปถึงบิดาของเขาด้วย เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว เขาก็คงจะไม่มีที่ยืนไปทั่วทั้งเจียงหนานแล้ว
“ผม...”
จางเหวินเจี๋ยกัดฟันแน่น
คุกเข่า แค่คุกเข่าใช่ไหม?
คุกเข่าแล้วจะขายหน้า หากไม่คุกเข่า เช่นนั้นเขาก็ถูกโจมตีทั่วทั้งเจียงหนาน!
ละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจางเหวินเจี๋ยก็เลือกที่จะคุกเข่าลงไปแต่โดยดี ก่อนส่งเสียงร้องสุนัขโฮ่ง ๆ ๆ ออกมา
เพื่อนนักเรียนทางด้านข้างที่ยืนกันอยู่ก่อนแล้ว หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ระเบิดเสียงหัวเราะร่ากันออกมาเสียยกใหญ่
จางเหวินเจี๋ยหน้าแดงหูแดงกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งสองข้างกำลังก่นด่าว่าร้าย
มู่เซิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะมึงที่เป็นคนทำร้ายกู มึงรอเลยเถอะ ถ้ากูจางเหวินเจี๋ยไม่แก้แค้น สาบานได้เลยว่าจะไม่เป็นคน! จะต้องมีสักวันที่กูจะเหยียบมึงให้จนตีนได้ เอาคืนความอัปยศในวันนี้สิบเท่า! มึงก็เป็นแค่ปีนขึ้นไปบนขาใหญ่ขานี้ของประธานสวีเท่านั้น ก็เหมือนกันกับกูนั่นแหละ เป็นขยะที่กระทั่งงานฉลองความสำเร็จก็ล้วนไม่มีสิทธิ์เข้าไป รอมึงไม่มีค่าให้ใช้งานแล้ว หลังถูกเตะแล้ว มึงจะเอาอะไรมาสู้กับกูได้อีก?
“มู่เซิ่ง นี่คือ...” หลังเจียงหว่านเดินเข้ามาหาแล้ว ทั้งก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปเช่นเดียวกัน
“ฮ่า ๆ ๆ คุณหนูเจียง นี่จางเหวินเจี๋ยกำลังแสดงเป็นสุนัขอยู่น่ะครับ” เย่ขุยหัวร่อพลางกล่าวอธิบาย
“ใช่ค่ะ คุณว่าเขาร้องเหมือนหรือไม่เหมือน?”
“ฮ่า ๆ ๆ ถ้าเต็มหนึ่งร้อยคะแนนแล้วละก็ ผมให้หนึ่งร้อยหนึ่งคะแนนเลย เหมือนสุนัขมากกว่าสุนัขที่บ้านของผมอีกนะเนี่ย”
“หากไม่ใช่เพราะฉันไม่ได้นำกระดูกมาด้วย ก็อยากที่จะโยนให้เขาสักหนึ่งชิ้นแล้วล่ะ” เพื่อนนักเรียนทุกคนล้วนหัวร่อพลางกล่าวกันขึ้นมา
ผู้มีตาก็ล้วนสามารถมองออกได้ ว่าสวีเจ๋อปิงกำลังมุ่งเป้าไปที่เจียงมู่หลง ดังนั้นจึงหยิบยืมเรื่องมานี้เยาะเย้ยจางเหวินเจี๋ย ไม่แน่ว่าอาทำให้ประธานสวีรู้สึกดีต่อตนเองมากขึ้นมาเล็กน้อยก็เป็นได้
ต้องรู้คำว่าสวีเจ๋อปิงสามคำนี้แล้ว จะมีค่าเป็นเงินมาน้อยแค่ไหนในเจียงหนาน
เจียงหว่านสบตามองฉากตรงหน้าทั้งสอง จู๋ ๆ ก็ไร้คำจะกล่าวขึ้นทันที ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะ “พรืด” ออกมาหนึ่งเสียง
จางเหวินเจี๋ยกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ใจคิดอยากจะตายก็ล้วนมี
ทว่าเขาไม่กล้าลุกขึ้น ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ก่นด่าว่าร้ายมู่เซิ่งภายในหัวใจไม่หยุด
“คุกเข่าอยู่ตรงนี้จนกว่างานเลี้ยวจะสิ้นสุด ถ้าฉันออกมาแล้วไม่เห็นนายละก็ คุณก็รอดูได้เลยเถอะ!” สวีเจ๋อปิงกล่าวพลางชี้ไปยังปากประตู ก่อนจะกล่าวละมู่เซิ่งหนึ่งเสียง หลังจากนั้นก็กลับเข้างานเลี้ยงไป
จางเหวินเจี๋ยกัดฟันไปมาพลางสบตามองแผ่นหลังของทั้งสามคนจากไป ทว่าก็ไม่กล้าลุกขึ้น ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ก่นด่าอย่างดุร้ายว่า “ไอ้ขยะ รอมึงถูกตระกูลกู่เตะออกมาเมื่อไหร่ กูจะทำให้มึงร้องขอความตายก็ไม่ได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...