เช้าวันที่สอง
มู่เซิ่งพึ่งตื่นและกำลังตระเตรียมจะออกจากบ้านไปซื้อข้าวเช้าอยู่พอดี แต่ประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้นมาครู่หนึ่งเสียแล้ว เมื่อเปิดประตูออกก็พบว่าท่านเจียงสามพวกคนกำลังยืนอยู่ที่ปากประตูด้วยสีหน้าอึมครึม เจียงมู่หลงยืนอยู่ด้านหลังท่านเจียงสามและกำลังสบตามองมู่เซิ่งด้วยท่าทีที่ไม่ได้มาดี
“คุณปู่ คุณปู่มาได้อย่างไรครับ?” มู่เซิ่งตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย
ท่านเจียงสามไม่ได้กล่าวคำ แต่กลับพาคนกลุ่มหนึ่งมุ่งตรงเข้าไปในห้องรับแขกทันที
เดิมทีในบ้านก็ไม่ได้ถือว่าใหญ่มากนัก หลังเครือญาติเดินเข้ามากันแล้วก็ยิ่งเห็นชัดมากขึ้นว่ามันคับแคบเป็นอย่างมาก ในกลุ่มคนมีเพียงท่านเจียงสามเท่านั้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ญาติคนอื่น ๆ ต่างก็ยืนอยู่ทางด้านข้างด้วยท่าทีไต่สวน
“คุณปู่หรือคะ?”
เจียงหว่านกำลังเดินขยี้ตาออกมาจากห้องนอน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
จ้าวหลินเองก็ถูกเสียงในห้องรับแขกปลุกให้ตื่นด้วยเช่นเดียวกัน กำลังเตรียมจะก่นด่ายกใหญ่อยู่เมื่อครู่นี้ ทว่าเมื่อเห็นท่านเจียงสามแล้วนั้น ทันใดนั้นจึงหยุดอารมณ์ร้อน ๆ นั่นเอาไว้ ก่อนไปยืนเรียบร้อยอยู่ทางด้านข้าง
ในห้องรับแขกกำลังมีบรรยากาศเคร่งเครียดแพร่กระจาย
“ไอ้ขยะ คิดไม่ถึงว่านายกลับมีฝีมือมากเลยนะที่ปีนผ่านขึ้นไปบนความสัมพันธ์ของตระกูลกู่และประธานสวี” เจียงมู่หลงที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง เปิดปากพูดขึ้นมาอย่างร้ายกาจ
“ผมกับประธานสวีมีความสัมพันธ์อะไรกัน ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับคุณหรอกกระมัง?” มู่เซิ่งเอ่ยพูดอย่างราบเรียบ
ดวงตาของเจียงมู่หลงเย็นยะเยือกทันที ไอ้ขยะคนนี้มันมีท่าทีอะไรกัน?
เรื่องงานแถลงข่าวเมื่อวาน ตระกูลเจียงทั้งตระกูลล้วนทราบกันหมดแล้ว พวกเขาเองก็ถึงเข้าใจในช่วงเวลานั้นเหมือนกัน ว่าที่แท้แล้วการที่บริษัทมู่หรานเลือกเจียงหว่านให้เป็นผู้ดูแลนั้น กลับมีสาเหตุมาจากไอ้ขยะคนหนึ่งคนนี้ ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าไอ้ขยะคนนี้สุดท้ายแล้วเป็นเพราะเหตุตรงจุดไหนที่สามารถได้รับการชื่นชมจากประธานสวีได้
“หมอหลิวเป็นคนแนะนำนายกระมัง?” จู่ ๆ ท่านเจียงสามก็เอ่ยปากขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา
“ครับ” มู่เซิ่งพยักหน้า ทั้งก็คร้านจะอธิบายเช่นเดียวกัน
“เหอะ ๆ เรื่องแบบนี้ทำไมนายถึงไม่พูดให้เร็วกว่านี้? หากไม่ใช่เพราะเราเห็นงานแถลงข่าวเมื่อวาน ฉันล้วนไม่รู้เลยว่านายมีความสัมพันธ์ถึงขั้นนี้อยู่!” เจียงมู่หลงชี้นิ้วไปยังมู่เซิ่งพลางตำหนิติเตียน
มู่เซิ่งสบตามองเจียงมู่หลงอย่างราบเรียบหนึ่งหน ก่อนจะยกยิ้มเย็นชาหนึ่งสาย “ทำไมผมต้องบอกคุณด้วยหรือครับ?”
“นาย!”
เจียงมู่หลงบันดาลโทสะจนควันแทบจะออกทวารทั้งเจ็ด ไอ้ขยะคนนี้กลับวางอำนาจต่อหน้าเขาเชียวหรือ
“ได้ ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนายก็ได้” ท่านเจียงสามเปิดปากกล่าว ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงโทสะเอาไว้ว่า “แต่ว่านายจะต้องทำเรื่องเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการชดเชยให้ตระกูลเจียง”
“การชดเชยหรือครับ?”
