สวีฉางหลินแบกไม้คานขึ้นมาบนไหล่ของตนเองแล้วพูดว่า “มันก็ถือว่าหนักอยู่”
มีห่านเพิ่มขึ้นอีกสิบหกตัว แน่นอนว่าหนักขึ้น แต่เขาจะปล่อยให้ภรรยาแบกภาระที่หนักกว่าได้อย่างไร ?
โจวกุ้ยหลานเองก็เข้าใจในสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าของนางเป็นสีแดง หันหน้าหนี ไม่อยากให้เขาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนาง
คิดไปคิดมา ผู้ชายคนนี้ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย......
แต่ด้วยนิสัยแบบนี้ของเขา กลับทำให้คนอดรู้สึกอยากเข้าใกล้ไม่ได้......
โจวกุ้ยหลานดึงสติกลับคืนมา เดินต่อไปด้านหน้า เห็นว่ามีห่านขาย นางจึงซื้อห่านมาเพิ่มอีกยี่สิบตัว เมื่อลองคำนวณดู มันก็ไม่ใช่น้อย ๆ
คิดไปนี่มันก็เพิ่งต้นปี ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร โจวกุ้ยหลานยังคิดอยากลอง ในตอนนั้นก็หยุดมือทันที
มองไปด้านหน้าเห็นว่ายังมีวัวขายอยู่ ในใจของโจวกุ้ยหลานต้องการมัน แต่เมื่อนึกถึงเงินที่อยู่ในมือ นางกัดฟัน ทำได้เพียงอดทนไว้เท่านั้น
อีกอย่าง พวกเขาอาศัยอยู่บนภูเขา เกวียนวัวไม่สามารถขึ้นไปได้
ทั้งสองคนเดินไปอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นว่ามีลูกแกะขาย
น่าเสียดายที่ไม่มีแม่แกะ ไม่อย่างนั้นนางคงมีนมแกะให้ครอบครัวได้ดื่มตลอดทั้งปี
โจวกุ้ยหลานครุ่นคิด สุดท้ายก็ถามราคาออกไป
คนผู้นั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกแกะตัวนี้ราคาห้าตำลึง”
“นี่มันแพงเกินไปหรือเปล่า ? ก่อนหน้านี้ข้าเคยซื้อแม่แกะและลูกแกะมาในราคาเพียงสิบกว่าตำลึง !”
คนผู้นั้นส่ายหน้า “เจ้าไม่รู้หรือว่าปีนี้ราคาแกะนั้นเพิ่มขึ้น ตอนที่พวกข้าซื้อมามันก็ราคาเท่านี้”
ด้วยคำพูดนี้โจวกุ้ยหลานจึงไม่คิดต่อรอง คนผู้นี้คือพ่อค้าเร่ที่หาผลกำไรจากส่วนต่าง
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้าและเดินจากไป ชายผู้นั้นรั้งนางไว้และอธิบายออกมา เขาบอกว่าครอบครัวของเขาค้าขายแกะอยู่ในตลาดแห่งนี้ เมื่อนางจากไป ยังไงก็ไม่มีทางซื้อแกะได้
โจวกุ้ยหลานขี้เกียจจะสนใจเขา ยกเท้าขึ้นและเดินต่อไป ไม่รู้ว่าชายผู้นั้นตะโกนอะไรออกไป ชายสี่คนที่อยู่ใกล้ ๆ วิ่งเข้ามาล้อมรอบสองสามีภรรยาไว้
“แกะของพวกข้าราคาสูง เจ้าดูแล้วไม่ซื้อ ถึงเวลาข้านำแกะกลับไปแล้วมันเกิดป่วยขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ?”
คำพูดนี้......ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน
“เจ้าพูดแบบนี้ก็เหมือนว่าเจ้าเป็นคนสร้างถนนเส้นนี้ ต้นไม้ต้นนี้เป็นของพวกเจ้า แล้วบังคับให้พวกข้าที่มาที่นี่ที้งค่าผ่านทางอย่างนั้นหรือ ?” โจวกุ้ยหลานพูดส่อเสียดออกมา
ชายผู้นั้นส่งเสียง “เอ๋ ? ” ออกมา จากนั้นก็หัวเราะดังลั่น “นี่พวกเจ้ารู้ด้วยหรือว่าพวกข้าหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้ ?”
เป็นโจรจริง ๆ อย่างนั้นหรือ ?
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าตนเองเป็นคนพูดมากเกินไปจนน่ารำคาญ แต่นางพูดอะไรออกไปแล้วกลับเป็นจริงอย่างนั้นงั้นหรือ ?
“พวกเจ้าก็แค่ซื้อแกะสองตัวนี้ไป ไม่ก็ปล่อยให้เหล่าพี่น้องของข้าระบายความโกรธ แต่ข้าแนะนำให้เจ้านำเงินออกมาแต่โดยดี หากพวกเราพี่น้องลงมือขึ้นมา แบบนั้นคงไม่เบา......”
ในขณะที่เขากำลังพูด เขาก็เห็นชายที่อยู่ด้านหลังของนางก้าวออกมา หัวใจของเขาสั่นไหว รีบหันไปเปลี่ยนคำพูดทันที “จัดการผู้ชายคนนั้น ! จัดการมัน จะเป็นหรือตายไม่ต้องสนใจ !”
เมื่อทั้งสี่คนได้ยินเช่นนั้นก็พุ่งเข้าไปหาสวีฉางหลินทันที
โจวกุ้ยหลานไม่ได้เป็นห่วงสวีฉางหลิน นางแค่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของสวีฉางหลิน เพราะนางจะรู้สึกทุกข์ทรมาน
คิดแบบนี้นางก็วางตะกร้าหาบลง และรีบนำไม้ค้านออกมาเพื่อป้องกันตนเอง
“อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ข้าเป็นลูกผู้ชายที่มีความอดทนสูง หนึ่งต่อห้าถือว่าไม่เสียเปรียบ !”
“ยัยผู้หญิงหยาบช้า ! หน้าตาดูไม่เลว อีกเดี๋ยวพวกเราพาตัวนางกลับไป ดูกันว่าลูกพี่ต้องการนางหรือเปล่า !” ชายผู้นั้นลูบคางของตน หรี่ตามองโจวกุ้ยหลาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...