“เหตุใดจึงเอ่ยมากความนัก” สวีฉางหลินตอบรับอย่างเย็นชา แต่สายตาของเขามิได้ละไปจากโจวกุ้ยหลานที่อยู่ในครัวเลย
“ข้าเพียงแค่เอ่ยเตือนเจ้า”เสี่ยวจิ่วตอบ
สวีฉางหลินกล่าวว่า “เจ้ามิมีสามี จะไปรู้อะไรเกี่ยวกับสามีภรรยา”
เสี่ยวจิ่วนิ่งเงียบ ขณะที่นางจะกล่าวบางอย่างออกมานั้น โจวกุ้ยหลานก็ตรงออกมาก่อน
เมื่อได้ยินเสียง โจวกุ้ยหลานจึงเงยหน้าขึ้นพบว่าทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูคนหนึ่ง หลังประตูคนหนึ่ง
ทั้งสองคนสวมชุดสีดำใบหน้าดูเย็นชา อีกทั้งหน้าตางดงาม ดูมีสง่าราศี เหตุใดมองไปจึงเข้ากันยิ่งนัก
โจวกุ้ยหลานยิ่งมองยิ่งรู้สึกแสบตาจึงลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ดึงแขนสวีฉางหลินตรงเข้าไปในห้อง
เมื่อเข้าไปในห้องแล้วนางก็ปิดประตูดังปัง ก่อนหันกลับมาผลักสวีฉางหลินลงไปที่ตรงขอบเตียง กดร่างเขาให้นั่งลง ส่วนนางยืนอยู่ที่เดิมจ้องมองไปที่สวีฉางหลินอย่างเย็นชา
แววตานั้นมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอย่างดุดัน
นี่เป็นครั้งแรกที่สวีฉางหลินเห็นแววตาเช่นนี้จากโจวกุ้ยหลาน มิรู้ว่าเพราะเหตุใดความรู้สึกระวนกระวายก็เริ่มปรากฏขึ้น
โจวกุ้ยหลานเอามือเท้าสะเอวมองไปที่สวีฉางหลินอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้ามิพอใจในตัวข้าตรงไหนหรือ?”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” สวีฉางหลินมิเข้าใจในความหมายของนาง
โจวกุ้ยหลานสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับความโกรธในใจของตนแล้วเอ่ยขึ้นทันทีว่า “เจ้าชื่นชอบแม่นางที่ชื่อว่าเสี่ยวจิ่วใช่หรือไม่?”
หลายวันมานี้สวีฉางหลินดูผิดปกติไป และความผิดปกตินี้ปรากฏขึ้นหลังจากที่เสี่ยวจิ่วปรากฏตัว
“อะไรนะ?”
ยังแสร้งทำสับสนหรือ!
เดิมทีความโมโหของโจวกุ้ยหลานยังคงสามารถระงับไว้ได้ แต่วินาทีนี้กลับทวีคูณเพิ่มขึ้น นางเยาะเย้ยว่า “แกล้งโง่หรือ ตอนกลางคืนพวกเจ้าทำอะไรกันพึมพำอยู่ในห้อง และหลายวันมานี้เจ้าพานางไปล่าสัตว์ วัน ๆ หนึ่งมิเคยเห็นเงา คิดว่าข้าตาบอดหรือไร!”
โจวกุ้ยหลานกล่าวถึงตรงนี้ ก็ตั้งใจรอให้เขาอธิบาย แต่ผ่านไปสักพักก็พบว่าสวีฉางหลินเพียงจ้องมองมาที่นางอย่างเงียบ ๆ
“มองข้าทำไม มีอะไรก็ให้พูด หากเจ้ารักนางแล้วจริง ๆ พวกเจ้าทั้งสองคนตกหลุมรักกันข้าเองก็จะมิรั้งไว้ เราสองหย่าร้างและใช้ชีวิตของใครของมัน”
เมื่อกล่าวจบ นางก็รู้สึกเหมือนมีมือขนาดมหึมาบีบอยู่ที่หน้าอกทำให้นางหายใจมิออก
โจวกุ้ยหลานสุดลมหายใจเข้าใบหน้าของนางยังคงเย็นชาแล้วมองไปที่สวีฉางหลิน รอให้เขาเอ่ยปาก
ผ่านไปเนิ่นนาน นางก็ยังเห็นสวีฉางหลินเพียงจ้องมองมาอย่างเงียบ ๆ
นางรู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกินและหันหลังเพื่อจะจากไป
ในโลกนี้ใครขาดใครแล้วจะอยู่มิได้เล่า ต่อให้......ต่อให้นางจะชื่นชอบสวีฉางหลินมากและอยากอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต แต่หากจิตใจเขามิอยู่ที่นี่นางก็ยินดีที่จะจากไปทันที
ขณะที่นางกำลังก้าวขาออกไปนั้น เอวของนางก็ถูกใครเข้ามาร่างเอาไว้ ก่อนที่ร่างจะลอยขึ้นไปท่ามกลางอากาศหมุนไปรอบ ๆ หลังของนางถูกวางลงบนเตียง
ยังมิทันได้สติกลับคืนมา ริมฝีปากของนางก็ถูกสวีฉางหลินประกบไว้
มิทันจะอธิบายใด ๆ ให้ชัดเจน เขาก็ คิดจะผ่านไปอย่างคลุมเครือเช่นนี้หรือ?
โจวกุ้ยหลานกัดลิ้นของสวีฉางหลินไว้อย่างแรงเพื่อต้องการให้เขาปล่อยตน แต่ดูเหมือนสวีฉางหลินจะมิรู้สึกถึงความเจ็บปวด เขากดริมฝีปากทวีแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงดัง “แขวก!” และร่างของนางก็เย็นวาบ
ชุดใหม่ของนางพัง!
โจวกุ้ยหลานโกรธมากจนยกมือขึ้นผลักสวีฉางหลิน แต่สวีฉางหลินกลับกดนางเอาไว้อย่างแรง เขาจับร่างของนางเอาไว้แน่นเพื่อมิให้นางลุกขึ้นได้
“เจ้านี่!” ความโกรธในใจของโจวกุ้ยหลานทวีรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาศัยช่วงที่สวีฉางหลินฉีกเสื้อผ้าของนาง นางจึงเลื่อนมือลงไปจับอวัยวะบางส่วนของเขา แล้วดึงมันออกมาอย่างแรง
ความรู้สึกเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย ทำให้สวีฉางหลินถึงกับตัวแข็งทื่อ
เขายกตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วปล่อยริมฝีปากของโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานใช้แรงบิดและได้ยินเสียงออกจากปากของชายหนุ่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...