บทที่ 98 ไม้กฤษณา – ตอนที่ต้องอ่านของ มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
ตอนนี้ของ มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง โดย Anonymous ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 98 ไม้กฤษณา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
มองผิดไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
หลังทุกคนที่ล้อมวงได้ยินคำนี้กันแล้วนั้น ทุก ๆ สายตาต่างก็จับจ้องไปบนร่างของมู่เซิ่งกันทั้งสิ้น
“น้องชาย คุณหมายความว่าอย่างไร? หรือกระทั่งท่านกู่ก็ยังไม่สู้คุณได้เลยอย่างนั้นหรือ?”
“กล้าสงสัยท่านกู่เช่นนี้ ช่างน่าขันเสียจริง!”
“ไม่เข้าใจแสร้งเข้าใจ คนแบบเขาพรรค์นี้ ฉันเห็นมาเยอะแล้ว ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าปะปนเข้ามาได้อย่างไร”
ขอเพียงแค่เป็นคนที่สะสมวัตถุโบราณเท่านั้นก็ล้วนทราบชื่อเสียงเรียงนามของกู่มู่สวีนกันทั้งสิ้น สามารถกล่าวได้เลยว่าเป็นปรมาจารย์นักประเมินที่มีระดับสูงที่สุดของเจียงหนาน เขากลับกล้ากล่าวว่ากู่มู่สวีนมองผิดไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
“เสี่ยวมู่ คำนี้ของคุณหมายความว่าอย่างไร? ภาพอัดนี้เองก็เป็นของปลอมเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?” กู่มู่สวีนไม่มีเสียง กดเสียงต่ำพลางเอ่ยถาม
นับตั้งแต่มีเรื่องราวที่หอเฉียนเป่ามาแล้วนั้น สายตาที่กู่มู่สวีนมีต่อมู่เซิ่งย่อมเชื่อถืออย่างไร้ข้อกังขาอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้เสี่ยวมู่กล่าวว่าเขามองผิดไปแล้ว หรือว่าคำนี้มันจะเป็นของปลอมจริง ๆ?
“เป็นของจริงครับ” มู่เซิ่งพยักหน้าขึ้นลง
“เช่นนั้นทำไมคุณต้องกล่าวว่าผมมองผิดไปแล้วด้วยหรือ?”
กู่มู่สวีนยิ่งสงสัยมากขึ้นเข้าไปใหญ่ เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่ามันคือของจริง หรือราคาที่เขาตัดสินนั้นมันปรากฏความผิดพลาดออกมาอย่างนั้นหรือ?
“ท่านกู่ ราคาที่คุณตัดสินออกมาเองก็ไม่ผิดเหมือนกันครับ หากวางลงบนสนามประมูลก็คงจะประมูลออกได้ในราคาสองล้านเหมือนกันครับ” มู่เซิ่งหันไปยกยิ้มกับกู่มู่สวีนพลางกล่าว
“เช่นนั้นสรุปแล้วคือ...”
สีหน้าของกู่มู่สวีนเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ท่านกู่ครับ คุณเคยได้ยินกลอนประโยคหนึ่งมาก่อนไหมครับ ไม่รู้จักหน้าตาที่แท้จริงของหลูซาน , เพียงเพราะตัวเองก็อยู่ในขุนเขา(หลูซาน)แห่งนี้น่ะครับ?” มู่เซิ่งยิ้มไปกล่าวไป ก่อนจะนำภาพวาดผืนนี้มาถือเอาไว้ในมืออย่างเรียบร้อย
หัวใจของท่านกู่ตกตะลึงทันที ทันใดนั้นพลันสำรวจภาพโดยรวมนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนที่สายตาของเขาสบตามองม้วนภาพสองม้วนนี้แล้วนั้น ก็ยังคงมองอะไรไม่ออกเช่นเดิม ยามที่รู้สึกว่าภายในหัวใจมีความสงสัยอยู่นั้นเอง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของกู่ชิงเสวียนดังขึ้นที่ข้างใบหูของเขาว่า “คุณปู่คะ ม้วนภาพของภาพผืนนี้ดูเหมือนจะไม่เลวเลยนะคะ”
กู่มู่สวีนพลันหันไปสบตามองม้วนภาพในทันที
เห็นเพียงแค่วัสดุไม้ของม้วนภาพสองด้ามเท่านั้น สีแดงเรืองรองเปล่งประกาย เข้ามือเปียกชื้น เดิมทีก็ไม่คล้ายกับไม้ธรรมดาสามัญเลย
มู่เซิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องพลางนำภาพในม้วนภาพออกมาจากในภาพ ก่อนจะส่งให้กับกู่มู่สวีน กล่าวว่า “ท่านกู่ครับ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นนักสะสมของโบราณก็ตาม แต่ไม้ด้ามนี้ คุณคงจะออกอะไรออกได้กระมัง?”
“นี่ นี่...”
