“ท่านกู่ หลานสาวของท่านคงจะซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้วใช่ไหมครับ อยู่ด้านในสินะครับ?”
จู่ ๆ มู่เซิ่งก็เปิดปากกล่าวขึ้นมา กระทั่งกู่มู่สวีนก็ล้วนมาแล้ว กู่ชิงเสวียนเธอคงจะไม่มีเหตุผลที่จะไม่มาด้วย
“เสี่ยวมู่ ปกปิดอะไรคุณไม่ได้เลยจริง ๆ สินะ” กู่มู่สวีนเผยสีหน้าหมดคำจะกล่าวออกมา
กู่ชิงเสวียนมาเร็วกว่าเขาเสียอีก หลังเขามาแล้วก็เข้าไปเสริมเครื่องสำอางในห้อง บอกว่ากลัวเครื่องสำอางหลุดอะไรสักอย่าง ตอนนี้ถูกมู่เซิ่งกล่าวถูกจุดเสียแล้ว กู่มู่สวีนเองจึงรู้สึกเก้อเข่นเช่นเดียวกัน
“อาจารย์ ตรงนี่ค่ะ!”
รอหลังจากที่เดินเข้าประตูใหญ่มาแล้ว มู่เซิ่งได้ยินเสียงจึงหันศีรษะตามไป หลังจากนั้นจึงอดที่จะตกตะลึงไม่ได้
กู่ชิงเสวียนในวันนี้สวมใส่ชุดกระโปรงยาวที่ขาวทั้งตัว รูปร่างสะโอดสะอง เผยลำคอยาวระหงออกมาด้านนอก งดงามทำผู้คนตกตะลึง ทว่ากลับส่งกลิ่นอายงดงามไม่ขาดสาย เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเท่านั้น ทั้งก็สามารถดึงดูดสายตาจากผู้คนนับไม่ถ้วนได้
และบนใบหน้าของเธอก็แต่งเติมเครื่องสำอางบาง ๆ เพียงชั้นเดียวเท่านั้น กำลังยกไม้โบกมือให้มู่เซิ่งอย่างตื่นเต้น ภายในดวงตามีประกายวับวาวเต็มไปหมด
ตึกตัก...
ถึงแม้ว่ามู่เซิ่งจะมีการตระเตรียมใจมาแล้วก็ตาม ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึกเช่นเดียวกัน
กู่ชิงเสวียนเดินมุ่งหน้ามาหามู่เซิ่ง เป็นการยากที่จะห้ามความดึงดูดบนร่างไม่ให้ออกมา กลิ่นอายราวกับเติบใหญ่เลยก็ไม่ปาน
มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะมองจนตะลึงจังงัง
“อาจารย์คะ คุณกำลังมองอะไรอยู่หรือคะ?” กู่ชิงเสวียนหรี่ตาไปมา ราวกับว่าเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเลยก็ไม่ปาน
มู่เซิ่งส่ายศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนโบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่ ไม่มีอะไร”
เป็นในตอนนั้นเอง ข้างกายของกู่ชิงเสวียนมีชายหนุ่มชุดสูทคนหนึ่งเดินออกมาเช่นเดียวกัน ท่วงท่ายำเกรงมั่นคง โค้งคำนับให้กับมู่เซิ่งไปหนึ่งหน ก่อนจะกล่าวทักทายว่า “สวัสดีครับพี่มู่”
“นายคือ?” สบตามองฝ่ายตรงข้าม มู่เซิ่งยังนึกไม่ออก
“เขาคือซูเคออย่างไรละคะ คนที่เกือบจะถูกคุณต่อยสามหมัดจนตาย” กู่ชิงเสวียนกล่าวแนะนำอย่างเสียงดัง
“ที่แท้ก็เป็นนายไอ้หนุ่มคนนั้น”
มู่เซิ่งพลันเข้าใจขึ้นมาในทันที
สีหน้าของซูเคอเก้อเขินเล็กน้อย กล่าวว่า “พี่มู่ครับ เป็นผมเองครับ เรื่องราวที่ฝั่งแม่น้ำในตอนก่อนหน้านี้ หวังว่าพี่จะไม่ถือสา”
เขาเคยกล่าวคำพูดไร้มารยาทต่อมู่เซิ่งที่ฝั่งแม่น้ำมาก่อน หลังจากที่ถูกบทเรียนสั่งสอนเข้าให้แล้ว ดังนั้นจึงแอบสาบานตนอย่างลับ ๆ ว่าจะไม่ไปหาเรื่องหาราวกับมู่เซิ่งอีก แต่หลังจากนั้นมาก็ได้เห็นมู่เซิ่งเขาขึ้นเวทีแล้วเอาอย่างอยู่หมัดราวกับเป็นเทพสงครามที่ออกโรงเองเลยก็ไม่ปานอีกครั้ง แถมยังสามารถต่อสู้กับโอหยางฟู่เช่อได้อย่างสูสี เขาจึงนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวต่อบิดา คิดไม่ถึงเลยว่าหลังบิดาของเขาได้ยินเรื่องอึกทึกโครมนี้แล้ว กลับสั่งการให้เขาไปกล่าวขอโทษต่อมู่เซิ่งเสียอย่างนั้น ทั้งยังประคบประหงมต่อมู่เซิ่งโดยไม่สนใจอะไรอีกด้วย
ซูเคอไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดบิดาถึงได้บันดาลโทสะขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทว่าเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปหามู่เซิ่งตรง ๆ เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงได้แต่ไปไหว้วานกู่ชิงเสวียนให้ช่วยแนะนำให้หน่อย
“ไม่เป็นไร ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะ” มู่เซิ่งโบกมือไปมาอย่างไม่ได้สนใจอะไร
ทุก ๆ คนล้วนเดินเข้าไปในสถานที่จัดงานประมูลแล้ว
สถานที่หลังที่จัดงานนั้นอยู่ชั้นบนสุดของอาคารปี้ลั่ว นี่เองก็เป็นห้องประชุมระดับสูงที่สุดของทั้งเจียงหนานเช่นเดียวกัน แถมในนั้นยังคึกคักเป็นอย่างมาก สามารถบรรจุคนได้กว่าพันคนได้อย่างง่ายดาย
การดำเนินงานของวันนี้นั้น คือหลังจากห้าโมงจะดำเนินการชื่นชมประเมินวัตถุโบราณและการประมูล หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการประมูลหินหยาบ เป็นเพราะว่ากิจกรรมในหนนี้มันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ดังนั้นผู้คนที่สนใจกับวัตถุโบราณตาถึงจำนวนไม่น้อยก็ล้วนมางานกันทั้งสิ้น
ในห้องประชุมถูกจัดแต่งไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั่วสี่ทิศมีพื้นที่ว่าง สองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยสิ่งของอย่างผลไม้เค้กขนม เครื่องดื่มสุราน้ำเปล่าทุกอย่างมีพร้อม ล้วนสามารถมาเลือกหยิบได้ทุกเวลา และหลังจากที่คุณหยิบไปหนึ่งแก้วแล้ว พนักงานก็จะรีบมาเติมอย่างรวดเร็วในทันที
ในตอนนั้นเอง ในห้องประชุมมีคนมาเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว ด้านหนึ่งพลางถือแก้วไวน์ อีกด้านหนึ่งพลางจับกลุ่มพูดคุยกัน
“พี่มู่ ทางนี้ครับ นี่คือตำแหน่งที่ผมได้ตระเตรียมเอาไว้ให้พวกพี่เป็นกรณีพิเศษ” ซูเคอชี้ไปยังที่นั่งแถวหน้าพลางกล่าว
เพราะมีกู่ชิงเสวียนคนงามเช่นนี้อยู่หนึ่งท่าน ในระหว่างที่เดินเข้ามานั้น มันจึงเรียกสายตาจากบุรุษจำนวนไม่น้อยตรงหน้าได้ กระทั่งมีบุรุษจำนวนไม่น้อยที่แสร้งทำท่าทีอกผายไหล่ผึ่ง คิดอยากที่จะเข้ามาร่วมวงด้วย ทว่าหลังพวกเขามองเห็นซูเคอที่อยู่ข้างกายกู่ชิงเสวียนแล้วนั้น ก็ล้วนล่าถอยกลับไปเสียอย่างนั้น
เพราะซูเคอนั้นเป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลซู ผู้ที่ไล่ตามจีบกู่ชิงเสวียนนั้น น้อยเป็นอย่างมากที่จะมีคนยอมเป็นอริกับเขา
แต่ถ้าพวกเขาได้ทราบว่า ณ ตอนนี้ซูเคอนับถือกู่ชิงเสวียนเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ไปตั้งนานแล้ว ใจล้วนจับคู่เธอกับมู่เซิ่งกันมาสองคนมาโดยตลอด เกรงว่าพวกเขาคงกลัดกลุ้มจนกระอักเลือดออกมาเป็นแน่
ทุกคนนั่งลงกันหมดแล้ว หลังผู้เป็นพิธีกรได้ทำการเปิดงานอย่างง่าย ๆ เสร็จแล้ว ไม่นานนักการประมูลก็เริ่มต้นขึ้น
“พี่สะใภ้ใหญ่ นี่เป็นป้ายหมายเลขของผมเองครับ ถ้าพี่มีของอยากจะซื้อแล้วก็ให้ยกป้ายหมายเลขของผมขึ้นโดยตรงเลยก็พอครับ พี่มีอะไรที่อยากดื่มไหมครับ? ผมกลัวว่าอีกประเดี๋ยวตะโกนราคากันแล้วจะเหนื่อยเอา” ซูเคอกล่าวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเป็นอย่างมาก ท่าทีขึงขังราวกับเป็นน้องเล็กรับใช้เลยก็ไม่ปาน
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปเอาน้ำผลไม้มาสักแก้วก็แล้วกัน”
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากู่ชิงเสวียนยอมรับต่อการเรียกขานว่าพี่สะใภ้ใหญ่นี้แล้ว ดวงตาทั้งสองข้างโค้งมนราวกับจันทร์เสี้ยว อีกนิดเดียวก็เกือบส่งเสียงหัวเราะออกมาอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...