โจวกุ้ยหลานมักรู้สึกว่าบรรยากาศตอนนี้อึดอัดอยู่บ้าง อยากตบตัวเองสักฉาด ทำไมอะไรก็ถามไปหมด สะกิดเรื่องเศร้าของสวีฉางหลินแล้วไหมเล่า
ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ แต่เมื่อเงยหน้าก็เห็นอีกฝ่ายเดินออกนอกประตูไปแล้ว
โจวกุ้ยหลานรีบถามเขา “เจ้าไปทำอะไร?”
“ผ่าฟืน” กล่าวจบ สวีฉางหลินก็ไปหลังเรือน
ผู้ชายคนนี้...จะขยันเกินไปแล้ว
หากเปรียบเทียบ นางเหมือนว่าจะขี้เกียจมากขึ้นไม่น้อย...
ขณะที่นางกำลังคิดอยู่ จู่ๆ ก็มีการโจมตีมาที่บ่า นางสะดุ้งหันหลังขวับ เห็นเหล่าไท่ไท่กำลังยืนจ้องตัวเองจากด้านหลังอยู่พอดี
“ท่านแม่ ท่านแม่ทำอะไรน่ะ ทำเอาตกอกตกใจหมดเลย!”
โจวกุ้ยหลานตบหน้าอกตัวเอง บ่นเหล่าไท่ไท่ประโยคหนึ่ง
“เจ้าตกใจก็เพราะขี้ขลาด!” เหล่าไท่ไท่ไม่สนใจการฟ้องร้องของนาง พลันเอ่ย “ไม่ใช่ว่าจะให้ไปทำผ้านวมให้เจ้าหรือ? ไปกันเถอะ”
“เช่นนั้นข้าจะไปเรียกสวีฉางหลิน!”
ว่าแล้วโจวกุ้ยหลานก็วิ่งไปหลังเรือน
“เอ๋า เจ้าวิ่งให้มันช้าๆ หน่อย!” เหล่าไท่ไท่ตะโกนตามอยู่ข้างหลัง
ออกเรือนสองเดือนแล้ว ในท้องไม่แน่ว่าจะมี ทำไมยังกระโดกกระเดกอย่างนี้นะ!
โจวกุ้ยหลานคิดแต่อยากไปดูสวีฉางหลินสักหน่อย เมื่อครู่เกรงว่าเขาคงเศร้าใจแล้ว ตอนนี้จะกลับไปก็พอดีเลย ทุกคนจะได้อยู่เป็นเพื่อนเขา
เมื่อถึงหลังเรือนก็เห็นสวีฉางหลินถือขวานผ่าฟืนอยู่
โจวกุ้ยหลานหยุดฝีเท้าแล้วเดินเข้าไป เมื่อถึงข้างตัวเขาก็นั่งยองลง มองเขายกขวานขึ้นแล้วผ่า เมื่อนั้นฟืนแห้งก็ถูกผ่าออก
จากนั้นก็เป็นอีกท่อนหนึ่ง การเคลื่อนไหวรวดเร็วฉับไว
“สวีฉางหลิน ข้าหารือกับเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“อื่ม” สวีฉางหลินขานรับแล้วผ่าฟืนต่อ
ก็ไม่ทราบว่าอย่างไร โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าสวีฉางหลินในเวลานี้แปลกอยู่หน่อยๆ
แต่นางไม่สนใจเรื่องพวกนี้ นางยื่นมือกดมือของเขาที่ถือขวานอยู่ข้างนั้น มองเขาแล้วเอ่ย “ข้าคิดว่าต่อไปจะให้ท่านแม่กับพี่ชายไปทำการค้ากับเราด้วย ได้ไหม?”
ถึงสวีฉางหลินจะว่าง่ายมาโดยตลอด และมักให้นางเป็นใหญ่ในบ้าน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ให้นางตัดสินใจหมด แต่จากที่นางรู้สึก อีกฝ่ายใช่ว่าจะไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ที่ให้นางเป็นใหญ่ เพียงเพราะให้เกียรตินางเท่านั้น
แต่เรื่องอย่างนี้ อย่างไรก็ยังต้องหารือกับเขา
สวีฉางหลินรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือของภรรยาตัวน้อยตัวเอง อารมณ์ดีขึ้นหน่อยหนึ่ง จึงเอ่ย “ได้”
แม้เป็นคำตอบตามที่คิด แต่โจวกุ้ยหลานก็ยังรู้สึกดีใจมาก
“อย่างนั้นก็ได้ เรากลับกันเถอะ” โจวกุ้ยหลานดึงสวีฉางหลินลุกขึ้น สวีฉางหลินพลิกมือกุมมือของภรรยาตัวน้อยตัวเอง ตาปลาบนมือนั้นคล้ายว่าจะหายไปไม่น้อยแล้ว เรียบเนียนแล้ว
“ยังผ่าฟืนไม่เสร็จ”
สวีฉางหลินกล่าวจบ ก็ปล่อยมือภรรยาตัวน้อยตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์ ค้อมเอวหยิบฟืนขึ้นมาผ่าต่อ
โจวกุ้ยหลานมองสวีฉางหลินผ่าฟืนอยู่ ขบคิดใหม่ครู่หนึ่งก่อนจะถามเขา “เช่นนั้นเจ้าก็ผ่าฟืนต่ออยู่ที่นี่ ข้ากับท่านแม่จะกลับไปก่อน แล้วเดี๋ยวเจ้าค่อยพาเสี่ยวเทียนกลับ?”
สวีฉางหลินขานรับอีกครั้ง “ได้”
โจวกุ้ยหลานเดินไปข้างหน้าสองก้าว หันกลับมามองสวีฉางหลินอีกที เขาในเวลานี้กำลังผ่าฟืนอย่างซึมกะทือ ใบหน้าปราศจากอารมณ์เหมือนเดิม ไอเย็นแผ่ซ่านจากรอบตัว
เมื่อกี้นางอาจจะสะกิดเรื่องเศร้าของเขาแล้วจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...