มุมปากของมู่เซิ่งแขวนรอยยิ้มสงสัยขึ้นมา การไต่สวนในตอนนี้กลับเพื่อเป้าหมายนี้เป้าหมายเดียวเท่านั้น เขาเปิดปากเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านเจียงสามคิดอยากจะให้ผมชดเชยอย่างไรครับ?”
“ง่ายดายมาก ในเมื่อนายรู้จักท่านสวี เช่นนั้นก็ช่วยตระกูลเจียงของพวกเราพูดคำดี ๆ หลาย ๆ ประโยค ทางที่ดีที่สุดคือสามารถทำให้ตระกูลเจียงได้รับโครงการการร่วมมือเหล่านั้นได้อีกครั้ง” ท่านเจียงสามกล่าว
“เจียงหว่านไม่ใช่ได้โครงการเขตผิงมาแล้วหรอกหรือครับ?”
ทั้ง ๆ ที่มู่เซิ่งทราบอยู่แล้วแต่ก็ยังคงแสร้งเอ่ยถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว เจียงมู่หลงพลันกระวนกระวายทันที ก่อนจะเอ่ยอย่างร้ายกาจว่า “นั่นคือความร่วมมือกันของตระกูลเจียงหรือ? เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นตัวนายเองที่ใช้อำนาจใช้ผลประโยชน์ส่วนตัวแก่เจียงหว่าน! สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่พวกนายหรือไงที่ได้เปรียบ?”
ท่านเจียงสามนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ สีหน้ามืดครึ้มราวกับสายน้ำ
เขามีเพียงเจียงมู่หลงเท่านั้นที่เป็นหลานชายเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงรักใคร่ยิ่งกว่าใคร เมื่อคืนวานเองก็เป็นเจียงมู่หลงที่เป็นฝ่ายไปหาเขาก่อนด้วยตนเอง บอกว่ามู่เซิ่งมีความน่าสงสัยที่จะก่อกบฏต่อตระกูลเจียง คิดอยากที่จะกุมทั้งตระกูลเจียงผ่านเจียงหว่าน ตอนนี้ดูจากท่าทีของมู่เซิ่งแล้ว หรือว่าคิดอยากที่จะฮุบตระกูลเจียงจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
ตระกูลเจียงจะไม่อาจตกสู่มือคนนอกแซ่คนหนึ่งได้อย่างเด็ดขาด!
“มู่เซิ่ง ที่ฉันพูดถึงไม่ใช่โครงการของเจียงหว่าน แต่เป็นโครงการความร่วมมือของเจียงมู่หลงต่างหาก” ท่านเจียงสามเอ่ยพูดอย่างเย็นชา
“ไม่ได้ครับ” มู่เซิ่งเอ่ยปากปฏิเสธทันที
ท่านเจียงสามบันดาลโทสะจนลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้ว ไอ้ขยะคนนี้กลับกล้าปฏิเสธเขาเชียวหรือ
จ้าวหลินที่ยืนมองอยู่ทางด้านข้าง ทันใดนั้นพลันกระวนกระวายเช่นกันทันที ก่นด่าอย่างเจ็บแสบว่า “ไอ้ขยะ ทำไมนายถึงพูดจาด้วยท่าทางแบบนี้กับคุณปู่? นายไม่รู้หรือไงว่านายอยู่ในสถานะอะไร? ยังไม่รีบกล่าวขอโทษอีก!”
มู่เซิ่งไม่ได้สนใจจ้าวหลิน ก่อนจะเปิดปากกล่าวต่อ “คุณปู่ครับ สามปีมานี้คุณปู่ปฏิบัติต่อเจียงหว่านเหมือนกับคนนอกคนหนึ่ง ไม่เพียงแค่ได้รับความช่วยเหลืออย่างน้อยนิดจนน่าสงสารเท่านั้น ถึงแม้ว่าเจียงมู่หลงจะสร้างกับดักทำร้ายต่อเจียงหว่านก็ตาม แต่คุณปู่กลับถือหางเจียงมู่หลง สถานการณ์พรรค์นี้ คุณปู่ยังมีหน้าจะให้ผมช่วยเหลืออยู่อีกหรือครับ?”
สุรเสียงแจ่มชัดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
เครือญาติตระกูลเจียงทุกคนล้วนชะงักนิ่งไปกันหมดแล้ว ต่างก็กำลังสบตามองมู่เซิ่งอย่างไม่เชื่อสายตา
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่ามู่เซิ่งกลับกล้าพูดคำเช่นนี้ออกมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...