เดิมเหล่าไท่ไท่ยังนึกว่าเป็นบะหมี่นวดมือธรรมดา แต่พอเห็นของที่โจวกุ้ยหลานใส่ลงไปต่อจากนี้ก็เดาะลิ้นไม่หยุด
“เจ้าใส่หมูลงไปเยอะอย่างนั้นทำไม?”
โจวกุ้ยหลานเหยาะซีอิ๊วไปก็ตอบไป “นี่ถึงจะได้รสชาติ”
ว่าแล้วก็หยิบแป้งมันใส่ลงไปอีก
“ก็แค่บะหมี่ เจ้าใส่อะไรเยอะแยะ” เหล่าไท่ไท่เบะปาก บ่นอุบอิบ
โจวกุ้ยหลานเอาหมูที่ทำเสร็จไว้ด้านข้าง แล้วหยิบไข่แดงที่ไม่ได้ใช้ตอนกลางวันมาตี เทน้ำมันลงหม้อแล้วทำไข่เจียว กลิ่นหอมพวยพุ่งขึ้นมา
เมื่อไข่เจียวเสร็จ โจวกุ้ยหลานก็ตักขึ้นมา เทน้ำลงในหม้อ ปิดฝา ส่วนตัวเองก็เตรียมผักที่ล้างสะอาดแล้วอยู่ข้างๆ
“เจ้ายุ่งยากอย่างนี้ หนึ่งวันก็ทำได้แต่อาหารสามมื้อนี่แหละ!”
เหล่าไท่ไท่ไม่พอใจกับวิธีการทำของโจวกุ้ยหลานเป็นอย่างยิ่ง
กินข้าวก็มิใช่แค่ให้ท้องอิ่มหรือ?
ทำอะไรเยอะแยะ
โจวกุ้ยหลานไม่สนใจการบ่นของเหล่าไท่ไท่ ทำงานในมือต่อ
ระหว่างต้มน้ำ นางหั่นเส้นเรียบร้อยแล้ว
รอจนน้ำเดือด นางก็เทบะหมี่ลงไปในหม้อ แล้วเทน้ำมันลงไปอีกไม่น้อย
ปิดฝาอีกครั้ง ให้บะหมี่ค่อยๆ ต้มไป
“วันนี้เย็นเกินไป เรากินบะหมี่ประทังไปก่อนมื้อหนึ่งแล้วกัน” พอโจวกุ้ยหลานว่างก็เอ่ยกับเหล่าไท่ไท่
เวลาเหล่าไท่ไท่ตระหนักแล้ว บุตรสาวคนนี้มีเงินไม่น้อยเลย บะหมี่ที่ทำจากแป้งยังบอกว่ากินประทังไปก่อน เช่นนั้นคราวก่อนนางคงได้เงินไม่น้อยสินะ
แล้วยังฝ้ายกับผ้าพวกนั้นอีก บุตรสาวคนเล็กคนนี้ของตัวเองพูดขึ้นมาตายังไม่กะพริบ
แล้วยังการกินในบ้านอีก จะไปกันใหญ่แล้ว
“กุ้ยหลาน ในมือเจ้ามีเงินเท่าไร?” เหล่าไท่ไท่เอ่ยปากถามอีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานตอบอย่างตรงไปตรงมา “เอาเป็นว่าเงินที่กินน่ะมี แต่มีเท่าไร อันนี้ข้าไม่บอกท่านแม่หรอก ไม่อย่างนั้นท่านแม่ก็ต้องให้ข้าเพิ่มให้พี่อีกนะสิ”
“แหม! นังเด็กนี่นิ ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ช่วยพี่ชายเจ้าหน่อยจะเป็นไร?” เหล่าไท่ไท่วางที่คีบลงกับพื้น ไม่พอใจกับคำพูดบุตรสาวคนเล็กตัวเองมาก
“รู้แล้วน่า” โจวกุ้ยหลานรับคำ
ต่อให้ท่านแม่ไม่บอกนางเรื่องนี้ หากนางมีความสามารถย่อมช่วยพี่ชายอยู่แล้ว
แต่วิธีการที่นางคิดเหล่านั้นยังไม่ทราบว่าจะหาเงินได้หรือไม่ นางต้องทดสอบก่อนแล้วค่อยบอกเหล่าไท่ไท่ มิเช่นนั้นหากถึงเวลาไม่สำเร็จ จะไม่ดีใจเก้อหรือ?
ทั้งสองพูดจาเคล้าทะเลาะกัน ไม่นานสวีฉางหลินก็พาโจวต้าไห่กลับมา
เมื่อเห็นบุตรชายตนเข้าเรือน เหล่าไท่ไท่ก็รีบลุกขึ้น สาวเท้าไปหา “ต้าไห่ ดูตัววันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
เหล่าไท่ไท่กล่าวพลางเดินเข้าใกล้โจวต้าไห่ ช่วยเขาปัดฝุ่นบนตัว
สวีฉางหลินทางนั้นเห็นดังนั้นแล้วก็รีบเดินไปที่ข้างเตา เฝ้าเตาเอาไว้
เขาทราบว่าภรรยาของตนให้ความสำคัญกับความแรงของไฟมาก
โจวกุ้ยหลานเห็นการกระทำของสวีฉางหลินแล้วก็อบอุ่นในหัวใจ ยกมุมปากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“ดีมาก”
โจวต้าไห่กล่าวพลางเกาศีรษะด้านหลังของตัวเอง
กล่าวเรื่องอย่างนี้ต่อหน้าท่านแม่และน้องสาวตัวเอง ช่างน่าเขินอายยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...