ซวนหยวนหลี่ดูจะน่าเวทนาที่สุด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยบวมแดง เกรงว่าแม้แต่แม่ของเขามาเห็น ก็อาจจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
แม้กระทั่งบนหน้าผากของซวนหยวนหรงโม่ ก็ถูกผึ้งที่ตื่นตระหนกบางตัว จุมพิตเข้าให้แล้ว
ในขณะที่เกิดความโกลาหลขึ้น ฉู่หวูโยวกลับเดินไปอยู่ที่ใต้ศาลา และกินขนมอย่างสบายใจ
ฉู่หวูโยวเห็นซวนหยวนหรงโม่ที่เดินเข้ามา แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามที่อยู่ห่างจากนางออกไปไม่ไกลก็ผงะไป สายตาของนางจับจ้งไปยังรอยแดงบนหน้าผากของเขา ที่ถูกผึ้งบางตัวต่อยเข้า
บุปผานับหมื่นดอก เกิดจากจุดสีแดงเล็ก ๆ เพียงจุดเดียว จู่ ๆ ประโยคนี้ก็ปรากฏขึ้นในสมองของนาง แน่นอนว่า นางคงไม่โง่พอที่จะพูดออกมาแน่นอน
ฉู่หวูโยวกลืนขนมที่อยู่ในปาก จากนั้นจึงเหลือบมองบรรดาคุณชายและคุณหนูที่กำลังต่อสู้กับผึ้งพวกนั้นอย่างโกลาหล นางก็แสร้งทำเป็นพูดด้วยความโศกเศร้าว่า : “เฮ้อ หน้าตาขี้เหร่เกินไป แม้กระทั่งผึ้งยังรังเกียจ พวกมันไม่ยอมจูบข้าเพียงคนเดียว ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก”
เพียงแต่ สีหน้าของนางกลับม่แสดงออกถึงความโศกเศร้าเลยสักนิด และในแววตากลับปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นอย่างชัดเจนอีกด้วย
มือที่กำลังจะจับแก้วน้ำชาของซวนหยวนหรงโม่ หยุดชะงักลงเล็กน้อย และดูเหมือนมุมปากจะกระตุกเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว
ส่วนบรรดาผู้คนที่กำลังตื่นตระหนกอยู่นั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ฉู่หวูโยวนั่งกินขนมอยู่อีกทางด้านหนึ่งอย่างสบายใจ
พวกเขานอกจากจะรู้สึกเจ็บปวดและอับอายแล้ว ทุกคนต่างก็จ้องมองฉู่หวูโยวด้วยสีหน้าโกรธเคือง
ซวนหยวนหลี่พยายามอย่างยิ่งที่จะลืมตาที่บวมเป่งขึ้น และจ้องเขม็งไปที่ฉู่หวูโยวอย่างดุดัน : “ยัยขี้เหร่ ต้องเป็นเจ้าแน่ เจ้าจะต้องใส่อะไรไว้บนตัวข้าอย่างแน่นอน”
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าฉู่หวูโยวทำอะไรกับเขา ถึงขั้นไม่เชื่อว่าฉู่หวูโยวจะมีความสามารถเช่นนั้น แต่ตอนนี้เขามีความแค้นจุกอยู่เต็มอก และฉู่หวูโยวก็เป็นที่ระบายอารมณ์ชั้นดี
อีกทั้ง ต่อให้เรื่องนี้ฉู่หวูโยวไม่ได่เป็นสคนทำ เขาก็จะโยนความผิดให้กับฉู่หวูโยวอยู่ที่ ความแค้นของเขา จะไม่ระบานออกไปไม่ได้เด็ดขาด
เพียงแต่ ผึ้งเหล่านั้นยังคงไม่ละเว้นเขา และยังคงต่อยเขาอย่างต่อเนื่อง
“อ๋องเก้าเพคะ กินข้าวตามใจปากได้ แต่จะพูดตามใจปากไม้ได้นะเพคะ ท่านอ๋องเป็นใคร หม่อมฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แล้วจะแอบใส่ของบนตัวพระองค์ โดยสามารถรอดพ้นสายตาอันเฉียบแหลมของพระองค์ไปได้อย่างไรเล่าเพคะ ?” ฉู่หวูโยวกัดขนมเข้าไปอีกหนึ่งคำ จากนั้นก็ค่อย ๆ พูดขึ้นอย่างช้า ๆ
คำพูดนี้ของนางดูเป็นธรรมชาติ เบา และเรียบง่าย
แต่กลับทำให้ซวนหยวนหลี่พูดอะไรไม่ออก
ซวนหยวนหลี่โกรธจนแทบกระอักเลือด
“เอาละ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวใหม่เสียสิ” ซวนหยวนหรงโม่เหลือบตามองซวนหยวนหลี่อย่างสงบนิ่ง
ในน้ำเสียงที่เบาของเขา กลับแฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ฉู่หวูโยวผงะไปเล็กน้อย สีหน้าแสดงถึงความประหลาดใจออกมา คิดไม่ถึงเลยว่า องค์ชายเจ็ดไม่เพียงไม่เปิดโปงนาง แต่กลับช่วยนางอีกด้วย
ส่วนซวนหยวนหลี่นั้น กลับตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์ และหันมองซวนหยวนหรงโม่อย่างไม่อยากเชื่อ
แต่ว่า เขาเองก็ไม่กล้าขัดใจซวนหยวนหรงโม่ อีกทั้ง หลังจากที่ฝูงชนสงบลงแล้ว ผึ้งเหล่านั้นทั้งหมด ต่างก็มาบินวนอยู่รอบตัวเขา และต่อยเขาจนเกือบตายอยู่แล้ว เขาจึงจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
ฉู่หรูเสว่รู้สึกตกใตอย่างยิ่ง ดวงตาของนางทั้งสองข้างลดต่ำลง แต่กลับไม่อาจปิดบังความหม่นหมองในดวงตาได้
ปกติแล้ว น้อยนักที่องค์ชายเจ็ดจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน แต่วันนี้กลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองติดต่อกันสองครั้ง และทั้งสองครั้งก็เยวข้องกับฉู่หวูโยว
องค์ชายเจ็ดหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ?
องค์ชายเจ็ดคงไม่ได้รู้อะไรมาหรอกใช่ไหม ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...