ซิ่วเหลียนตะโกนตอบรับจากทางห้องครัว ผ่านไปมินานนางก็กำขี้เถ้ามาจากห้องครัวกำหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา นางผลักคนที่ยืนงุนงงทุกคนตรงหน้าออก แล้วกดขี้เถ้าเข้าไปที่บาดแผลของโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานตะโกนขึ้นอีกครั้งตั้งใจจะถอยหนี แต่เหล่าไท่ไท่รั้งนางไว้มิให้ขยับ
นี่มันคือขี้เถ่า จะห้ามเลือดได้อย่างไรกัน ทั้งยังทำให้บาดแผลติดเชื้อด้วย!
โจวกุ้ยหลานตั้งใจจะไปล้างบาดแผลให้เรียบร้อย แต่ดูเหมือนเหล่าไท่ไท่จะมิทำตามความต้องการนาง แล้วกดแขนของนางเอาไว้แน่น
หลังใช้เวลาอยู่สักพักความยุ่งเหยิงจึงได้คงที่ ผู้นำตระกูลซุนของฝ่ายตรงข้ามเห็นภาพตรงนี้ก็ได้แต่ส่ายหน้า เจ้าซุนโก่วต้านทำอะไรมิได้เรื่องได้ราวจริง ๆ
“ซุนโก่วต้าน ข้ามิอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าอีกต่อไป เจ้ากลับไปใช้ชีวิตของเจ้าเถอะ!” โจวคายจือโมโหแล้วตะโกนขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่นางถูกตบตีนางก็พยายามอดทน แต่บัดนี้ผู้ที่ถูกตีคือน้องสาวของนาง น้องสาวที่นางทะนุถนอมอย่างสุดหัวใจ!
มิใช่สิ นี่มิใช่ชีวิตที่นางต้องการ นางต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ต้องการกินอิ่มนอนหลับ และมิมีคนคอยมาทุบตี
ซุนโก่วต้านถึงกับตกตะลึง “เจ้า......ว่าอย่างไรนะ?”
“พวกเราหย่าร้างกันแล้ว และข้าจะมิกลับไปกับเจ้าแน่ เจ้าเชิญกลับไปใช้ชีวิตของเจ้าเพียงลำพัง กลับไปเป็นลูกชายแสนกตัญญูของเจ้าเสีย!” โจวคายจือระเบิดโมโหออกมา
ผู้ชายอะไรกัน ผู้ชายคนนี้ให้นางอดทนอย่างเดียว ให้นางกตัญญูต่อท่านแม่ของเขา ให้นางทำงานหนักขึ้น อย่าให้บิดาท่านแม่ของเขาต้องขุ่นเคือง
โจวกุ้ยหลานตกตะลึง เหล่าไท่ไท่ก็ตกตะลึงเช่นกัน แม้แต่โจวต้าไห่และโจต้าซานก็ประหลาดใจ
นี่......นี่คือคำพูดของโจวคายจือ ที่เป็นคนแสนหวาดกลัวอย่างงั้นหรือ
“เจ้าเอ่ยไร้สาระอะไรกัน? เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ตระกูลซุนของเราปฏิบัติมิดีต่อเจ้าอย่างไร การกตัญญูจะผิดอะไรเล่า?”
หลังจากที่ซุนโก่วต้านตกตะลึง เขาก็รู้สึกโมโห เขามิยอมให้ภรรยาของตนคัดค้านเช่นนี้แน่ และมิยอมให้ภรรยาของตนปฏิบัติมิกตัญญูต่อท่านแม่ของเขา
“แต่ละวันข้าต้องตื่นแต่รุ่งสางมาเพื่อรับใช้พวกเจ้าทุกคน รอจนกระทั่งพวกเจ้านอนหลับแล้วข้าจึงได้พักผ่อน แต่ละวันทำงานหามรุ่งหามค่ำ ได้กินน้ำกินข้าวเพียงมิกี่คำ ทั้งยังต้องคอยถูกพวกเจ้าตบตีทำร้าย ไหนจะต้าญาที่เกือบต้องตาย พวกเจ้าเคยคิดจะรักษานางหรือไม่? ส่วนเอ้อร์ญา ข้าได้ยินพวกเจ้ากล่าวว่าจะขายไปเพื่อเป็นภรรยาของใครก็มิรู้!”
คำพูดเหล่านี้โจวคายจือเก็บเอาไว้ในใจเนิ่นนานตลอดมา แต่ก่อนนางพยายามให้ตนเองอดทน แต่บัดนี้นางทนมิไหวแล้วนางระเบิดมันออกมา
“ซานญาหิวมากจนนอนมิหลับ เมื่อนางตื่นขึ้นมาก็เห็นแม่ผู้แสนดีของเจ้ากำลังทำขนมให้พี่ใหญ่และพี่รองกิน แต่ข้าเองก็มิกล้าเอ่ย พวกเจ้าทุกคนปฏิบัติต่อพวกเราเช่นนี้ สักวันเราคงต้องหิวตาย!”
โจวกุ้ยหลานมองไปทางโจวคายจือรู้สึกถึงความแตกต่างทันที
ใครเล่าจะเป็นพระอิฐพระปูนได้ไปตลอดชีวิต แม้แต่พระก็ยังมีความโกรธ บัดนี้พี่สาวคนโตของนางกำลังโมโหเสียจนระเบิดออกมาอยู่ใช่หรือไม่?
“ได้ ตกลง เจ้ามันเก่ง เจ้ามิกลับไปก็ยอมได้ ตระกูลซุนของเราก็มิอยากได้เจ้าเช่นกัน เราต้องการเพียงแค่คนของตระกูลซุน เจ้าจงอยู่ที่บ้านท่านแม่รับใช้ไปเถิด ข้าอยากรู้นักว่ายามแก่เฒ่า พวกเขาจะดูแลเจ้าได้หรือไม่!” ป้าซุนเองก็มิอยากเสแสร้งอีกต่อไปนางชี้นิ้วไปที่โจวคายจือแล้วกล่าวขึ้น
“หยุด จงพอได้แล้ว!” ผู้นำตระกูลซุนใช่ไม้ค้ำกระแทกไปที่พื้นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“ฉากวุ่นวายตรงหน้านี้เมื่อไหร่จึงจะจบสิ้นกัน?”
ต่อให้ป้าซุนมิยินยอมเพียงไร ก็มิกล้าที่จะถกเถียงกับผู้นำตระกูลซุน นางทำได้เพียงหุบปากของตนลง
สักพักภายในห้องก็กลับคืนสู่ความสงบ
ดูเหมือนผู้นำตระกูลซุนตั้งใจจะลุกขึ้นยืน คนที่อยู่ข้าง ๆ จึงได้เอื้อมมือเข้ามาช่วยเหลือ
หลังจากที่ลุกขึ้นยืนแล้วจึงได้เอ่ยปากว่า “พวกเจ้าหย่าร้างกันแล้ว โจวคายจือมิอยากจะกลับไปตระกูลซุนอีก พวกเราก็จะมิบังคับ เพียงแต่เด็ก ๆ นี้แซ่ซุน พวกเราจำเป็นต้องเอาเขากลับไป”
“ข้ามิไป!” ต้าญาเอ่ยตะโกนขึ้นเสียงดังแล้วรีบพุ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของโจวคายจือ
โจวคายจือรีบกอดนางเอาไว้และยังมีบุตรสาวอีกสองคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...