ยามเมื่อไม้เข้าสู่มือในวินาทีนั้นเอง สีหน้าของกู่มู่สวีนพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที กระทั่งภาพจริงในมือก็ล้วนไม่สนใจอีกต่อไปแล้วเช่นเดียวกัน ก่อนจะประคองไม้ด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวัง พินิจพิจารณาบนล่างอย่างละเอียด
ทุกคนเองก็พลันชะงักนิ่งไปทั้งหมดเช่นเดียวกัน ก่อนจะสบตามองไม้สองด้ามนี้ตามกันไปด้วย
ในกลุ่มคน มีเพียงบุรุษผอมเพรียวเท่านั้นที่ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะในสายตาของเขานั้น นี่มันก็เป็นเพียงแค่ไม้ชิ้นหนึ่งไม่ใช่หรือไร มีอะไรน่าชมกัน
“กฤษณา ไม้นี้เป็นกฤษณานี่!”
ทั้งร่างกายของกู่มู่สวีนล้วนสั่นเทา ก่อนจะส่งเสียงออกมาหนึ่งเสียง
“กฤษณาอย่างนั้นหรือ?”
ทันใดนั้นหัวใจของบุรุษผอมเพรียวพลันบีบตัวแน่นทันที
ในสมัยโบราณ กฤษณาถือเป็นวัสดุไม้ที่มีราคาแพงที่สุดอย่างหนึ่งเลยเชียวนะ เคยถูกใช้ทำเป็นเซียงซวิน(ของที่ส่งกลิ่นหอมในยุคโบราณจีน)มาก่อน มีคุณสมบัติสูงที่สุดและหายากที่สุด ดังนั้นจึงยิ่งทำให้กฤษณาหนึ่งกิโลกรัม สามารถขายได้ถึงราคามากกว่าหลายล้าน
กู่มู่สวีนพิจารณาไม้ในมือไปพลางพึมพำอย่างประหลาดใจว่า “แถมอายุของกฤษณานี้ก็มีอายุมานานมากแล้ว จะต้องเป็นสิ่งของก่อนหน้าราชวงศ์โจวอย่างแน่นอน รูปร่างสีเข้ม ซ่อนกลิ่นละเอียดหอม มันวาวชุ่มชื้นเป็นอย่างมาก ถ้าฉันเดาไม่ผิดแล้วละก็ นี่คงจะเป็นกฤษณาใจม่วงที่เป็นหนึ่งในกฤษณาที่ล้ำค่ามากที่สุดกระมัง?”
ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ล้วนแตกตื่นฮือฮากันทั้งหมดทันที
ต้องรู้ว่ากฤษณา ณ ตอนนี้ หนึ่งกิโลกรัมก็สามารถขายได้ถึงราคาเป็นล้าน ยิ่งไปกว่านั้นแล้วยังเป็นหนึ่งในกฤษณาที่ล้ำค่ามีราคามากที่สุดอีก ราคาตอนนี้เป็นราคาที่สูงมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราวกับว่าไม้ใหญ่ด้ามนี้ที่กู่มู่สวีนถืออยู่ในมือนั้น มันมีราคามากกว่าสิบล้านอย่างแน่นอนเลยเชียวนะ!
“ท่านกู่สายตามีปัญญารู้จักไม้ มองได้ไม่ผิดเลยนะครับ” มู่เซิ่งยิ้มพลางกล่าว
“น่าขายหน้าจริง ๆ ผมจะมีสายตามีปัญญาได้ที่ไหนกัน เห็น ๆ กันอยู่ว่าตาลีตาเหลือกเลอะเลือนแล้ว”
ใบหน้าของกู่มู่สวีนแดงระเรื่อ โบกไม้โบกมือพลางกล่าวคำ
เขาในตอนนี้เองก็เข้าใจความหมายของคำของมู่เซิ่งแล้วเช่นเดียวกัน เหตุที่ไม่เห็นภูเขาหลูนั้น ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าสถานที่ที่ล้ำค่าอย่างแท้จริงของภาพวาดผืนนี้นั้น มันอยู่บนม้วนภาพสินะ
“เพื่อนตัวน้อย ไม้กฤษณานี้มันล้ำค่าเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะให้ แต่ผมเองก็ไม่อาจรับได้เหมือนกันนะครับ ไม่สู้เอาแบบนี้กันดีกว่า ผมจ่ายยี่สิบล้านซื้อมาจากมือของคุณ คุณก็มีเป็นสิทธิ์เรียกผมหลิ่วมู่เซิงเป็นเพื่อนแล้ว”หลิ่วมู่เซิงกล่าว คิดไม่ถึงเลยว่าพึ่งจะได้พบหน้ากันเท่านั้น แต่กลับมีน้ำใจเช่นนี้ นี่จึงทำให้ภายในหัวใจของเขารู้สึกประทับใจเล็กน้อย
“ได้ครับ”
มู่เซิ่งรับบัตรธนาคารมา ส่งไปบนมือของกู่ชิงเสวียนด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง กล่าวว่า
“กู่ชิงเสวียน ในหนนี้เธอยังรู้สึกขาดทุนอยู่อีกหรือเปล่า?”
