“ยัยบ๊อง ยัยขี้เหร่ ไสหัวไปให้พ้นนะ เจ้ามันเป็นหญิงแพศยา เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ พี่เฉินเห็นเจ้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว พี่เฉินไม่มีทางแต่งงานกับเจ้าเด็ดขาด มีเพียงข้าเท่านั้นที่คู่ควรจะเป็นเจ้าสาวของพี่เฉิน”
มองดูฉู่หวูโยวที่อยู่ตรงหน้า เฟิงหยูหลันก็จงใจให้คำพูดหยาบคายในการต่อว่าด่าทอนาง
เดิมที่ฉู่หวูโยวก็เป็นคนสติไม่ดีอยู่แล้ว จึงไม่มีความสามารถในการควบคุมตนเองมากนัก จึงถูกเฟิงหยูหลันยั่วยุให้เกิดความโมโหได้สำเร็จ และการแสดงสัญชาตญาณของคนออกมาเวลาโกรธ ก็คือการโจมตีแบบดั้งเดิม
“ยัยบ๊องทำร้ายคนแล้ว” เฟิงหยูหลันจงใจตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความหวาดกลัว แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ที่ทำตามแผนร้ายได้สำเร็จ
ฉู่หวูโยวมีไทเฮาคอยปกป้องอยู่ จึงไม่อาจรังแกนางอย่างเปิดเผยได้ แต่ตอนนี้ฉู่หวูโยวเป็นคนลงมือทำร้ายนางก่อน ไม่ว่าพวกนางจะทำอะไรกับฉู่หวูโยว ก็นับว่าฉู่หวูโยวเป็นฝ่ายผิดก่อน
เมื่อก่อนล้วนเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง และทุกครั้งพวกนางก็รังแกฉู่หวูโยวเจียนตาย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกือบทำให้ฉู่หวูโยวถึงแก่ชีวิต แต่สุดท้ายก็จบลงอย่างค้างคา
อย่างไรเสียฉู่หวูโยวก็เป็นคนปัญญาอ่อน จึงไม่อาจอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าใครรังแกนาง และไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่นางพูด
เฟิงหยูหลันยิ่งคิดก็ยิ่งได้ใจ ยั่วโมโหคนปัญญาอ่อนสนุกที่สุดแล้ว
คนอื่น ๆ ล้วนมองว่าเป็นเรื่องปกติ ต่างหันมองฉู่หวูโยวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอดูเรื่องสนุก รอดูท่าทางอัปลักษณ์ของฉู่หวูโยว
แต่นางคงไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า ธรรมชาติย่อมเคลื่อนโคจรไป ทำอะไรไว้ย่อมต้องรับผลกรรม !
ชายหนุ่มหลายคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักต่างได้ยินเสียง จึงรีบวิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พี่เฉิน ข้ากลัว กลัวมากเลย” เมื่อเฟิงหยูหลันเห็นไป๋อี้เฉินก็แอบยิ้มย่องในใจ และแสร้งทำเป็นตื่นตระหนกหวาดกลัว แล้วเข้าไปสวมกอดไป๋อี้เฉิน
ไป๋อี้เฉินหันมองฉู่หวูโยวด้วยความโมโห และแฝงไปด้วยความรังเกียจ : “ฉู่หวูโยว เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ข้า ไป๋อี้เฉิน ไม่มีทางแต่งงานกับหญิงเสียสติอย่างเจ้าเด็ดขาด วันนี้ข้าจะขอตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ข้าจะเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานเดี๋ยวนี้”
เขาไม่อาจทนรับหญิงเสียสติคนนี้ได้อีกต่อไป ต่อให้ไทเฮาทรงคุ้มครองนางอยู่ แต่ครั้งนี้เขาจะต้องยกเลิกการแต่งงานให้ได้
“ข้าจะไปหยิบกระดาษและพู่กันมาให้” ไป๋ยี่หยูรีบวิ่งไปหยิบกระดาษและพู่กันมาอย่างรวดเร็ว
เฟิงหยูหลันที่พิงตัวอยู่ในอ้อมแขนของไป๋อี้เฉิน ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ
เห็นได้ชัดว่าฉู่หวูโยวเป็นคนปัญญาอ่อน แม้กระทั่งคำพูดประโยคเดียวก็ยากจะพูดให้สมบูรณ์ได้ แสดงให้เห็นว่าสติไม่สมประกอบ
แต่ความรู้สึกที่มีต่อไป๋อี้เฉินนั้น กลับไม่ได้ด้อยตามสติปัญญา มีใจวาดหวังจะแต่งงานกับไป๋อี้เฉินมาตลอด ทันทีที่มีโอกาสก็จะบากหน้าเข้าไปคลอเคลียไป๋อี้เฉิน
อีกทั้งหญิงปัญญาอ่อนผู้นี้ก็ได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา การแต่งงานในครั้งนี้ ไทเฮาจึงเป็นผู้ขอพระราชทานพระอนุญาตจากฮ่องเต้
ก่อนหน้านี้ ไป๋อี้เฉินทำได้เพียงแค่อดทนกับความไม่พอใจต่าง ๆ นานา
แต่ตอนนี้ เห็นทีการแต่งงานนี้คงต้องยกเลิกแล้ว !
กระดาษและพู่กันถูกนำมาถึงอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้เฉินจรดพู่กันลงไป ไม่ช้าก็เขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานเสร็จ และโยนลงตรงหน้าฉู่หวูโยวอย่างแรง
ฉู่หวูโยวรู้สึกตกตะลึง ใบหน้าที่ดูโง่เขลาค่อย ๆ เจือปนไปด้วยความโศกเศร้า นางหันมองเฟิงหยูหลันที่อยู่ในอ้อมแขนไป๋อี้เฉิน แล้วจู่ ๆ ก็พุ่งเข้าหาเหมือนคนเสียสติ
ไป๋อี้เฉินผงะ แล้วรีบยื่นมือออกไปปัดฉู่หวูโยวที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหา
เดิมทีไป๋อี้เฉินเองก็เป็นคนฝึกวรยุทธ์ เมื่อการปัดมือในครั้งนี้ไม่มีการควบคุมพลังเลยสักนิด ทำให้ฉู่หวูโยวกระเด็นออกไปไกลหลายเมตรอย่างรุนแรง
ฉู่หรูเสว่ที่นั่งอยู่ในศาลาหลังเล็กมาตลอด แอบยิ้มกริ่มอยู่ในใจก่อน จากนั้นจึงวิ่งตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แล้วเขย่าตัวฉู่หวูโยว : “หวูโยว หวูโยว......”
แต่คนที่นอนอยู่บนพื้นกลับนิ่งสนิท
“นาง นางคงยังไม่ตายหรอกใช่ไหม ?” น้ำเสียงของเฟิงหยูหลันแฝงไปด้วยความกังวล แต่ในแววตากลับแฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
หากฉู่หวูโยวตายไปละก็ ไป๋อี้เฉินก็จะแต่งงานกับนางได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...