“ไม่ขาดทุนค่ะ ไม่ขาดทุนเลยสักนิดเหมือนกัน”
กู่ชิงเสวียนปลื้มปีติจนใบหน้าแดงระเรื่อ นี่มันจะเป็นการขาดทุนได้อย่างไรกัน เป็นการทำเงินได้มหาศาลแล้วเสียด้วยซ้ำเชียวนะ
ในกลุ่มคนมองเห็นฉากนี้ทั้งหมด ทุกคนต่างก็ร้องเซ็งแซ่กันทั้งสิ้น สามารถพบเห็นไม้กฤษณาราคาสูงมาก ๆ ได้เช่นนี้ สำหรับพวกเขาแล้วนั้น ทั้งก็เป็นเรื่องวาสนาเรื่องหนึ่งเช่นเดียวกัน ทุกคนในกลุ่มคนนี้นั้น มีเพียงบุรุษผอมเพรียวเท่านั้นมีที่มีสีหน้าพะอืดพะอม ดูไม่ได้ถึงขั้นราวกับว่าได้กลืนแมลงวันไปคำใหญ่เลยก็ไม่ปาน
เดิมทีเขายังนึกว่าได้เงินสองล้านมาฟรี ๆ แล้วเสียด้วยซ้ำ เงินของทายาทคนรวยเหล่านี้มันช่างหลอกง่ายมากเหมือนกันเสียจริง
ผลสุดท้าย ณ ตอนนี้ ใจคิดอยากตายของเขาก็ล้วนมีทั้งหมด เมื่อเทียบกันกับไม้กฤษณาสองด้ามนี้แล้ว สองล้านที่เขาทำเงินมาได้กระทั่งเงินทอนก็ล้วนเทียบไม่ได้เลยเชียวนะ
ดวงตาทั้งสองข้างที่แดงก่ำของบุรุษผอมเพรียวสบตามองไปยังมู่เซิ่ง หากไม่ใช่เพราะว่า ณ ตอนนี้มีกลุ่มคนรุมล้อมอยู่มากแล้วละก็ เขาคิดอยากที่จะออกโรงแย่งชิงไม้กฤษณาทั้งสองด้ามนั่นกลับมาจริง ๆ เพราะเดิมทีไม้นี้มันสมควรที่จะเป็นของเขา
“เถ้าแก่ร้าน ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่คุณมอบภาพผืนนี้ให้กับผม พัดอันนี้ซื้อมาในราคาสองล้าน มันก็ไม่ขาดทุนเลยสักนิดเหมือนกัน” มู่เซิ่งประสานมือไปมา แสร้งกล่าวราวกับว่าชื่นชมยินดีต่อบุรุษผอมเพรียวขึ้นมา
ใบหน้าของบุรุษผอมเพรียวแดงก่ำ ถูกทำให้บันดาลโทสะจนกล่าวคำไม่ออกแล้ว
“หากไม่มีอะไรแล้วละก็ พวกเราไปกันก่อนแล้วนะครับ ในร้านนี้มีของดีเช่นม้วนภาพม้วนนี้อยู่แต่ตอนนี้ถูกผมซื้อมาเสียแล้ว กู่ชิงเสวียน พวกเขาไปดู ๆ ที่อื่นกันเถอะ”
ราวกับว่ามู่เซิ่งกำลังพูดคุยกับกู่ชิงเสวียนอยู่เลยก็ไม่ปาน ทว่ากลับจงใจเปล่งเสียงดังออกมา ทำให้กลุ่มคนที่รุมล้อมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนได้ยินกันทั้งหมด
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว บุรุษผอมเพรียวพลันกัดฟันแน่นด้วยโทสะ มู่เซิ่งนี่จะบีบเขาให้มุ่งหน้าไปบนถนนแห่งความตายสินะ ตอนนี้กลับร้องตะโกนเช่นนี้ออกมาเสียแล้ว ทุกคนล้วนทราบกันหมดแล้วว่าของดีถูกเอาไปแล้ว เช่นนั้นหลังจากนี้จะมีใครมาซื้อวัตถุโบราณที่เขากันล่ะ?
“คุณ คุณ คุณ...”
ร่างกายของบุรุษผอมเพรียวสั่นสะท้าน นิ้วมือชี้ไปยังมู่เซิ่งไปมาอย่างอุกอาจ คิดอยากที่จะเปิดปากก่นด่ายกใหญ่ ทว่ากลับกล่าวคำอะไรไม่ออกมาเฉกเช่นเดียวกัน สุดท้ายก็ได้แต่ตีอกชกลม เปิดปากถุยโลหิตสดออกมาคำหนึ่งแรง ๆ ก่อนจะเป็นลมล้มลงไปตรงนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...